บทที่ 465 ใครก็ไม่กล้าคิด
สำหรับเวินจิ้ง มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากถ้ามู่วี่สิงรับมือบริษัทมู่ซือกรุ๊ปเพื่อเธอจริงๆ
“พี่ชายของฉันเป็นเจ้าหลงกับความรักเหลือเกิน”มู่ซือซือกล่าวอย่างไม่รู้ทำยังไง
“ซือซือ ในสายตาของคุณ คิดว่าฉันจีบคุณนานเท่าไหร่”ส้งวี่จับหน้าของมู่ซือซือ
มู่ซือซือคายลิ้น แซวเขาว่า”แค่สามปีเอง ยังมีหน้าจะถามอีก”
เวินจิ้งมองคู่รักที่แซนเล่นกัน มียิ้มบนใบหน้าโดยที่เธอไม่รู้ตัว
ผ่านไปไม่นาน มู่วี่สิงฏ้ก็ปฏิเสธแขกหลายคนและนั่งอยู่ข้างๆเวินจิ้ง
“คืนนี้คุณปู่มีความสุขมาก”เวินจิง้มองรอยยิ้มแสนสดใสของคุณปู่ ท่าทางที่กระฉับกระเฉงกว่าเมื่อก่อน
“อื่ม เขาชอบงานที่มีชีวิตชีวา แถมมีเพื่อนที่รู้จักกันมาด้วย”
“ซือซือ ใกล้จะสอบแล้ว เตรียมตัวสอบได้ยังไงบ้าง”มู่วี่สิงถามเธอ
อีกหนึ่งเดือนซือซือก็จะเข้าสอบเข้าวิทยาลัยผู้ใหญ่แล้ว ช่วงนี้ส้งวี่ดิวสอบให้เธอตลอด
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ฉันมีความมั่นใจในตัวเอง”มุ่ซือซือพูดอย่างมั่นใจ
“สมที่เป็นคนในตระกูลมู่ของเราจริงๆ”
เมื่องานเลี้ยงจะจบ ไม่คิดว่ามู่เหิงก็มาด้วย
มู่เฉิงไม่ได้เชิญมู่เหิงเลย
เมื่อเห็นหลานชายที่ดื้อรั้นอย่างมู่เหิง สีหน้าของมู่เฉิงก็ดูหดหู่
“คุณปู่ ฉันมาอวยพรวันเกิดคุณครับ”มู่เหิงเอากล่องของขวัญเหมือนมาอวยพรจริงๆ
มู่เฉิงไม่แม้แต่จะดูเลย”ออกไป”
มู่เหิงไม่ไปอยู่แล้ว เขาเปิดกล่องของขวัญ มันเป็นเหล้าขาวที่มู่เฉิงชอบที่สุด
“คุณปู่ ขอให้ท่านอายุยืนยาวครับ… ”
“คุณคงอยากให้ฉันตายเร็วๆ”มู่เหิงยังพูดไม่เสร็จ มู่เฉิงก็ขัดจังหวะเขาอย่างโกรธ
แขกที่อยู่รอบๆค่อยๆออกจากงานไปแล้ว แต่มู่เฉิงอยู่กลางห้องจัดเลี้ยง เขาทำแบบนี้ทำให้แขกหลักหลายหยุดการเดิน
เมื่อเร็วๆนี้ มู่เหิงเริ่มก่อตั้งบริษัทของตัวเองใหม่ เพื่อจะสู้กับบริษัทมู่ซือกรุ๊ปชัดๆเลย ในช่วงเวลานี้การพัฒนาของบริษัทใหม่นี้ไปได้ด้วยดีมาก มู่เฉิงเลยยิ่งโกรธไปอีก
“คุณปู่ครับ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นคุณค่าของฉัน และรักน้องชายมากกว่า ในใจของฉัน คุณก็ยังเป็นคุณปู่ที่น่านับถือที่สุดของฉันอยู่ดี”
คำพูดของมู่เหิงดูดีมาก และเขาเอาของขวัญให้บริกร คิดจะช่วยจับมู่เฉิงไว้
“เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทใหม่ของฉันเปิดตัวยาใหม่ที่สงบอารมณ์ คุณปู่ ฉันคิดว่าคุณต้องการยานี้ครับ”พูดเสร็จ
เขาก็สั่งให้ผู้ช่วยเอายามา
มู่เฉิงมองอย่างเย็นชาและรับไปก็ทิ้งไปทันที
“อารมณ์รุนแรงในปัจจุบันของฉัน ก็เพราะถูกกระตุ้นจากคุณ คุณออกไป อารมณ์ของฉันจะสงบลงเอง”
สีหน้าของมู่เฉิงซีดไปเรื่อยๆ อ้าปากกว้างๆหายใจลึกๆ มือที่จับไม้ค้ำกำลังสั่นอยู่
มู่เหิงไม่สนใจ ริมปากบางของเขามีรอยยิ้มที่เย้ยหยัน”คุณปู่ ฉันเป็นหลานชายของคุณ ทำไมคุณถึง … ”
เขายังไม่ได้พูดเสร็จ มู่เฉิงก็หมดสติอยู่ล้มไปบนพื้นแล้ว มู่วี่สิงและเวินจิ้งรีบวิ่งไป ห้องจัดเลี้ยงวุ่นวายไปหมด และมีคนรีบโทรหารถพยาบาลทันที
มู่วี่สิงทำการปฐมพยาบาลให้มู่เฉิงอย่างรวดเร็ว แต่มู่เฉิงก็มีอาการหัวใจล้มเหลวนานแล้ว รับกระตุ้นไม่ได้
มู่เหิงก็ตกใจเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าคุณปู่ของเขา … จะเป็นลม
เขาคุกเข่าลงอยากจะดูอาการของคุณปู่ แต่ถูกมู่วี่สิงเตะออกไปอย่างหนัก
“มู่เหิง ถ้าคุณปู่เป็นอะไรไป ฉันจะทุบบริษัทใหม่ของคุณทันที” เสียงของมู่วี่สิงนั้นเย็นชาเหมือนมาจากนรก
มู่เหิงสั้นไปทั้งตัว บริษัทใหม่ของเขา …มันจะถูกทำลายไม่ได้เป็นอันขาด
“มู่วี่สิง คุณมีความสามารถนี้ค่อยพูดแบบนี้แล้วกัน”มู่เหิงกล่าวอย่างโกรธ
มู่วี่สิงไม่ได้สนใจเขาต่อ แต่ความโหดร้ายของเขาก็ทำให้มู่เหิงกลัวเบาๆ
ฝีมือของน้องชายคนนี้ เขารู้อยู่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ที่โรงพยาบาล
มู่วี่สิงใส่เสื้อคลุมสีขาวเข้าร่วมในการปฐมพยาบาล เวินจิ้งถูกบล็อกอยู่ข้างนอก
ส้งวี่และมู่ซือซือตามมาอย่างรวดเร็ว และมู่ซือซือพูดตลอดว่า”มู่เหิงกล้าดียังไง กล้าพูดกับคุณปู่แบบนี้ด้วย
ถ้าคุณปู่เป็นอะไรไป ฉันจะฉีกเขาให้เป็นชิ้นๆ”
ส้งวี่กอดแขนของเธอไว้เพื่อปลอบอารมณ์ของเธอ แม้ว่าเธอจะสาปแช่งเช่นนี้ แต่มู่ซือซือก็เป็นห่วงมาก
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและน้ำตาไหลลง
ส้งวี่รู้สึกสงสารมากขึ้น ลูบไหล่ของมู่ซือซือเบาๆ เขาก็กลัวเหมือนกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มู่เฉิงได้รับความเจ็บป่วยที่รุนแรงมาหลายครั้ง ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าเป็นอะไรจริงๆ …
ไม่มีใครกล้าคิดเลย
เวลาค่อยๆผ่านไป หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ไฟสีแดงในห้องฉุกเฉินก็ดับลง
มู่วี่สิงออกมาเป็นคนสุดท้าย เวินจิ้งและมู่ซือซือรีบเดินเข้าไป”คุณปู่เป็นยังไงบ้าง”
“พ้นจากอันตรายแล้ว”เสียงของมู่วี่สิงต่ำมาก
ถึงจากเป็นแบบนี้ แต่สภาพร่างกายของมู่เฉิงก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่
เวินจิ้งเดินเข้าไปและจับมือของเขาอย่างแน่ๆ ปลอบใจเขาว่า”คุณปู่ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ”
“ครับ”ถอดหน้ากากออก ใบหน้าของมู่วี่สิงนั้นดูซีดมาก
เวินจิ้งไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน ความกังวลและความกลัวทำให้เขาดูเหมือนเปลี่ยนคนไปเลย
เขาใจเย็นและสงบมาตลอด แต่เมื่อเผชิญกับความเจ็บป่วยและความตาย เขาก็แค่เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเฉยๆ
กอดเวินจิ้งไว้อย่างแน่นๆ มู่วี่สิงพูดอย่างเสียงสั่นว่า”เมื่อกี้หัวใจของคุณปู่หยุดเต้นหนึ่งวินาที”
น้ำตาของเวินจิ้งก็ไหลลงไม่หยุด และเธอเข้าใจอารมณ์ของมู่วี่สิง
“ค่ะ ตอนนี้คุณปู่ก็พ้นจากอันตรายแล้ว มู่วี่สิง … ”
ด้านนอกของห้องผู้ป่วย เวินจิ้งและมู่วี่สิงกำลังยืนอยู่ที่ทางเดิน มู่ซือซือนั่งอยู่ข้างเตียง ร้องไห้ตลอด การปลอบใจของส้งวี่ก็ไม่มีประโยชน์
ผ่านไปสักพัก มู่วี่สิงค่อยเดินเข้ามา
มู่ซือซือมองเขาด้วยตาที่พร่ามัว มู่วี่สิงหยิบทิชชู่ออกมาและเช็ดน้ำตาให้น้องสาว
“ส้งวี่ พาซือซือกลับไป คืนนี้ฉันจะเฝ้าอยู่ที่นี่เอง ”
“ฉันไม่กลับ เมื่อไหร่คุณปู่จะตื่นล่ะ “มู่ซือซือถามอย่างตื่นเต้น
“คืนนี้ก็จะตื่นขึ้นมาล่ะ ในเมื่อพ้นจากอันตรายแล้ว คุณปู่ก็มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ถึงใบหน้าของเขาเหนื่อยแต่ก็เครียด
ยังไงมู่ซือซือก็อยากกลับไป เธอมองพี่ชายอย่างน่าสงสาร”ฉันไม่กลับ”
“ช่วงนี้น้องนอนดึกเพื่อเตรียมสอบคงเหนื่อยมากแล้ว พี่จะดูแลคุณปู่เองนะ”
มู่ซือซือก้มหัวลง แต่ในเวลานี้ส้งวี่ผลักรถเข็นของเธอออกไปแล้ว
“วี่สิง มีอะไรรีบบอกเรา”เขาพูด
มู่วี่สิงพยักหน้า ห้องผู้ป่วยเงียบลง เขานั่งลงที่ข้างๆคุณปู่ของเขา
เวินจิ้งมองมู่วี่สิงอยู่ห่างๆ คืนนี้เธอก็คิดจะอยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน
เพียงแต่ว่ามู่วี่สิงไม่ได้ให้โอกาสเธอ
“เกาเชียนมาแล้ว คุณกลับไปโรงเรียนเถอะ”
“ไม่ ฉันจะอยู่ที่นี่”เวินจิ้งพูดอย่างดื้อรั้นและนั่งลงบนโซฟา
มู่วี่สิงเดินมาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆว่า”ฉันเฝ้าคุณปู่ก็พอแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนนะ ฟันฉันนะ”
“ไม่ ฉันไม่ฟัง ฉันอยากอยู่กับคุณปู่ อยากอยู่กับคุณ”เวินจิ้งดื้อขึ้นมา ใครก็เอาไม่อยู่
“มู่วี่สิง นอกจากว่าคุณจะไปพักผ่อนกับฉัน ไม่งั้นเราจะอยู่เฝ้าคุณปู่ด้วยกัน”เวินจิ้งพูดอย่างไม่ยอม