บทที่ 514 ก็เป็นไปตามคาด
ไม่กี่วันถัดไป มู่วี่สิงยังคงพักอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน ราคาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป เริ่มฟื้นตัวขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด อาจเป็นเพราะ วิดีโอแสดงความรักของมู่วี่สิง ที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต
แต่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ยังคงเป็นมังกรที่ขาดหัว กลุ่มผู้บริหารระดับสูงร้องด้วยความกระวนกระวายใจ และมู่วี่สิงยังคงนิ่งเงียบ
วันสัมภาษณ์ของเวินจิ้งเป็นวันศุกร์ เธอต้องไปประเทศF และในวันนั้นมู่วี่สิงเป็นวันเปิดการรักษา เวินจิ้งจึงไม่ให้เขาไปด้วย
“คุณอยู่หนานเฉิงรอฉันนะคะ คุณไปด้วย……ฉันต้องกังวลมากแน่ๆ”
“จิ้งจิ้ง”ดวงตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“คุณรีบไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ จะสายแล้วนะ……”
“คืนนี้ผมจะไปรับคุณ”มู่วี่สิงยังคงพูดต่อ
เมื่อเสร็จจากการตรวจรักษา เขาถึงจะไปประเทศF
“ไม่ต้อง ไม่ต้องค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันก็กลับมาแล้วค่ะ”
“ไม่ได้ ถ้ายังพูดอีก ผมจะไม่ให้คุณไปสัมภาษณ์นะ”มู่วี่สิงตั้งใจทำใบหน้าโกรธ
เวินจิ้งบุ้ยปาก ไม่กล้าพูดอีก
เธอรู้ว่า มู่วี่สิงทำตามที่พูดตลอด
เมื่อมาถึงสนามบิน หลินเวยก็มารอเธอก่อนแล้ว
เธอยืนกรานที่จะไปกับเวินจิ้งด้วย เวินจิ้งไม่สามารถขัดเธอได้
การสัมภาษณ์เป็นช่วงบ่าย เวินจิ้งเมื่อลงจากเครื่องบิน ก็ตรงไปที่มหาวิทยาลัย คณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยF มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก มีนักศึกษาหลายพันคน ที่เข้าร่วมการสัมภาษณ์ในวันนี้ รายชื่อของเวินจิ้งอยู่ด้านหลัง
ในขณะนั้น ก็มีร่างหนึ่งที่คุ้นเคย ผ่านหน้าเธอไป เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น สายตาก็สบเข้ากับดวงตาลึกของโจวเซิน
ฝีเท้าของเขา หยุดลงด้านหน้าของเวินจิ้ง“คุณเตรียมตัวมาเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันเตรียมตัวมาดีแล้วค่ะ”เวินจิ้งตอบเบาๆ
เธอรู้สึกว่าตอนนี้ของตัวเอง เป็นสถานะที่ดีที่สุด
“คำถามที่อาจารย์ที่จะปรึกษาจะถาม ค่อนข้างจะยุ่งยากเล็กน้อย ซึ่งต้องแสดงศักยภาพมากหน่อย”โจวเซินเตือน
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในห้องเรียน
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของโจวเซิน เธอยังคงมั่นใจในความสามารถของตัวเอง
แต่เมื่อตรงหน้า ค่อยๆ มีนักเรียนที่เดินเข้าไปทีละคน แต่ก็ต้องคอตกกันออกมา เวินจิ้งได้รับผลกระทบแล้ว
เธอบีบเอกสารที่อยู่ในมือแน่น จนมีคนเรียกชื่อเธอ
เวินจิ้งสูดหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วเดินเข้าไปข้างในห้องเรียน
ผู้ที่สัมภาษณ์เธอ เป็นศาสตราจารย์หญิงท่านหนึ่ง อายุประมาณสี่สิบปี ถัดจากเธอเป็นโจวเซินที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว
เวินจิ้งตั้งอกตั้งใจ ฟังคำถามของศาสตราจารย์ให้จบ ถึงแม้มันจะยุ่งยาก เหมือนกับที่โจวเซินได้บอกไว้ แต่ก็เป็นความรู้ทั้งหมด ที่มู่วี่สิงเคยสอนเธอ และเธอก็จำมันได้เหมือนสายน้ำตั้งแต่แรก
บวกกับความคิดเห็นของตัวเองเข้าไป เธอก็เห็นการแสดงออกจากสีหน้าของศาสตราจารย์ถึงความชื่นชม
อย่างไรก็ตาม คำถามสองสามข้อถัดไป เป็นโจวเซินที่ถามคำถาม
มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เวินจิ้งได้เรียนมา ดังนั้นเธอจึงตอบตะกุกตะกัก
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็จัดระเบียบภาษาของเธอใหม่ แต่จู่ๆ เธอก็สูญเสียความมั่นใจ
เมื่อออกมาจากห้อง ก็รู้สึกหดหู่ใจมาก
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า โจวเซินจะถามคำถามเกี่ยวกับเภสัชกรรม เธอไม่เคยเรียนวิชาเอกนี้มาก่อน ก็เป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถตอบได้
เวินจิ้งได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ
ลำดับรายชื่อจะประกาศในวันนี้ ดังนั้นเวินจิ้งจึงยังไม่ได้ไปไหน
เธอยืนอยู่ที่ระเบียง และต้องการโทรหามู่วี่สิง แต่นึกขึ้นได้ว่า วันนี้เขามีตรวจรักษา แล้วก็วางโทรศัพท์ลง
ในเวลานั้น ด้านหลังเธอก็มีเสียงฝีเท้า เดินเข้ามาหา
กาแฟแก้วหนึ่งก็ยื่นไปอยู่ตรงหน้าเธอ เวินจิ้งมองไปที่ใบหน้าที่แสนเย็นชาของผู้ชายคนหนึ่ง และไม่ได้รับมันมาถือ
“โกรธอยู่เหรอ?”โจวเซินขมวดคิ้ว
“ไม่ค่ะ”เวินจิ้งหันหน้าหนี เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการที่จะพูดอะไรกับโจวเซินไปมากกว่านี้
“คิดว่าการแสดงออกของตัวเองเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันค่อนข้างที่มั่นใจในตัวเองค่ะ”เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา
เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเซิน เธอไม่ต้องการที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา
เมื่อได้ยิน โจวเซินเม้มริมฝีปากบาง แล้วเอนหลังพิงราวบันได จ้องไปที่เวินจิ้ง“การสัมภาษณ์ในครั้งนี้มีศาสตราจารย์2500คน แต่มีเพียงสามท่านเท่านั้น ที่ผ่านเข้ามา”
การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด
ปลายนิ้วของเวินจิ้งค่อยๆ บีบแน่น
“อย่าเพิ่งหมดหวังสิ ถึงแม้ถ้าคุณจะสอบไม่ผ่านมหาวิทยาลัยF มู่วี่สิงก็ต้องให้คุณไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่นอยู่ดี”
“ฉันพึ่งพาความสามารถของตัวเองมาตลอด!”น้ำเสียงของเวินจิ้งเย็นชาขึ้น
“ใช่เหรอ?เธอสามารถใช้ทางลัดได้ โดยไม่ต้องไปเบียดเสียด กับคนจำนวนมากผ่านเส้นทางที่ยากลำบาก”
“ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าฉันไม่ผ่านแล้ว ใช่ไหมคะ?”เวินจิ้งมองไปที่ผู้ชายตรงหน้า
ตอนที่อยู่ในห้องเรียน เธอก็รู้มาบ้างแล้ว ตำแหน่งของโจวเซินมีความสำคัญมาก ศาสตราจารย์ท่านนั้น เห็นได้ชัดว่า ก็ให้ความสำคัญกับเขามาก หลังจากนั้น เธอก็ได้ยินความคิดเห็น ของผู้เข้าร่วมสัมภาษณ์จำนวนมาก เกรงว่าคนที่คัดเลือกในครั้งนี้ จะเป็นการคัดเลือกจากโจวเซิน
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ถ้าคุณแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผม ผมก็อาจจะช่วยคุณก็ได้นะ”โจวเซินจงใจพูด
เวินจิ้งกัดฟันด้วยความโกรธ ผู้ชายคนนี้กำลังข่มขู่เธอ ทำไมเธอถึงมองไม่ออกนะ
“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”เวินจิ้งหันไปมองอย่างเย็นชา
ถ้าเธอสอบไม่ผ่านมหาวิทยาลัยF เธอก็แค่ไปมหาวิทยาลัยอื่น
“จุ๊จุ๊ ยังคงยืนหยัดเหมือนเดิม”มุมปากของโจวเซินค่อยๆ ยิ้มลึก วางแก้วกาแฟลง แล้วร่างสูงของเขาก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งมองดูเวลา และไม่ได้คาดหวังว่าจะผ่านการคัดเลือก จึงออกจากมหาวิทยาลัย
หลินเวยรอเธออยู่ที่รถตลอดเวลา เมื่อเห็นลูกสาวออกมา ก็ถามด้วยความงุนงง“ไม่ใช่ต้องรอให้ประกาศผลก่อน ถึงไปออกมาไม่ใช่เหรอ?”
“กลับกันเถอะค่ะ”เวินจิ้งส่ายหน้า
เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของลูกสาว หลินเวยก็ถามอย่างห่วงใย“เสี่ยวจิ้ง อย่าเพิ่งหมดหวังสิ แม่เชื่อว่าหนูต้องสอบผ่าน”
“หนูไม่เชื่อในตัวเองแล้วค่ะ”เวินจิ้งถอนหายใจ
บางที ถ้ารู้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของโจวเซิน จะมาสัมภาษณ์เธอตั้งแต่แรก เธอก็จะไม่ต้องมาแต่แรก
ผู้ชายคนนั้น ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เธอเหรอ?
“เสี่ยวจิ้ง แม่จะอยู่รอกับหนูอีกสักหน่อย ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ผลประกาศก็จะออกแล้ว”
หลินเวยยังคง เชื่อมั่นใจตัวลูกสาวของตัวเอง
เวินจิ้งไม่พูดอะไรต่อ แล้วมองออกไปด้านนอก อาคารเรียนของมหาวิทยาลัยF ถูกออกแบบด้วยอิฐ โดยสถาปนิกชื่อดัง มีเอกลักษณ์ที่พิเศษ สวยงามและสดใส
แต่ในเวลานี้ เธอไม่มีอารมณ์ที่จะมาชื่นชมมัน
จนกระทั่ง โทรศัพท์ก็มีเสียงเตือนของข้อความดังขึ้น เวินจิ้งเปิดดู ในที่สุดดวงตาของเธอก็สว่างวาบขึ้นอย่างช้าๆ
เธออ่านข้อความนี้ หลายต่อหลายครั้ง เธอ……เธอผ่านแล้ว?
แต่สิ่งที่โจวเซินพูดตอนนั้น หมายถึงอะไร เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแบบนั้น
หลินเวยก็เห็นแล้วเหมือนกัน“เสี่ยวจิ้ง แม่รู้ว่าลูกต้องสอบผ่านแน่นอน”
“แต่ว่า……”เวินจิ้งยังไม่กล้าที่จะเชื่อมัน
สิ่งที่โจวเซินพูด มันก็เหมือนกับการปฏิเสธอย่างชัดเจน
ไม่ใช่ข้อความถูกส่งมาผิดหรอกนะ?
วินาทีต่อมา เธอก็ผลักประตูรถ แล้วลงรถทันที เตรียมที่จะไปสำนักงานของมหาวิทยาลัย เพื่อยืนยัน
ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก โจวเซินก็ถูกกลุ่มนักศึกษาหญิงล้อมรอบ เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาก็เดินตรงเข้ามาหาเธอ
เขามองลึกไปที่ใบหน้าของความเวินจิ้ง ที่เต็มไปด้วยความสุข
“ผลลัพธ์ออกมาแล้วเหรอ?”เขาถามอย่างรู้ทัน
เวินจิ้งหยุดฝีเท้าลง มองไปที่ชายหนุ่มหล่อที่อยู่ตรงหน้า และไม่พูดอะไรสักพัก
“ยินดีด้วยนะ”โจวเซินพูดอย่างไม่แยแส และไม่หยุดให้เธอตอบ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และไม่สนใจอารมณ์ของโจวเซิน ตรงไปที่สำนักงานของมหาวิทยาลัย เพื่อยืนยันการประกาศผล ถึงจะรู้สึกโล่งใจได้
เธอผ่านการทดสอบแล้วจริงๆ
เธอรีบโทรหามู่วี่สิงในทันที แต่เมื่อเธอกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา สายจากมู่วี่สิงก็โทรเข้ามา
“มู่วี่สิง ฉัน……ฉันผ่านการรับเข้าแล้ว!”
มู่วี่สิงยิ้มอย่างผ่อนคลาย“อืม ก็เป็นไปตามคาด”