บทที่ 471 เพิ่มภาระ
แต่เมื่อทั้งสองคนเดินออกมา มู่เหิงก็กำลังจะออกไปพอดี
เมื่อเห็นมู่ซือซือกับส้งวี่ เขาก็หยุดฝีเท้าลง จากนั้นบนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา “น้องสาวของฉัน มีความรักแล้วเหรอนี่?”
“ยุ่งอะไรด้วย” มู่ซือซือมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
มู่เหิงเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร “ส้งวี่ น้องสาวคนนี้ของฉันไม่ค่อยจะมีเหตุผลเท่าไหร่หรอกนะ นายไหวหรือเปล่า?”
“ว่าใครไม่มีเหตุผลห๊ะ!” มู่ซือซือโมโห หยิบเอาแจกันดอกไม้ที่วางอยู่ข้างๆปาใส่มู่เหิง
มู่เหิงรีบถอยหลบ แต่กระนั้นเศษแก้วจากแจกันดอกไม้ที่ตกแตกก็กระเด็นบาดผิวเนื้อของเขาอยู่ดี สีหน้าของเขาจึงอึมครึมลงในชั่วขณะ
“มู่ซือซือ!”
เมื่อเห็นว่ามู่เหิงกำลังเดือด ส้งวี่จึงรีบไปขวางเขาเอาไว้
“มู่เหิง ไสหัวออกไป ตระกูลมู่ไม่ต้อนรับนาย” น้ำเสียงของส้งวี่เย็นยะเยือกเป็นอย่างมาก
มู่เหิงหรี่ตาลง ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “นี่ นายยังไม่ได้แต่งกับซือซือเลยนะ คิดว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลมู่แล้วเหรอ?”
“ฉันมีสิทธิ์ยืนตรงนี้มากกว่านายก็แล้วกัน!”
“มู่เหิง ออกไปเลยนะ ต่อไปนี้ห้ามกลับมาเหยียบตระกูลมู่อีก!” มู่ซือซือถลึงตาใส่เขา
“ทุกอย่างของตระกูลมู่ ต้องเป็นของฉัน!” หลังจากพูดทิ้งท้ายเอาไว้ มู่เหิงก็เดินจากไปอย่างไม่ยินดีเท่าไหร่นัก
เขาต่างหากคือทายาทที่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีทางใช่!
……
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
เมื่อรู้ว่ามู่เหิงไปที่ตระกูลมู่ มู่วี่สิงก็ยกเลิกประชุมกลางคัน แล้วรีบตรงกลับไปที่บ้าน
มู่ซือซือที่บังเอิญเจอพี่ชาย ก็เกิดความสงสัยว่าเวลานี้ พี่ชายต้องอยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าไม่นานก็นึกขึ้นได้ ว่าเพราะเขาน่าจะรู้แล้วว่ามู่เหิงมาที่นี่
“วางใจเถอะ มู่เหิงยังไม่กล้าทำอะไรหรอก” มู่ซือซือพูดขึ้นเสียงเย็น
“ฉันจะไปหาคุณปู่”
เมื่อเปิดประตูห้องหนังสือเข้าไป ก็เห็นว่ามู่เฉิงนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“คุณปู่ครับ มู่เหิงกลับมาเหรอ เขาได้พูดอะไรไหม?” มู่วี่สิงนั่งลงตรงข้ามกับคุณปู่
เขาเพิ่งรู้เมื่อครู่ ว่ามู่เหิงกับโจวเซินเจอกันแล้ว
ถ้ายึดตามกลอุบายของโจวเซินที่เขาเข้าใจเป็นอย่างดี ตอนนี้มู่เหิงก็คงถูกโจวเซินควบคุมแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่เฉิงก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็กล่าวขึ้นเสียงหนักว่า “เขายินยอมที่จะสละสิทธิ์การสืบทอด แต่มีข้อแม้ว่า ฉันต้องช่วยประคับประคองบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ป”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าอึมครึม
“คำตอบของคุณปู่คืออะไร?”
“ฉันยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป”
บรรยากาศเงียบๆกระจายไปทั่วห้องหนังสือ
“ฉันไม่สามารถประคับประคองบริษัทเหิงอวี่กรุ๊ปได้หรอก” ผ่านไปพักใหญ่ มู่เฉิงถึงได้พูดเสียงเย็นขึ้นมา
“ครับ ถ้าทำอย่างนั้น อำนาจของโจวเซินคงยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น แล้วพอถึงตอนนั้นคงมีปัญหาไม่จบไม่สิ้นแน่”
“ฉันก็คิดอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันจะให้แกสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปอย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด” มู่เฉิงพูดขึ้น
มู่วี่สิงพยักหน้า มู่เฉิงจึงพูดต่อว่า “วี่สิง ต่อไปนี้ ฝากบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปไว้กับแกด้วยนะ มีแค่แกเท่านั้นที่ต้องกุมอำนาจ ฉันถึงจะวางใจ ส่วนงานที่โรงพยาบาลน่ะ แกควรรีบลาออกให้เร็วที่สุด อุตสาหกรรมต่างประเทศอยู่ในมือของแกแล้ว แกไม่มีเวลาว่างนักหรอก”
“คุณปู่ครับ เรื่องงานที่โรงพยาบาล ผมหยุดตอนนี้ไม่ได้”
“เพราะเวินจิ้งใช่ไหม?” มู่เฉิงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเฉียบขาด
“คุณปู่ครับ มันคือความฝันของผม” มู่วี่สิงหน้าขุ่นมัวลง
บางเรื่อง เขาก็ไม่คิดที่จะละทิ้งมันเด็ดขาด
ไม่เกี่ยวกับอำนาจ แต่มันคุ้มค่าพอที่จะให้เขาใช้ทั้งชีวิตวิ่งไล่ตาม
“ความฝันงั้นเหรอ! ที่ฉันให้เวลาแกไปมันยังไม่พออีกหรือไง! หลายปีมานี้ฉันยอมให้แกเรียนแพทย์ ยอมให้แกไปทำงานที่โรงพยาบาล ฉันเคยขัดขวางแกสักครั้งไหม!” มู่เฉิงเริ่มเดือด
หลายปีก่อนหน้าเขาให้เวลามู่วี่สิงทำตามความฝันจนเพียงพอแล้ว และตอนนี้ เขาควรกลับมาในที่ที่เป็นของเขา!
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปต่างหากที่เขาสมควรอยู่!
พูดจบ มู่เฉิงก็โกรธมาก พร้อมกันนั้นก็กุมหน้าอกไปด้วย สีหน้าเริ่มเจ็บปวดจนซีดขาว
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว รีบเข้าไปประคองคุณปู่เอาไว้ ใบหน้าเย็นชาแสดงอารมณ์ออกมาในที่สุด จากนั้นก็รีบต่อสายด้วยความร้อนใจ
มู่ซือซือและส้งวี่ก็เร่งรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นคุณปู่หมดสติไป น้ำตาของมู่ซือซือก็ร่วงไหลในทันที
“คุณปู่…..เป็นแบบนี้ได้ยังไง”
น้ำเสียงทุ้มหนักของมู่วี่สิงดังขึ้นมา “ฉันผิดเอง”
หลังจากที่มู่เฉิงถูกส่งมาที่โรงพยาบาล ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน
มู่วี่สิงยืนรออยู่ด้านนอก พร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วยอย่างหนักหน่วง
ส้งวี่เดินเข้ามาตบบ่าของมู่วี่สิง แล้วถามว่า “ทะเลาะกันเหรอ?”
“อืม”
“จะสืบทอดบริษัทแล้วนี่?”
“คุณปู่อยากให้เป็นอย่างนั้น”
“วี่สิง นายคิดให้ดีๆนะ”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มู่เฉิงก็ถูกเคลื่อนย้ายไปยังห้องพักผู้ป่วยทั่วไป มู่วี่สิงยืนอยู่นอกห้อง ส่วนมู่ซือซือเฝ้าคุณปู่อยู่ข้างใน
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าคุณปู่อารมณ์ไม่ดี หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จสีหน้าก็ยิ่งแย่กว่าเดิม คุณหมอจึงแนะนำให้นอนที่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตดูอาการ
ผ่านไปพักใหญ่ มู่ซือซือก็เข็นรถเข็นออกมา เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของพี่ชาย ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คืนนี้ฉันจะเฝ้าคุณปู่เอง” มู่ซือซือเอ่ยปากพูด
มู่วี่สิงช้อนตาขึ้นมามองผ่านๆ จากนั้นก็ดับบุหรี่ แล้วพูดเสียงหนักว่า “แกกับส้งวี่กลับไปเถอะ ฉันจะอยู่เฝ้าที่นี่เอง
“ให้ฉันเฝ้าดีกว่า อารมณ์ของคุณปู่ยังไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ ฉันกลัวว่าจะเจออะไรสะเทือนอารมณ์อีก”
ส้งวี่เองก็เอ่ยพูดขึ้นว่า “วี่สิง นายกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเฝ้าเอง”
มู่วี่สิงมองทั้งสองคน ผ่านไปพักใหญ่ถึงได้พยักหน้าอย่างนิ่งๆ
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถของมู่วี่สิงก็ขับมาจอดอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยหลินไห่
วันนี้เวินจิ้งมาฝึกงานอยู่ที่นี่ เขาจึงโทรไปหาเธอ
“มู่วี่สิง?”
“เลิกงานตอนไหน?” เสียงของมู่วี่สิงไม่สามารถปกปิดความเหนื่อยล้าเอาไว้ได้เลย
“อีกสองชั่วโมง”
“อืม เดี๋ยวผมรอ”
“ห๊า?” เวินจิ้งแปลกใจ เขามาที่นี่เหรอ?
เมื่อเหลือบมองศาสตราจารย์ไป๋ที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าวันนี้เธอต้องทำงานล่วงเวลาอย่างไรอย่างนั้น…….
“คุณทำงานก่อนเถอะ” มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไรมากความ
เวินจิ้งวางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็มองหน้าไป๋สือที่ส่งสายตามาพอดี
“วี่สิงมาเหรอ?” ไป๋สือดูออก
เวินจิ้งพยักหน้า
“ไม่มีผ่าตัดอะไรแล้ว จัดการข้อมูลพวกนี้เสร็จก็ไปได้ละ”
“ศาสตราจารย์คะ…….”
“ผมก็อยากกลับบ้านเร็วๆเหมือนกัน” ไป๋สือยิ้ม
ศาสตราจารย์ไป๋ดีเกินไปแล้ว……
ไม่นานเวินจิ้งก็จัดการทุกอย่างเสร็จ เธอหยิบเอากระเป๋าแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไป มองแค่แวบเดียวก็เห็นรถยี่ห้อคาเยนน์คันสีดำจอดอยู่ตรงประตูทางเข้า
“คุณมาได้ยังไง” เวินจิ้งนั่งลงบนเบาะข้างคนขับ มองผู้ชายที่หันข้างให้อยู่อย่างแปลกใจ
มู่วี่สิงบ้างานมาแต่ไหนแต่ไร วันนี้ก็ไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ด้วย
“คุณปู่เข้าโรงพยาบาล ผมเพิ่งมาจากโรงพยาบาลน่ะ”
“คุณปู่เป็น…..” เวินจิ้งถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ซือซืออยู่กับท่านแล้ว” มู่วี่สิงพูดขึ้นมาเสียงอ่อน
“ฉันอยากไปเยี่ยมคุณปู่” เมื่อเวินจิ้งคาดเข็มขัดเสร็จ รถหรูก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่วี่สองพาเวินจิ้งมาส่งที่โรงพยาบาลหนานเฉิง แต่เขากลับไม่ลงจากรถ
เวินจิ้งมองเขาอย่างงุนงง
“คุณขึ้นไปเยี่ยมคุณปู่ข้างบนเถอะ ผมจะรออยู่ที่นี่”
เวินจิ้ง “……..”
เธอเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณทะเลาะกับคุณปู่เหรอ?”
เพราะมู่วี่สิงพูดอะไรสะเทือนอารมณ์คุณปู่…..คุณปู่เลยต้องเข้าโรงพยาบาลเหรอ?
เธอรู้ว่าทั้งสองมีความเห็นไม่ลงรอยกัน
“อืม” มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธ
มิน่าล่ะ……
เวินจิ้งทำหน้ามุ่น “งั้นฉันไม่ขึ้นไปละ”
“อืม”
จากนั้นรถหรูก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้ง “…….”
เวินจิ้งนึกว่ามู่วี่สิงจะกลับไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะกลับมาที่การ์เด้นมูเจียวาน
คนรับใช้คงได้รับคำสั่งจากมู่วี่สิง ถึงได้ไปซื้อพืชผักมาเตรียมให้ตั้งแต่แรกแล้ว
“คุณไปนั่งอ่านหนังสือรอเถอะ เดี๋ยวผมเข้าครัวเอง” มู่วี่สิงถกแขนเสื้อขึ้น เตรียมที่จะทำอาหารเย็น
เวินจิ้งเดินตามเขาเข้าห้องครัว “ฉันอยากช่วย”
“ยิ่งจะเพิ่มภาระน่ะสิไม่ว่า” มู่วี่สิงพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ
เวินจิ้งเก้ๆกังๆ แต่ก็ยังถือผักขึ้นมากำหนึ่ง
“ไม่ใช่สักหน่อย!” เธอโต้กลับ