บทที่ 503 หล่อนคงจะคิดถึงเขามาก
เดิมคิดว่ามู่วี่สิงจะพาตนไปส่งที่ ตระกูลหลิน ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะกลับไปที่ การ์เด้นมูเจียวาน
เวินจิ้งนิ่งอึ้ง แต่ได้ยินมู่วี่สิงกล่าวว่า “ฉันเคยบอกแล้วว่า จะไม่ให้เธอจากฉันไปแม้แต่ครึ่งก้าว”
เวินจิ้ง “…”
หล่อนต้องอยู่ในสายตาของเขาตลอด
“หรือคุณจะให้ฉันไปทำงานกับคุณด้วยหรือไง” เวินจิ้งบ่นอุบอิบ
“ผมกำลังคิดอยู่เลย” ทว่ามู่วี่สิงกลับพยักหน้ารับ
“ช่วงนี้ฉันต้องติดต่อมหาวิทยาลัยอื่น ๆ คงไม่มีเวลาว่างนักหรอก” เวินจิ้งย่นคิ้ว
“คุณอยากเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน ผมจะช่วยติดต่อให้ เรื่องทุกเรื่องให้ผมจัดการเอง” มู่วี่สิงกล่าวตอบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
เวินจิ้งมองชายหนุ่มตรงหน้า หน้าหล่อ ๆ ที่ดูตึง ๆ ของเขา กับสีหน้าที่บอกว่าไม่อาจต่อรองได้
“แต่ว่า ฉันอยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” เวินจิ้งกล่าวพึมพำ
“คุณควรจะรู้ว่า ในเมืองหนาน นอกจากมหาวิทยาลัยหลินไห่แล้ว ก็ไม่มีมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกแล้วในเมืองหนาน” มู่วี่สิงกล่าวด้วยเสียงนุ่มทุ้ม
ไม่ว่าเวินจิ้งจะไปเรียนต่อที่ไหนก็ตาม อย่างไรเสียก็ต้องไปจากเมืองหนานอยู่ดี
“อือ…” เวินจิ้งหน้านิ่วคิ้วขมวด
นี่เป็นจุดที่หล่อนลังเลมาโดยตลอด
“พวกเราต้องแยกกันอยู่คนละที่” มู่วี่สิงกล่าว
“ฉันรู้ แต่หลายปีมานี้ ฉันอยากจะให้ความสำคัญกับการเรียนมาเป็นอันดับแรก” เวินจิ้งกล่าวเสียงเครือ
มิเช่นนั้น หล่อนคงไม่ได้สมใจเสียที
“ผมสนับสนุนทุกการตัดสินใจของคุณ แต่สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด ก็คือมีคุณอยู่ข้างกายผม” พอมู่วี่สิงระบายถ้อยคำออกมา ก็ปล่อยมือก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน
เขารู้ว่าเวินจิ้งต้องใช้ความคิด เขาต้องให้เวลาแก่หล่อน
เขาสามารถบังคับให้หล่อนอยู่ต่อได้ อยู่ข้างกายเขาต่อไป แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
เขาคลำบุหรี่มวนหนึ่ง มู่วี่สิงเอามือข้างหนึ่งสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หันหน้าเข้าหาหน้าต่างติดพื้นบานใหญ่ แต่ยามนี้ในสายตา กลับไม่เห็นเวินจิ้ง
เมื่อคิดได้ว่าต่อไปหล่อนจะไม่ได้อยู่ข้างกายตนเป็นระยะเวลายาวนาน แค่วินาทีเดียว เขาก็รู้สึกไม่อาจทนรับได้แล้ว
แต่เวินจิ้งมิใช่นกน้อยที่ถูกขังไว้ในกรงทองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หล่อนต้องการโบยบินไปบนท้องฟ้าที่กว้างกว่า
ในห้องรับแขก เวินจิ้งนั่งอยู่บนโซฟา พักนี้หลินเวยมองหามหาวิทยาลัยไว้ให้หล่อนหลายแห่ง มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองเป่ยเฉิง หากเดินทางจากเมืองหนานด้วยเครื่องบินจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง ถือเป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่อันดับต้น ๆ ของประเทศ แต่ถ้าจะให้หามหาวิทยาลัยที่ดีกว่านี้ ด้วยสถานการณ์ของหล่อนในปัจจุบัน เกรงว่าจะเป็นไปได้ยาก
หลินเวยแนะนำให้หล่อนไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ อย่างน้อยผลคะแนนของเวินจิ้งก็ยังยอดเยี่ยมพอ ถ้ายื่นสมัครไปก็คงไม่ยาก ทั้งยังไม่มีระเบียบข้อจำกัดหยุมหยิมเยอะแยะเหมือนมหาวิทยาลัยในประเทศอีกด้วย
เวินจิ้งเห็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ตนชอบมาก อยู่แถบยุโรป แต่เวลาบินกลับมาที่เมืองหนาน ต่อให้บินตรงก็ต้องใช้เวลาถึงสิบสองชั่วโมงเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนเข้าใจสภาพการณ์เรียนของนักศึกษาแพทย์ดีว่าหนักหนาสาหัสแค่ไหน แม้แต่หาเวลาว่างกลับประเทศ ก็เกรงว่าจะน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
ถ้าไม่ได้เจอมู่วี่สิง… หล่อนคงจะคิดถึงเขาน่าดู
ขมวดปมความคิดอยู่นานสองนาน ความง่วงก็เริ่มแผ่คลุม เวินจิ้งบอกกับหลินเวยผ่านทางโทรศัพท์ว่าระยะนี้จะพักอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน ไปก่อน ก่อนจะไปอาบน้ำ
ครั้นออกมา กลับพบมู่วี่สิงที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด นั่งอยู่บนโซฟา ท่อนขายาวใหญ่ไขว่ห้างกันอยู่ ท่วงท่าค่อนข้างเกียจคร้านแต่ดูสง่างาม
วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายทางสีฟ้า ไม่มีท่าทีเคร่งขรึมเย็นชาเหมือนเคย ทว่าดูอ่อนโยนลงไม่น้อย
สติสตังของเวินจิ้งถูกเขาดึงไปจนหมด
นิ่งอึ้งไม่ขยับอยู่หน้าประตูห้องน้ำเป็นนานสองนาน
“มานี่” จนกระทั่งน้ำเสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงดังขึ้น
เวินจิ้งขบริมฝีปาก เดินเข้าไปหาอย่างนวยนาด
ขณะที่ยังห่างกันอยู่ครึ่งเมตร แขนของมู่วี่สิงก็พลันเกี่ยวข้อมือของหล่อนเอาไว้ เป็นเพราะเวินจิ้งคุ้นชินเลยเสียหลักเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
ลมหายใจอันคุ้นเคยที่เป่ารดอยู่ห่างออกไปไม่กี่กระเบียดทำให้หล่อนหลงรักอย่างเต็มเปา
หล่อนเกาะเกี่ยวลำคอของมู่วี่สิง พลางได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างมั่นคงได้ชัดเจน
ยังไม่ทันได้สติกลับมา รสจูบอันร้อนแรงก็ประทับลงมาแล้ว
จนกระทั่งทั้งสองเก็บเกี่ยวความหวานของกันและกันเสร็จแล้ว เวินจิ้งก็ถูกมู่วี่สิงโอบไว้ในอ้อมอก เหนื่อยจนแค่ปิดตาก็ผล็อยหลับไปได้เลย
ผ่านไปนาน เขาขบใบหูของหล่อน ก่อนจะกล่าวพึมพำ “จิ้งจิ้ง ผมไม่ให้คุณไปจากผม”
วันต่อมา เวินจิ้งตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่มู่วี่สิงก็ไม่ได้ไปทำงาน
พออาบน้ำเสร็จออกมา ในห้องอาหารก็จัดเตรียมอาหารกลางวันอันแสนประณีตไว้พร้อมสรรพแล้ว
เวินจิ้งยังไม่ค่อยคุ้นชินกับชีวิตแบบนี้ ราวกับย้อนกลับไปอยู่ในช่วงที่ทั้งสองยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ ทุกสุดสัปดาห์หล่อนจะนอนทอดตัวอยู่บนเตียงจนถึงเที่ยง ส่วนเวลานี้มู่วี่สิงก็เตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมแล้ว พอหล่อนตื่นขึ้นมาก็กินได้เลย
“คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?” เวินจิ้งมองชามหนุ่มรูปงามที่แต่งตัวสบาย ๆ
“อีกเดี๋ยวเกาเชียนก็มา ผมจะสะสางเอกสารในห้องทำงาน” มู่วี่สิงประคองดวงหน้าน้อย ๆ ของหล่อนเอาไว้ ระบายถ้อยคำออกมาก่อนที่จะประทับจุมพิตอันดูดดื่มตามลงไป
เวินจิ้งยกมือขึ้นโอบเอวของชายหนุ่มเอาไว้ ยันตัวไว้ในอ้อมกอดของเขา
“เอาเถอะ ฉันอยู่คนเดียวก็ได้ คุณอย่าเสียงานเสียการเพราะฉันก็พอ” เวินจิ้งกล่าวพึมพำ
ช่วงที่อยู่ที่ ประเทศB ก่อนหน้านี้ก็นานอยู่ หล่อนทราบดีว่ามู่วี่สิงมีงานมากมายเพียงใด หลังจากกลับมาย่อมต้องยุ่งเอามาก ๆ
“ห้ามพูดเรื่อยเปื่อย การที่คุณอยู่กับผม ทำให้ผมมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานต่างหาก” มู่วี่สิงลูบคลำศีรษะของเวินจิ้งอย่างทะนุถนอม
ดวงหน้าของเวินจิ้งเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
แสงตะวันสาดลอดเข้ามา ทำให้ห้องนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น
รับประทานอาหารเสร็จไม่นานเกาเชียนก็มาถึง เวินจิ้งอ่านหนังสืออยู่ตรงระเบียง ช่วงนี้อั้ยเถียนกลับว่าง ทั้งสองเลยนัดกันออกไปเดินถนนหาของกินกันตอนกลางคืน
ทว่าตอนบ่ายมู่วี่สิงก็ออกไปข้างนอก พร้อมทั้งกำชับให้เวินจิ้งโทรหาเขาก่อนกลับบ้านตอนค่ำ เขาจะได้ไปรับ เวินจิ้งรับคำ
โรงพยาบาลหลินไห่
ตอนที่มู่วี่สิงมาถึง เลี่ยวหยงก็มาถึงแล้ว
“คุณนายโจว” มู่วี่สิงพยักหน้าให้เบา ๆ
“คุณหมอมู่ ข้อตกลงที่ฉันรับปากคุณไว้สำเร็จแล้ว”
“อื้อ ตอนนี้อาการของโจวหย่านต้องรอดูอีกสักระยะ เรื่องผ่าตัดผมจะเตรียมตัวอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง”
กล่าวจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยของโจวหย่าน
พักนี้ โจวหย่านอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลย เจอใครเข้าก็เอาแต่อาละวาด หงุดหงิดใส่
“ฉันไม่กินยา… อย่าเข้ามารบกวนฉัน!” พอได้ยินเสียงฝีเท้า โจวหย่าน เลยนึกว่าเป็นพยาบาล
“หย่านหย่าน อย่าเพิ่งโวยวาย คุณหมอมู่มาตรวจอาการ” เลี่ยวหยงเอ่ยขัดพลางตีหน้าดุใส่
ได้ยินดังนั้น โจวหย่านก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะพลิกตัวหันกลับมา
เมื่อแน่ใจว่าเป็นมู่วี่สิง สีหน้าท่าทางจึงได้อ่อนโยนลง
แต่ไม่นาน ก็ตีหน้างอแงใส่
“ช่วงนี้ คุณหนูโจว รู้สึกไม่สบายตรงส่วนไหนหรือเปล่าครับ?” มู่วี่สิงกล่าวอย่างชืดชาห่างเหิน
“ตรงขมับปวดไปหมดเลยค่ะ แขนขาก็ไม่มีแรง” โจวหย่านกล่าวเสียงอ่อน
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ก่อนจะเข้าไปตรวจอาการให้โจวหย่าน วินาทีต่อมา โจวหย่านกลับอุกอาจเข้ามากอดมู่วี่สิงเอาไว้
“คุณกอดฉันก็พอ แค่นี้ฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว”