บทที่497 ทำให้คนอื่นอิจฉา
ช่วงเวลาที่ต่อจากนี้ มู่วี่สิงใช้เวลาในการจัดการเรื่องของบริษัททุกวัน บางครั้งก็ออกไปเดินเล่นหาอะไรกินกับเวินจิ้ง หนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปโดยสิ้นเชิง
ช่วงวันหยุดของมหาวิทยาลัยหลินไห่ก็หมดลงแล้ว เวินจิ้งติดต่อกับศาสตราจารย์ไป๋ ไป๋สือได้รับเอกสารลาออกของเธอแล้ว ตอนนี้ก็กำลังช่วยเธอยื่นเรื่องกลับเข้าเรียนใหม่อีกครั้ง แต่มันต้องใช้เวลา
เวินจิ้งทำได้แค่รอ
ฤดูหนาวของประเทศBมาเร็วมาก เวินจิ้งยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูหิมะที่ลอยลงสู่พื้นจนหนา อยากจะไปเหยียบหิมะมาก
อาการที่เมืองหนานอบอุ่นกว่า ไม่ค่อยมีหิมะเหมือนที่นี่
เหมือนรู้ว่าเวินจิ้งคิดอะไร มู่วี่สิงเดินเข้ามา เขากอดเธอจากด้านหลัง มือที่ใหญ่ของเขาจับไปที่มือเล็ก ๆ ที่เย็นของเธอแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ถ้าคุณอยาก เราไปภูเขาหิมะสักสองสามวันดีมั้ย”
“ได้หรอ?” เวินจิ้งมองหน้ามู่วี่สิงแล้วพูดด้วยความดีใจ
ที่สสุดแล้วตอนนี้งานเขาก็เยอะมาก ปกติก็ทำงานถึงตีหนึ่งตีสอง สามารถเจียดเวลาออกไปเที่ยวกับเธอหรอ……
แต่น้ำเสียงของมู่วี่สิงหนักแน่นมาก “ผมจะจัดการเอง”
คืนนั้น มู่วี่สิงได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ภูเขาหิมะที่จะไปตั้งอยู่ที่เขาหิมะของเทือกเขาซีประเทศB โปรแกรมค่อนข้างสบาย แต่เวินจิ้งดูคู่มือแล้ว ก็เพิ่มโปรแกรมที่จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก
มู่วี่สิงวางแผนไว้ว่าไปเล่นสกีหิมะแล้วก็แช่น้ำพุร้อน เวินจิ้งดูแล้ว พูดด้วยความเศร้า “พวกเราไม่มีชุดและอุปกรณ์อะไรเลยนะ”
นอกจากนี้ เธอยังเป็นนักเล่นสกีอีก……
“เดี๋ยวเกาเชียนจะส่งชุดและอุปกรณ์มา” มู่วี่สิงวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
เวินจิ้งยิ้ม งั้นก็สบายใจได้ มีมู่วี่สิงอยู่ข้างกาย ดูเหมือนว่าเธอไม่เคยต้องกังวลอะไรเลย
พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแล้ว เวินจิ้งตั้งหน้าตั้งตารอ คืนนี้หลับได้สบายมาก
และเวลานี้ มู่วี่สิงก็ได้รับสายจากมู่ซือซือ
“พี่ค่ะ โจวหย่านเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
“เกี่ยวอะไรกับพี่?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ฉันแค่บอกพี่ไว้ก่อน อาการของเธอไม่ค่อยดีเลย หมอทางสมองบอกว่า ต้องให้ศาสตราจารย์ทางด้านประสาทวิทยามาดู และเมื่อก่อนพี่ก็เคยรักษาเธอ……” เสียงพูดมู่ซือซือเบาลงเรื่อย ๆ เพราะรับรู้ถึงความโกรธของมู่วี่สิง
“พี่ไม่มีทางรักษาเธอ”
“ฉันรู้”
วันต่อมา เวินจิ้งตื่นแต่เช้า เปลี่ยนใส่เสื้อโค้ทหนา ๆ
และมู่วี่สิงก็ถอดชุดสูทออก ใส่เสื้อโค้ทขนสลักแบบสบาย ๆ ดูมีความเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่ทิ้งเป็นหนุ่มที่หล่อเหลาในตัวเขา
มาถึงแค่ครึ่งทางของเขาหิมะก็ค่ำแล้ว ทางลำบากพอสมควร แต่การรอคอยระหว่างการเดินทางทำให้เวินจิ้งเอาชนะความเหนื่อยล้าได้ เธอดูมีความสุขตลอดทาง
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มตลอดทางของมู่วี่สิง
หลังจากเช็คอินที่โรงแรมแล้ว ทั้งสองจูงมือกันเดินเล่นอยู่รอบ ๆ
พลบค่ำ สวนดอกไม้หลังโรงแรมดูครึกครื้นมาก มีคนก่อกองไฟ แล้วทุกคนก็นั่งล้อมรอบกองไฟพร้อมกับพูดคุยและกินบาร์บีคิวไปด้วย ภูเขาในช่วงค่ำดูเงียบสงบมาก แต่ลานตั้งแคมป์ดูครึกครื้นมาก รอบ ๆ มีไฟส่องสว่างตลอด
เพราะมีลมพัด ทำให้ไฟลุกใหญ่มาก ด้านบนมีดวงจันทร์ การหักเหของแสงจากหิมะ ก็สามารถมองเห็นยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปได้
เห็นทั้งสองเดินผ่าน ก็มีคนที่อัธยาศัยดีกวักมือเรียกพวกเขา
“พวกเราก็เพิ่งมารู้จักกันตอนที่มาเที่ยวที่นี่ พวกคุณสนใจมาพูดคุยด้วยกันมั้ย?”
นิสัยของเวินจิ้งเป็นคนขี้กลัว แต่เมื่อออกมาพักผ่อนแล้ว ลองเปิดใจให้สบายดีกว่า
มองไปทางมู่วี่สิง เขารับฟังเธออยู่แล้ว
คนในวงขยับเว้นสองที่นั่ง ให้เวินจิ้งกับมู่วี่สิงนั่งลง แสงจากเปลวไฟส่องสว่างไปที่คนสวยและคนหล่อ เวลานี้ทุกคนต่างพากันอุทานออกมา
“พวกคุณดูเหมาะสมกันมากเกินไปแล้วมั้ง คุณคงไม่ใช่ดาราชายใช่มั้ย?” มู่วี่สิงมีใบหน้าที่หล่อเหลา อยู่ที่ไหนก็โดดเด่น
มู่วี่สิงมองไปที่ตัวเวินจิ้ง โอบเอวเธอให้เธอขยับเข้ามาใกล้เขา
ทำให้คนอื่นอิจฉาจริง ๆ !
“เขา……ถือว่าเป็นดาราก็ได้มั้ง” เวินจิ้งตอบแทนมู่วี่สิง
“หรือว่าเป็นนายแบบ?” มีคนเดา
เวินจิ้งส่ายหัว ตอนนี้มู่วี่สิงเป็นถึงประธาน……เวินจิ้งไม่อยากให้ใครรู้
เพราะในตอนเด็กเคยได้ยินข่าวว่าคนรวยถูกลักพาตัวอยู่ไม่น้อย
ยังคงถ่อมตัว
ทุกคนทายกันหมดแล้ว ก็มีคนพูดด้วยความดีใจขึ้นมาว่า “นึกออกแล้ว เขาคือมู่วี่สิง หัวหน้าแพทย์แผนกประสาทวิทยา!”
“วันนี้ได้เจอตัวจริงสักที……คนที่บ้านฉันอยากจะต่อคิวรักษา แต่ก็ไม่เคยได้คิวเลย”
เวลานี้ ทุกคนล้อมถามเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์กับมู่วี่สิง มู่วี่สิงก็ยังคงอ่อนโยนและมีมารยาท แต่ว่าเวินจิ้งเริ่มง่วงแล้ว มู่วี่สิงประคองเธอยืนขึ้น
“ผมกับภรรยาจะไปพักผ่อนแล้ว ขอให้ทุกคนเล่นกันอย่างสนุกนะครับ”
ทุกคนมองมู่วี่สิงและเวินจิ้งอย่างน่าเสียดาย แต่ในเมื่อออกมาพักผ่อน ก็ไม่อยากจะรบกวนมาก
เวินจิ้งหาวออกมาหลายครั้ง ไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
กลับถึงโรงแรมหัวหนุนลงไปก็หลับไปเลย มู่วี่สิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ หลังจากตอบกลับอีเมล์เสร็จก็มากอดเวินจิ้ง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสัมผัสถึงความร้อนในตัวเธอ
เหมือนเธอหนาวจนค่อย ๆ ขยับไปกอดเขาไว้ “ฮือ ไม่สบายตัว……”
มู่วี่สิงรู้สึกตัวอีกทีเหงื่อก็เต็มมือแล้ว รีบเรียกเธอ “จิ้งจิ้ง ไม่สบายตรงไหน?”
เธออยากจะอ้าปากพูด แต่เจ็บคอจนคอแน่นมาก ปากที่แดงก่อนหน้านี้ของเธอก็แห้งไม่ไหวแล้ว
เวินจิ้งตื่นมาอีกทีก็เป็นตอนเที่ยงของอีกวัน ร่างกายของเธอยังไม่มีแรง เหมือนว่าเธอฝันร้ายยาวนานมาก ฝันว่าตัวเองป่วยหนักมาก แล้วต้องรักษาด้วยคีโม ผมของเธอก็ร่วงจนหมด น่าเกลียด……
ต่อมา ก็นึกไม่ออกแล้ว
เวินจิ้งทุบหัวของตัวเอง และมู่วี่สิงก็เปิดประตูเข้ามาพอดี เขาปัดหิมะที่ติดบนเสื้อออก แล้วเดินไปสัมผัสที่หน้าผากเธอเพื่อวัดอุณหภูมิ “ไข้ลดแล้ว รู้สึกดีขึ้นมั้ย ผมพาคุณไปทานอะไรหน่อยดีมั้ย?”
เวินจิ้งรู้สึกหิวแล้ว บวกกับของกินที่เธอชอบทั้งนั้น เวินจิ้งตั้งใจกินข้าวได้อย่างเอร็ดอร่อย ไม่พูดไม่จาเลย
รอจนถึงถ้วยเกี๊ยวปูที่เธอกินมันไปแล้วครึ่งหนึ่ง ถูกคนแย่งไปแล้ว
เวินจิ้งเคาะโต๊ะด้วยความหงุดหงิด แสดงถึงความไม่พอใจ มู่วี่สิงก็ถือถ้วยไว้ ไม่พูดจา แล้วจ้องหน้าเธอ
สุดท้ายเวินจิ้งก็ต้องยอม เอานิ้วมือเช็ดคราบน้ำมันที่ริมฝีปาก เป็นการกระทำสุดท้ายของการกินข้าว
รถจอดอยู่หน้าโรงแรม เวินจิ้งขึ้นรถปุ๊บก็รู้สึกเหมือนกระดูกของเธอจะหลุด ร่างกายของเธอล้มลงไปที่อกของมู่วี่สิง
“เหนื่อยมากหรอ?” มู่วี่สิงถาม
“ไม่เท่าไหร่” เสียงพูดเวินจิ้งใสราวกับทอง หันหน้าไป นิ่งสักพักแล้วพูด “ฉันอยากกลับแล้ว”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว เห็นสีหน้าที่ไม่มีความสุขของเธอ มันต่างจากวันแรกที่มาราวฟ้ากับดิน
“ไม่ง่ายเลยนะที่จะมาถึงภูเขาหิมะแล้ว ไม่เล่นก่อนแล้วค่อยกลับ ต่อไปไม่รู้ว่าจะมีโอกาสแบบนี้อีกมั้ย”
เวินจิ้งครุ่นคิดอย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยความภูมิใจ “งั้นคุณเล่น ฉันกลับ”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แล้วหัวเราะและพูดว่า “ผมรู้จักสถานที่ที่ดีอยู่ที่หนึ่ง รับรองว่าคุณต้องชอบ พรุ่งนี้เช้าเราก็กลับ โอเค?”