บทที่ 539 คุณนี่คือแสงสว่างนำทางของฉัน
เวินจิ้งอดยิ้มไม่ได้ “คุณนี่คือแสงสว่างนำทางของฉัน ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงไม่สามารถสอบเข้าปริญญาโทได้หรอก “
“ถ้าอย่างนั้นเราช่วยสร้างความสำเร็จกันและกัน”มู่วี่สิงพูดเบาๆ
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างหนัก แม้ว่าจะมีหลายพันคนจะปิดกั้นพวกเขาไม่ให้อยู่ด้วยกัน เธอก็จะไม่กลัว
จับมือของมู่วี่สิง ก็จับทุกอย่างของเธอไว้
การประชุมที่เป่ยเฉิงจะมีเวลาสามวัน สองคงไปที่โรงแรมเช็คอิน ผู้คนที่มาร่วมงานครั้งนี้ด้วยกันส่วนใหญ่ก็พักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน
เมื่อสองคนเดินเข้าลิฟต์ โจวหย่านก็ทำเรื่องการเช็คอินเสร็จและเข้ามาพอดี
มู่ชจองห้องเพรสซิเดนท์สวีทที่ชั้นบนสุด แต่โจวหย่านในชั้น 28ก็ถึงแล้ว
ก่อนที่จะออกไป เธอมองมู่วี่สิง”วี่สิง เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันและคุยรายละเอียดของการประชุมโปรโมตของหลายวันต่อได้ไหมคะ”
สายตาของโจวหย่านมองมู่วี่สิงมาตลอด ราวกับว่าเวินจิ้งไม่ได้อยู่ที่นั่นเลย
“ฉันคิดว่าคุณโจวคงได้รับรายละเอียดทั้งหมดจากอีเมลแล้วสักอีก”ใบหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา
โจวหย่าน กัดปาก ไม่ขยับตัว มองมู่วี่สิงอยู่ มันยากเหลือเกินที่จะหนีสายตาไปทางอื่น
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
ประตูลิฟต์ปิดไปอีกครั้ง เวินจิ้งมองหลังของโจวหย่าน ใบหน้าที่ลุ่มลึก
“ฉันจำได้ว่าในตารางงาน เธอเป็นเลขาของคุณ”
ตำแหน่งของโจวหย่านจู่ๆก็ถูกจัดเรียงในตารางงานครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจจัดให้
“อืม ฉันไม่ต้องการเลขา”
ถึงแม้ว่ามู่วี่สิงจะพูดแบบนี้ แต่วันรุ่งขึ้นเป็นวันแรกของการประชุมประชาสัมพันธ์ครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าตรีโจวหย่านเตรียมตัวพร้อมมาก มาเคาะประตูห้องของมู่วี่สิงแต่เช้า
เวินจิ้งแค่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยF ช่วยงานที่มู่วี่สิงสั่งให้ แต่โจวหย่านเป็นคนที่ทำงานกับมู่วี่สิงงโดยตรง ข้อมูลสำคัญก็ส่งต่อให้เธอ แล้วเธอจะส่งต่อให้มู่วี่สิงอีกครั้ง
เวินจิ้งเดินมาเปิดประตู เมื่อเห็นโจวหย่าน ใบหน้าของเธอเย็นชา
“กรุณารอสักครู่ค่ะ”
เมื่อพูดเสร็จ ก็จะปิดประตูอีกครั้ง แต่โจวหย่านก้านประตูไว้เร็วกว่า
“ฉันเข้าไปรอดีกว่า”พูดเสร็จ มือใช้แรงเบาๆก็ผลักเวินจิ้งออกไปแล้ว
มู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟา หน้าตาหล่อเหมือนเดิม เมื่อเห็นโจวหย่าน ปากบางๆของเขาก็มีรอยยิ้มอย่างประชดขึ้น”เลขาโจวทำหน้าที่ดีมากจริงๆ”
น้ำเสียงของเขา ถ้าฟังดีๆก็รู้ว่ามีความไม่พอใจมาก
แต่โจวหย่านทำเป็นไม่ได้ยินและส่งขั้นตอนของการประชุมวันนี้ไปให้
วีนนี้มู่วี่สิงเป็นแค่ผู้นำเสนอ จากนั้นหัวหน้าแผนกการวิจัยและพัฒนาจะปราศรัยไปหมด
“วี่สิง ฉันเอาอาหารเช้ามาให้คุณ ฉันกลัวว่าเดี๋ยวจะไม่มีเวลากินแล้ว คุณรีบกินอะไรมาก่อนนะ”โจวหย่านมองมู่วี่สิงด้วยความกังวล
แต่มู่วี่สิงก็ทำท่าเฉยๆ รับเอกสารไปก็จับมือเวินจิ้งไว้ สองคนกำลังจะลงไปกินอาหารเช้า
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า”โจวหย่าน จำฐานะของคุณให้ดีๆ คุณไม่ใช่เลขาในชีวิตส่วนตัวของฉัน แต่เป็นแค่เลขาด้านงาน ถ้าพรุ่งนี้คุณกล้ามาที่ห้องของฉันอีก ฉันจะย้ายโรงแรมให้คุณ”
คำพูดของเขา ไม่ให้โอกาสใดๆเลย
ใบหน้าของโจวหย่านซีดไปทันที อยากจะตามไปด้วย แต่เมื่อเห็นหลังของทั้งสองคนมันเหมาะสมกันดี เธอก็ลังเลแล้ว
กำหมัดอย่างแน่น เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วลงไปสถานที่การประชุม
ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนการประชุมโปรโมตจะเริ่ม เวินจิ้งอ่านหนังสือไป กินอาหารเช้าไป พรุ่งนี้เธอจะไปต้องขึ้นเวทีปราศรัยแล้ว ถึงขณะนี้แล้ว เธอก็รู้สึกกดดันสักที
แต่มู่วี่สิวใจเย็นเหมือนเดิม กอดเธอไว้ เขาหยิบหนังสือของเธอออกไป”พรุ่งนี้คุณดูต้นฉบับปราศรัยได้”
“ไม่เอา”เวินจิ้งปฏิเสธทันที
ดูต้นฉบับทำการปราศรัย.. มันน่าอายนะ
“งานนี้ไม่ได้เคร่งขรึมมาก ทำตัวสบายๆ”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
เมื่อเวินจิ้งรู้สึกตื่นเต้นจะนอนไม่หลับ เมื่อคืนเธอก็ไม่ได้นอนหลับอย่างดี ตอนนี้เธอใต้ตาดำมาก
เขาสงสารเธอมาก
“งั้นก็ต้องเตรียมพร้อม จะไม่ทำให้มหาวิทยาลัยFต้องอับอายเด็ดขาด วันนี้ฉันจะต้องท่องให้ได้”เวินจิ้งกล่าวอย่างมั่นใจ
มู่วี่สิงยิ้มและโอบหลังหัวของเธอด้วยความรัก กำลังจะจูบเธอ แต่ถูกเสียงฝีเท้าขัดจังหวะไป
ส้งวี่และมู่ซือซือกำลังเดินมาทางนี้ กำลังจะเรียก”พี่ชาย” เมื่อเห็นภาพนี้ ก็หยุดเดินทันที
เวินจิ้งซ่อนหัวของเธอไว้ในอ้อมแขนของมู่วี่สิงอย่างเขินอาย…
เมื่อเห็นสองแยกจากกัน ส้งวี่และมู่ซือซือถึงนั่งลง
ตอนนี้ส้งวี่เป็นประธานของบริษัทมู่ซือกรุ๊ป มันไม่แปลกใจเลยที่เขามา
มู่ซือซือเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จพอดี ก็เลยติดส้งวี่มาด้วย
“พวกเรามาถึงเช้าเกินไปหรือเปล่า”มู่ซือซือมองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เช้า น้องมาทำไมหรอ”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“สอบเสร็จก็ไม่มีอะไรแล้ว ทำไม พี่ไม่อนุญาตให้ฉันออกจากบ้านหรอไง”มู่ซือซือทำหน้าตึง
เธอรู้อยู่แล้วว่า มู่วี่สิงเป็นห่วงคุณปู่
ในเมื่อเธอไม่อยู่บ้าน ก็ไม่มีญาติสักคนอยู่เคียงข้างคุณปู่เลย
“พี่จะห้ามคุณได้เหรอ”มู่วี่สิงส่ายหัวแบบเอือมระอา
“ฮิฮิ”มู่ซือซือยิ้ม
ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาก หลังกินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ไม่ได้ไปยุ่งส้งวี่ มู่วี่สิงและเขาต้องเตรียมการประชุมแล้ว
วันนี้เวินจิ้งไม่มีอะไรต้องทำ แต่ก็ต้องอยู่ในสถานที่การประชุมโปรโมต มู่ซือซือก็อยู่ข้างๆเธอ
เวินจิ้งเข็นรถเข็นและพาเธอไปห้องประชุมและนั่งลง
จากระยะไกล โจวหย่านวิ่งมาที่ข้างๆมู่วี่สิงทันใดที่เห็นเขาเดินเข้ามา
“ทำไมผู้หญิงคนนั้นก็มาด้วย คุณไม่หึงเหรอ”มู่ซือซือก็เห็นอยู่แล้วและถามอย่างกะทันหัน
“พวกเขาแค่มีความสัมพันธ์ด้านงานเอง”เวินจิ้งพูดเบา ๆ
“ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกับพี่ชายฉัน ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าพี่ชายฉันจริงใจกับความรักมาก แต่จับผู้ชายไว้แน่นๆจะดีกว่านะ”มู่ซือซือขมวดคิ้ว
เธอรู้ฝีมือของโจวหย่านอย่างดี ในเมื่อทำให้คุณปู่ยอมรับเธอได้ คงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่นอน
“ขอบคุณคุณมู่สำหรับการเตือนนะ”เวินจิงยิ้ม
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทัศนคติที่มู่ซือซือมีต่อเวินจิ้งดีขึ้นเยอะแล้ว แต่สองคนก็ไม่ได้ถือว่าสนิท เรื่องคุยก็ค่อยๆไปที่หลิงเหยา เพื่อนของทั้งสอนคน
“เมื่อก่อนเหยาเหยาเคยชอบพี่ชายฉัน ฉันคิดเสมอว่า เธอจะแต่งงานกับพี่ชายฉัน”มู่ซือซือพูดอย่างเสียงต่ำ
ตั้งแต่เด็กจนโต หลิงเหยาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ถ้าเธอจะได้แต่งงานกับพี่ชายสุดเคารพของเธอ มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในสายตาของเธอ
เป็นเพียงว่า พี่ชายไม่เคยมีความรู้สึกต่อหลิงเหยาเลย
ตอนหลังหลิงเหยาสูญเสียความทรงจำไป เธอคิดเสมอว่ามันเป็นเรื่องที่ดี คนที่ตัวเองชอบไม่ชอบเธอ มันเป็นเรื่องที่โหดร้ายจริงๆ เธอไม่อยากให้หลิงเหยาต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป
แต่ไม่คิดว่าเธอฟื้นความทรงจำแล้ว
ตอนนี้ มีผู้หญิงอีกคนอยู่เคียงข้างพี่ชายแล้ว
“ตอนนี้เธอกลับประเทศ Cก็ดี เธอจะได้พบกับผู้ชายที่ชอบเธอจริงๆ”มู่ซือซือถอนหายใจ
แต่เวินจิ้งเงียบ หลิงเหยาเป็นคนที่ยอมแพ้ง่ายๆที่ไหนล่ะ ยกเว้นมู่วี่สิง ใครก็ไม่ได้
ทุกครั้งที่นึกถึงหลิงเหยา เวินจิ้งก็จะรู้สึกอึดอัดทุกที
“คุณจะไม่โกรธเหยาเหยาใช่ไหม”มู่ซือซือถามอย่างกะทันหัน
เห็นแต่ว่าเวินจิ้งสีหน้าเฉยเย็น ดูเหมือนว่าไม่มีอะไร
“ฉันเหมือนไม่ใจกว้างขนาดนั้น”เวินจิ้งยิ้มแบบเอือมระอา