บทที่ 517 จงใจปิดบังความจริง
“ส้งวี่ คุณไปจับโจวหย่านให้อยู่ก่อน……”มู่ซือซือมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอ
ส้งวี่ขมวดคิ้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะเขาเห็นมู่วี่สิงเข้ามาแล้ว
เมื่อเห็นมู่วี่สิง โจวหย่านก็ผละออกจากพี่ชาย และวิ่งไปหาทันที
“วี่สิง……ฉันไม่ได้ทำร้ายคุณปู่จริงๆนะคะ……”
ใบหน้าของมู่วี่สิงตึงเครียด สายตาของเขาจับจ้องไปที่โจวหย่านและโจวเซิน
“หย่านหย่าน พวกเรากลับกันเถอะ”โจวเซินเดินเข้ามา อุ้มตัวโจวหย่าน แล้วพาเธอออกไป
แต่โจวหย่านไม่เต็มใจที่จะไป ต้องการที่จะคว้าตัวมู่วี่สิงไว้ แต่เธอไม่สามารถแม้แต่จะเอื้อมไปจับแขนเขาได้
โจวเซินก็พาเธอขึ้นรถ
โจวหย่านน้ำตาไหลอาบแก้ม เธอจ้องไปที่พี่ชาย แล้วถามพึมพำว่า“เป็นพี่ใช่ไหม”
โจวเซินมองไปที่อาคาร ที่ค่อยๆ เลือนรางข้างหลังเขาอย่างเย็นชา แล้วเม้มริมฝีปาก“แล้วยังไง”
ในวินาทีต่อมา โจวหย่านก็ยกมือขึ้น เพื่อที่ตบหน้าของพี่ชาย แต่ก็ถูกโจวเซินจับมันไว้ได้อย่างแม่นยำ
“โจวหย่าน อย่าลืมตัวตนของเธอนะ”โจวเซินเตือนเธอ
“คุณปู่ดีกับฉันมาตลอด”โจวหย่านกระซิบเสียงเบา
“คุณปู่มู่ดีกับเธอ?”มุมปากของโจวเซิน ยิ้มด้วยความเยาะเย้ย“ถ้างั้น พี่ทำไม่ดีกับเธอเหรอ?”
ในตอนนี้ สายตาของโจวเซิน เต็มไปด้วยความโหดร้าย
โจวหย่านไม่กล้ามองเขา ถูกออร่าของเขาที่ออกมา ทำให้ไม่กล้าที่จะพูด
ปลายนิ้วมือ และใบหน้าของเธอนั้นซีดเซียว
“เมื่อกี้มู่ซือซือกำลังสงสัยตระกูลโจวแล้ว”
“งั้นก็ให้เธอสงสัยไป ยังไงก็ไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว”
“พี่คะ พี่อย่าทำร้ายคุณปู่……”
คำพูดยังไม่ทันจะจบ โจวหย่านก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของพี่ชาย“โจวหย่าน ชีวิตของมู่เฉิง ฉันเป็นคนกำหนด”
เธอมองไปที่พี่ชาย ที่ตอนนี้กำลังกระหายเลือด ยิ่งทำให้โจวหย่านลุกลี้ลุกลน
แต่เธอรู้นิสัยของพี่ชายเธอดี ซึ่งไม่มีใครที่จะสามารถชักจูงเขาได้
บ้านใหญ่ตระกูลมู่
มู่วี่สิงตรงไปที่ห้องของคุณปู่ คุณหมอส่วนตัวของเขาก็มาถึงแล้ว แต่มู่เฉิงมีอาการโคม่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมดหนทาง
มู่วี่สิงนั่งลงข้างๆ หลังจากการวินิจฉัย และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ“ตอนนี้พิษได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของคุณปู่แล้วครับ และต้องรีบเอาพิษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ยาออกฤทธิ์ช้าเกินไป มู่วี่สิงจึงสั่งให้คนรับใช้นำกล่องฝังเข็มมาให้
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาเดินออกมาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง ข้างหลังเขาเป็นคุณหมอส่วนตัวที่กำลังตัวสั่นเทาอยู่
“พี่คะ คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?”มู่ซือซือถามอย่างเป็นห่วง
“ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง คุณปู่จะตื่นขึ้นมา”เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เรื่องนี้ พี่จะตรวจสอบให้มันชัดเจนใช่ไหมคะ?”มู่ซือซือมองไปที่พี่ชายอย่างคาดหวัง
“แน่นอน”
ในตอนนั้น แม่บ้านก็รีบมารายงานเขา และได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นคนรับใช้มือเท้าสกปรกคนนั้น แต่ว่าเมื่อกี้นี้ เธอเพิ่งเสียชีวิตที่ด้านนอก จากอุบัติเหตุทางรถยนต์
“พี่คะ——”เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของมู่ซือซือก็หวาดกลัวมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่า มีคนจงใจปิดบังความจริง
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิง ไม่แยแส และขมวดคิ้ว เขาบอกกับแม่บ้านว่า“ให้ตรวจสอบคนที่ติดต่อกับเขาอยู่ตลอด และญาติของเขาด้วย”
“ได้ค่ะ”
“แล้วอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทางตำรวจได้ตัดสินคดีไปหรือยัง?”
“มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ”แม่บ้านพูดอย่างเคร่งขรึม
“ข้อมูลของคนขับรถ ก็ช่วยส่งมาให้ผมด้วย”
ภายในห้องหนังสือ ร่างของมู่วี่สิงเกือบครึ่งตัว ฝังอยู่ในโซฟา แสงไฟสีนวล ยิ่งทำให้ออร่าความเยือกเย็นของเขา เด่นชัดขึ้น
นิ้วเรียวยาวจับก้นบุหรี่ เขาค่อยๆ ขยี้ก้นบุหรี่ และกลิ่นของนิโคตินที่รุนแรง ก็ลองฟุ้งไปในอากาศ
ไม่นานส้งวี่ก็เข้ามา และนั่งลงตรงข้ามกับเขา
“คุณคิดว่าเป็นใคร?”ส้งวี่ถาม
“คุณปู่ไม่เคยบอกฉันมาก่อนเลย ว่าเขามีศัตรูที่ไหน”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ซือซือสงสัยโจวหย่าน?”
“อืม คุณคิดว่าจะเป็นคนของตระกูลโจวไหม?”
“ความเป็นไปได้นี้ก็ยังไม่ได้ถูกตัดออกไป แต่ตระกูลโจว ผมไม่สามารถหาข้อมูลอะไรได้มากเลย”
“บางที พวกเราอาจจะต้องเริ่มต้นจากโจวหย่าน”ส้งวี่พูดอย่างเคร่งขรึม“แต่ว่า ต้องได้รับความร่วมมือจากคุณ”
ตอนนี้มู่วี่สิงกับเวินจิ้งความรักกำลังไปได้ดี กลัวว่าโจวหย่านจะไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
แต่ถ้าหากว่า……มู่วี่สิงยอมเปลี่ยนทัศนคติ
“เป็นไปไม่ได้”มู่วี่สิงปฏิเสธแทบจะในทันที
เขาไม่ต้องการที่จะทำให้เวินจิ้งเข้าใจผิด แม้ว่าจะเป็นความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ได้
คำตอบของมู่วี่สิง เป็นไปตามคาด กับสิ่งที่คิดไส้งวี่
“วี่สิง รอคุณปู่ฟื้นขึ้นมา คุณก็คุยกับท่านดีๆ นะ บางทีท่านอาจจะมีเบาะแส”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปากบาง ใบหน้าของเขามืดมน
เขากับคุณปู่ ไม่เคยคุยกันแบบปกติมานานมากแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยังไปที่ห้องของคุณปู่
มู่เฉิงที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา มู่ซือซือกำลังดูแล และให้เขาดื่มน้ำ
เมื่อเห็นมู่วี่สิง มู่เฉิงสีหน้าดูไม่ค่อยดี
“กลับมาได้แล้วเหรอ?”
มู่วี่สิงเดินเข้าไปหา หยิบแก้วบนมือของมู่ซือซือ ป้อนให้คุณปู่ด้วยตัวเอง
ส้งวี่พา มู่ซือซือออกไป ภายในห้องมีเพียงมู่วี่สิงและมู่เฉิงเท่านั้น
“คุณปู่ ผมมาเพื่อที่จะเรื่องสำคัญกับคุณปู่ครับ”ใบหน้าของมู่วี่สิงเคร่งเครียด
“อยากถามว่าใครวางยาฉันหรือเปล่า?ฉันไม่รู้หรอก”มู่เฉิงตอบตรงๆ
“คุณปู่คิดดีๆ สิครับ”มู่วี่สิงพูดเบาๆ
เบาะแสในตอนนี้ ก็คงได้จากแค่มู่เฉิงทางเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นาน มู่เฉิงก็เขียนรายชื่อจำนวนหนึ่ง
“เธอไปค้นหาดูนะ”
“ครับ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ”เมื่อพูดจบ มู่วี่สิงก็เดินออกไป
แต่มู่เฉิง ก็หยุดเขาไว้“เธอก็แค่ทิ้ง คนชราอย่างฉันไว้ !”
“คุณปู่ คุณปู่ก็รู้ เรื่องที่ผมไม่อยากทำ ใครก็บังคับผมไม่ได้”
“เธอก็ยังไม่ยอมเลิกกับเวินจิ้งใช่ไหม!”
“ใช่ครับ”มู่วี่สิงตอบอย่างไม่ลังเล
มู่เฉิงก้มหน้าลง แล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่ง โดยไม่พูดอะไร
แต่มู่วี่สิงก็ได้เดินออกมาแล้ว แต่ไม่ได้ออกจากบ้านใหญ่
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ เขาอยากที่จะโทรหาเวินจิ้ง แต่ไม่อยากจะรบกวนเวลานอนของเธอ
จากเช้าตรู่จนกระทั่งเกือบสิบโมงเช้า เขาถึงได้โทรไปเวินจิ้ง
เมื่อไม่มีมู่วี่สิงอยู่ข้างๆ เธอ เวินจิ้งก็นอนไม่ค่อยหลับ เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาได้ เธอก็พูดเสียงแหบ“หือ?”
“ตื่นหรือยัง?”มู่วี่สิงได้ยินเสียงดังมาจากปลายสาย
“ตื่นแล้วค่ะ……”เวินจิ้งนอนคว่ำอยู่ตรงขอบเตียง ในหัวของเธอ ก็ปรากฏภาพอันหล่อเหลาของมู่วี่สิงขึ้นมา
“ผมจะกลับไปตอนกลางคืนนะ คุณปู่ยังมีอะไรให้ต้องตรวจอยู่”
“ได้ค่ะ คุณปู่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”เวินจิ้งถามด้วยความเป็นห่วง
ยังไงก็ยังเป็นครอบครัวของมู่วี่สิง ถึงแม้ว่า ตอนนี้มู่เฉิง จะไม่อยากเห็นหน้าเธอก็ตาม แต่เวินจิ้งก็ยังคงเป็นห่วงอยู่
“อืม ตอนนี้ท่านฟื้นแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
หลังจากวางสาย เวินจิ้งก็ลุกขึ้นนั่ง และไม่นานก็ได้รับสายจากหลิงเหยา
“ฉันได้ยินมาว่า ตระกูลมู่เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”
มู่ซือซืออาจจะเป็นคนบอกเธอ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอยังไม่ค่อยสบายใจ จึงทำให้บอกได้ไม่หมด หลิงเหยาเหมือนอยู่ในท่ามกลางเมฆหมอก
“อืม เกิดเรื่องขึ้นกับคุณปู่มู่น่ะ”
“งั้นมู่วี่สิง?”หลิงเหยาถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เวินจิ้งขมวดคิ้ว“มู่วี่สิงตอนนี้อยู่ที่ตระกูลมู่ ส่วนเรื่องเนื้อเรื่องที่มากไปกว่านี้ ฉันก็ไม่รู้แล้วเหมือนกัน”
“โอเค ฉัน……ฉันกังวลเกี่ยวกับซือซือ”
“ฉันก็ไม่ได้ไปที่ตระกูลมู่ ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันจะติดต่อซือซืออีกครั้ง วันที่เธอไม่อยู่ที่หอพัก มันไม่สบายใจมากเลยนะ……”
“เร็วๆ นี้ก็จะมีเพื่อนร่วมห้องใหม่แล้ว”เวินจิ้งไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปลอบใจ
และเธอก็ชอบมาก เวลาที่ได้อยู่กับหลิงเหยาที่หอพัก
“งั้นก็คงต้องรอช่วงเปิดเทอมใหม่แล้ว……”หลิงเหยาพูดน้ำเสียงต่ำ