บทที่ 542 ให้คุณได้เป็นคุณนายมู่ตัวจริง
“ใช่เหรอ? เวินจิ้ง ฉันต่างหากที่เป็นสะใภ้ตัวจริงที่ตระกูลมู่ได้เลือกเอาไว้ เธอน่ะไม่มีอะไรหรอก” โจวหย่านมองหน้าเวินจิ้งด้วยความโกรธ
ส่วนเวินจิ่งยังคงมีสีหน้าที่นิ่งเฉย แต่ลึก ๆ ข้างในนั้น เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
“คำนี้ รอให้เธอได้แต่งเข้าบ้านตระกูลมู่ก่อนค่อยมาเล่าให้ฉันฟังนะ สุนัขที่ดีจะไม่ขวางทางเดินคนหรอก เธอหลบไปได้ไหม?” ตอนนี้เธอรู้สึกอารมณ์เสียมาก!
แม้เสียงพูดของเวินจิ้งไม่ได้ดังมาก แต่คนรอบ ๆ ก็หันมามอง
โจวหย่านเริ่มรู้สึกอาย แล้วก้าวถอยหลังไป
เธอเช็ดหน้าให้สะอาด แล้วมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าเธอ
เธอต้องเป็นคุณนายมู่แน่นอน
เวินจิ้งเดินเข้าไปในลิฟต์และกดปุ่มชั้นบนสุดโดยไม่รู้ตัว แต่ความรู้สึกตอนนี้เธอไม่อยากเจอหน้ามู่วี่สิงเท่าไหร่หรอก
เบื้องหลังการสนับสนุนของ โจวหย่านคือมู่เฉิง ดังนั้นเธอถึงได้หยิ่งผยองต่อหน้าเวินจิ้ง
“ติ๊ง” เสียงลิฟต์ดังขึ้น ถึงแล้ว ในขณะที่เวินจิ้งยังไม่ทันตั้งตัว เดินออกจากลิฟต์ไปก้าวแรกก็เห็นหน้ามู่วี่สิงแล้ว
สีหน้าเศร้าหมองของเธอถูกเขามองเห็นอย่างชัดเจน
“มู่วี่สิง ผู้หญิงของคุณช่างน่ารำคาญเลยจริง ๆ” ด้วยความโกรธของเวินจิ้ง ทำให้น้ำเสียงที่พูดออกมาฟังดูรุนแรงไม่น้อย
เพราะโจวหย่านทำให้เธอรู้สึกรำคาญมากจริง ๆ !
อีกอย่าง มู่วี่สิงคือผู้ชายของเธอ!
เมื่อทันทีที่เข้าไปในห้อง เวินจิ้งจับคอเสื้อมู่วี่สิงไว้ แล้วเขย่งเท้ายืนตัวตรงไว้ แม้เธอยืนไม่สูงพอที่จะมองตาเขาในแนวขนาน แต่เธอดูมีเพาเวอร์มาก
“บอกมา ว่าคุณคือผู้ชายของฉัน”
เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิงก็จางหายไป เขามุ่ยปากไว้ แล้วฝ่ามืออันใหญ่ยาวของเขากอดไปที่หลังศีรษะเธอ จากนั้นพูดด้วยเสียงอันแหบพร่า “อื้ม ผมคือผู้ชายของคุณเวินคนเดียวครับ”
“พูดจริงนะ?” เวินจิ้งมองหน้าเขาอย่างใสซื่อ
ณ ตอนนี้ ความรู้สึกของเธอชักสั่นคลอนแล้ว
“ผมกล้าโกหกจิ้ง ๆ เหรอ? ผมจะให้ครอบครัวของตระกูลโจวต้องออกจากหนานเฉิงไปทุกคน” น้ำเสียงวู่วี่สิงเด็ดเดี่ยวและมั่นใจมาก
“โจวหย่านมายั่วยวนคุณใช่ไหม แล้วคุณทนไม่ไหว……” เวินจิ้งบ่นถามอย่างพึมพำ
ภาพรอยดูดที่คอของโจวหย่านยังอยู่ในหัวสมองเธอไม่จางหาย
เธอมั่นใจว่าทั้งหมดนี้มันคือการแสดงของโจวหย่าน
แต่ว่า เธอก็อดไม่ได้ที่อยากถามชายตรงหน้าคนนี้ให้หายคาใจ
“ผมไม่ได้แตะต้องเธอเลยนะ”
เวินจิ้งไม่ได้รู้สึกโล่งอกแต่อย่างไร เธอกอดมู่วี่สิงไว้แน่น ๆ แล้วดูดซับความอบอุ่นจากกายเขา
“ถ้างั้น โจวหย่านเล่นละครอยู่คนเดียวล่ะสิ” เวินจิ้งพูดพึมพำในปาก
“อื้ม เธอจัดฉากมาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ข่าวรั่วไหลไปหมดทุกที่ คุณปู่ก็อาจจะออกมายอมรับสถานะของเธอเหมือนกัน” มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
จุดประสงค์แบบนี้ ก็เพื่อตั้งใจให้เขายอมแต่งงานกับโจวหย่าน
“ตอนนี้มีผลกระทบต่อบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนะ แล้วคุณจะทำยังไง?”
“ถ้าเกิดปัญหากับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป คุณปู่ต้องเป็นห่วง ใช่ไหมล่ะ?” น้ำเสียงมู่วี่สิงเย็นชาเช่นเคย
ไหน ๆ ก็เกิดเรื่องแล้ว ให้มันถึงที่สุดก็แล้วกัน
เวินจิ้งมองหน้ามู่วี่สิงอย่างประหลาดใจ เขาบอกว่า “ไม่ต้องกังวลนะ ข่าวนี้เดี๋ยวก็หายไป ส่วนตระกูลโจวที่ว่ามีเส้นสาย ก็มีแต่โจวเซินคนเดียวที่เป็นตัวหลักสำคัญ”
สำหรับ โจวหย่านนั้นเป็นแค่หมากของโจวเซินเท่านั้น
“ถ้างั้น เรื่องทั้งหมดนี้ก็คือโจวเซินที่เป็นคนหลักคอยบงการอยู่เบื้องหลังใช่ไหม?”
มู่วี่สิงเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
“เขาทำไมต้องเจาะจงเฉพาะบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”
“เมื่อยี่สิบปีก่อน บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเคยซื้อบริษัทหนึ่ง นั้นก็คือบริษัทที่ก่อนจะกลายเป็นตระกูลโจว”
สำหรับเรื่องนี้แล้ว มู่วี่สิงก็เพิ่งได้รับรู้มาก่อนหน้านี้เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ถูกปิดกั้นมานานแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องลงแรงไม่น้อยที่จะได้ข้อมูลนี้มา
และแม่ของโจวเซินก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน
“ที่ผมให้คุณอยู่ห่างจากโจวเซินไว้ ก็เพราะกลัวเขาจะหลอกใช้คุณ”
และที่เขาตั้งใจตีสนิทกับโจวหย่าน ก็เพราะจะล้วงข้อมูลของตระกูลโจว
“ฉันจะระวังตัวของโจวเซินเอง”
นัยน์ตามู่วี่สิงลึกล้ำ เพราะตอนนี้มูเฉิงสนับสนุนโจวหย่านมาก และยังมีการร่วมมือกับโจวเซินด้วย และตอนนี้ที่น่ากังวลที่สุดก็คือคุณปู่
แต่ว่ามูเฉิงยังคงยืนกราน และไม่รับฟังคำพูดของใครเลย
“พรุ่งนี้ผมจะกลับหนานเฉิง”
“หืม? การสัมมนาเพิ่งเริ่มไม่ใช่เหรอ?”
“มหาวิทยาลัยFยกเลิกสัญญา” มู่วี่สิงพูดด้วยสีหน้าอันเคร่งครึม
คืนนั้น มู่วี่สิงประชุมทางออนไลน์ทั้งคืน ส่วนเวินจิ้งก็ยุ่งกับการติดตามข่าวทางโซเชียล แม้เสียงซุบซิบเกี่ยวกับข่าวของโจวหย่านและมู่วี่สิงได้หายไปแล้ว แต่ข่าวเรื่องนี้ ก็ถูกเปิดเผยให้กับทุกคนได้เห็นกันแล้ว
ไม่ว่าเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร สำหรับคนที่เสพข่าวนี้ ก็ได้เห็นหลักฐานอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ทางมู่วี่สิงก็ได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนในวันนี้แล้ว ว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับโจวหย่านและหลิงเหยาเลย ขอให้ทุกคนหยุดเดาข่าวไปมั่ว ซึ่งการกระทำของเขาเช่นนี้ก็สามารถยุติข่าวลือในบางคนได้
แต่อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เพียงขี่ช้างจับตั๊กแตน
เมื่อตลาดหุ้นในวันนี้ปิดลง หุ้นของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้ตกลงไปเกือบถึงจุดต่ำสุด
เวินจิ้งรู้สึกกังวลมาก แต่เธอไม่ได้รู้เรื่องธุรกิจ ได้แต่มองข้อมูลที่วุ่นวายนั้นแล้วเผลอนอนหลับไป
มู่วี่สิงหยุดการประชุมชั่วคราวแล้วเดินเข้ามาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปนอนบนเตียง เขามองไปที่ใบหน้าอันสวยงามของเธอและเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของเธอ
เขาก้มลงแล้วจูบริมฝีปากสีแดงของเธอเบา ๆ
จากนั้น ค่อย ๆ ไล่ลงไป
มือข้างหนึ่งกดตัวเธอไว้ แต่เวินจิ้งนั้นถูกเขาปลุกให้ตื่นตั้งนานแล้ว……
เธอค่อย ๆ ลืมตาแล้วมองมู่วี่สิงด้วยสายตาง่วงนอน แล้วพูดอย่างพึมพำ “คุณเสร็จงานแล้วเหรอ?”
“ยัง คุณนอนต่อเลย” มู่วี่สิงลุกขึ้นนั่ง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างเธออย่างหลงใหล
เวินจิ้งลุกขึ้นนั่งแล้วกอดเขาไว้ “คุณพักผ่อนบ้าง พรุ่งนี้เช้าก็ต้องนั่งเครื่องบินแล้ว”
ชายคนนี้ช่างไม่ใส่ใจสุขภาพตัวเองเลย
“อื้ม ผมยุ่งอีกสักแป๊บก็กลับมานอนแล้ว”
เวินจิ้งไม่เชื่อหรอกว่ามู่วี่สิงจะพูดความจริง
ต่อมา เธอดึงตัวเขาล้มลงนอนที่เตียงอีกครั้ง แขนขาพยายามกอดทับเขาไว้เหมือนปลาหมึก ไม่ให้เขามีโอกาสหนี
“มานอนดี ๆ !” เธอใช้น้ำเสียงที่อ้อนวอนแต่มีเพาเวอร์ตามปกติขอบเขา
รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้ามู่วี่สิง เขาจับคางเธอไว้แล้วค่อย ๆ วางจูบลงไปที่ริมฝีปากเธอ จากนั้นก็หลับตานอน
แต่เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ได้เห็นเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม
“เดี๋ยวต้องไปแล้วนะ” เวินจิ้งเตือนเขา
“อื้ม เดี๋ยวทานอาหารเช้ากับคุณก่อน”
ทั้งสองลงมาร้านอาหารด้วยกัน เมื่อคืนผู้คนที่มาร่วมงานสัมมนาส่วนมากจะมาจากต่างเมืองทั้งนั้น และเนื่องด้วยงานสัมมนาจบลงกระทันหัน ทุกคนก็ต้องกลับไปในวันนี้
เมื่อเห็นมู่วี่สิงออกมากับเวินจิ้ง ทุกคนก็ต่างพากันสงสัย
เวินจิ้งถูกสายตามากมายจับตามองอยู่ และรู้สึกไม่ชินกับสถานการณ์นั้น
และกลัวว่าสายตาแบบนี้ยังคงมีอยู่เมื่อเธอกลับไปหนานเฉิง
“โจวหย่านกลับไปแล้วเหรอ” เวินจิ้งถาม
“เธออยู่ประเทศ B บ้านโจว”
เมื่อคืนเขาให้คนส่งโจวหย่านไปที่แม่โจวแล้ว
ถึงวันนี้ ทางโจวเซินยังมามีทีท่าอะไรเลย
“เธอยังจะกลับหนานเฉิงใช่ไหม?”
“ตำแหน่งเธอถูกปลดออกแล้ว” เสียงเย็นชาของมู่วี่สิง
“คุณหมอมู่ โหดจริง ๆ เลยนะ” วินจิ้งยิ้มพูด
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เธอรู้สึกดีขึ้นมาก
“ผมกลัวว่าคุณนายมู่จะเสียใจภายหลังสิ อีกอย่าง ผมควรทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“ยังไงฉันก็ไม่กลัวโจวหย่านมาล่อลวงคุณอีกแล้ว มู่วี่สิง คุณจะทำอะไรบอกฉันด้วย ถ้าแบบนี้ฉันก็วางใจคุณแล้ว” เวินจิ้งมองตาเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน สำคัญที่สุดคือความจริงใจต่อกัน เธอจะไม่เข้าใจผิดเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เพราะเธอรู้ทุกอย่างคือแผนการของเขา
“แผนการของผมเหรอ? แผนการของผมมีสิ่งเดียว นั้นก็คือให้คุณได้เป็นคุณนายมู่” มู่วี่สิงมมุ่ยปากพูด