บทที่ 547 ปล่อยให้เธอคลั่งไคล้และหึงหวง
เวินจิ้งเพิ่งทำธุระส่วนตัวเสร็จ ไม่คิดว่ามู่วี่สิงจะมาถึงเร็วขนาดนี้
เมื่อเปิดประตูออก ก็เห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าเขาอย่างปกปิดไม่ได้ เมื่อคืนไม่ได้พักผ่อนเลยเหรอ?
ไม่ทันตั้งตัว มู่วี่สิงมากอดเธอไว้แน่น ๆ “จิ้ง ๆ ผมคิดถึงคุณมาก”
เมื่อปิดประตูลง เขาผลักเธอชิดกับกำแพง แล้ววางจูบอันเร่าร้อนในริมฝีปากเธอจนไม่สามารถปฏิเสธมันได้
เธอไม่มีแรงพอจะขัดขืน ได้แต่เกาะไว้ที่ตัวของมู่วี่สิง
แต่เธอเริ่มพยายามขัดขืนเขา อดไม่ได้ที่จะกัดมู่วี่สิงเพื่อให้เขาหยุด
เธอผลักเขาออกไปทันที
“เมื่อคืนฉันไปโรงพยาบาลแล้ว” เวินจิ้งพูดเบา ๆ
เธอไม่ใช่คนที่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดี และเธอไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ไม่เข้าใจกัน
นี่คือสิ่งที่เธอไตร่ตรองอย่างชัดเจนในเมื่อวานแล้ว
“ทำไมไม่รอผม”
“ฉันเห็นหลิงเหยา” เสียงของเวินจิ้งเบาลงเล็กน้อย
เธอถูกยกคางขึ้น และตอนนี้ จำเป็นต้องสบตามู่วี่สิงแล้ว
มองไปที่ดวงตาสีแดงของเวินจิ้ง เมื่อคืนร้องไห้เหรอ?
มืออุ่น ๆ ของเขาแตะไปที่ใบหน้าของเธอ แล้ววางจูบที่นุ่มนวลลงที่ริมฝีปากเธออีกครั้ง
“คุณเข้าใจผิดเรื่องผมกับหลิงเหยาใช่ไหม?” มู่วี่สิงเริ่มจัดเจนกับความรู้สึกเธอ
เด็กน้อยคนนี้……
เวินจิ้งยังคงเงียบอยู่ มันคือการเข้าใจผิดเหรอ?
“คุณนายหลิงเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หลิงเหยาจึงรู้สึกแย่ ความสัมพันธ์ผมกับเธอก็แค่คนไข้กับหมอเท่านั้น” มู่วี่สิงค่อย ๆ อธิบายทีละคำ
ในเวลานี้ เวินจิ้งตกใจมาก
“คุณนายหลิงเข้าโรงพยาบาลเหรอ?”
มู่วี่สิงพยักหน้า “อาการของแกค่อนข้างสาหัสหน่อย คุณหมอหลายคนในโรงพยาบาลก็ประชุมเรื่องนี้กันหลายวันแล้ว”
เวินจิ้งก้มหน้า ถ้าแบบนี้หลิงเหยาคงรู้สึกแย่มากเลยสินะ
มีเพียงมู่วี่สิงเท่านั้น ที่สามารถบรรเทาความเศร้าของเธอได้
“ถ้างั้นคุณอยู่เป็นเพื่อนเธอนาน ๆ สิ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา
ต่อมา แก้มของเธอถูกมู่วี่สิงแตะไว้เพื่อบังคับให้สบตา นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความในใจ
“คุณคิดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” เข้าจ้องหน้าเธออย่างไม่พอใจ
เวินจิ้งสีหน้าเคร่งเครียด ความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดแบบนี้เลย
แต่ตอนนี้เธอปากไม่ตรงกับใจ “ใช่”
เมื่อพูดจบ มู่วี่สิงปล่อยเธอ หันหลังแล้วเดินออกไป
เสียงปิดประตูดังก้องจนเวินจิ้งรู้สึกสะดุ้ง สีหน้าซีดจาง เธอค่อย ๆ นั่งลงกับพื้น น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง
ข้างนอก มู่วี่สิงเดินขึ้นรถ แต่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่อง
เขาพยายามจัดการเรื่องในโรงพยาบาลให้เสร็จจนไม่ได้นอนทั้งคืน เพื่อจะมีเวลามาหาเวินจิ้ง แต่ไม่นึกเลยกลับต้องเจอท่าทีของเธอแบบนี้
เขาสตาร์ทรถ เหยียบคันเร่งแล้วขับออกไป
เวินจิ้งยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง มองดูรถปอร์เช่ คาเยนน์ขับออกไปจนสุดสายตา ร่างกายของเธอเหมือนว่างเปล่าและอ่อนแอลงกระทันหัน
สองวันผ่านไป เวินจิ้งไม่รู้ว่าเธอผ่านมันมาได้อย่างไร เธอไม่ได้ติดต่อกับมู่วี่สิงและไม่ได้พบกันอีก
เขาคงอยู่โรงพยาบาลใช่ไหม?
ระยะทางจากมหาลัยไปโรงพยาบาลนั้นไม่ได้ไกลมาก แต่เธอไม่ได้ไปที่นั่น
เธอกลัวจะต้องเห็นฉากที่ทำให้เธอรู้สึกหึงจนแทบเป็นบ้าอีก
จนถึงวันจันทร์ เธอต้องเข้าร่วมโครงการวิจัยและพัฒนากับโจวเซิน เวินจิ้งถึงจะออกจากห้อง
สีหน้าของเธอซีดเซียว รอยคล้ำใต้ตาเข้มอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่ได้ใช้เครื่องสำอางปกปิดเลย จึงทำให้โจวเซินเห็นได้อย่างชัดเจน
“เวินจิ้ง ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี คุณค่อยไปวันหลังก็ได้นะ”
“ฉันไม่เป็นไร” เวินจิ้งส่ายหัว พยายามตั้งสติตัวเอง
แต่ในสายตาโจวเซิน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังฝืนตัวเองอยู่
ยิ่งกว่านั้น สีหน้าเวินจิ้งดูแย่มาก ไม่ต่างอะไรกับคนป่วยเลย
“ตอนนี้ผมเป็นหัวหน้าของคุณ คุณต้องฟังคำสั่งของผม” โจวเซินก้มหน้าแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้เธอกลับไปที่หอพัก แต่พาเธอไปที่โรงพยาบาลแทน
“โจวเซิน คุณจะทำอะไร!”
“คุณมีไข้” โจวเซินมองเธออย่างเคร่งขรึม
ซูยางตกใจ เป็นไข้……เหมือนจะ……ใช่
“ฉันหายากินเองได้”
“ผมคิดว่าคุณไม่หายากินเองหรอก ให้หมอตรวจดูก่อน ผมถึงไว้ใจ” เมื่อพูดจบ เขาก็พาเธอเข้าไปในโรงพยาบาลโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ
เวินจิ้งเดินตามหลังโจวเซิน แต่ฝีเท้าของเธอดูไร้เรี่ยวแรงมาก เธอพิงกับกำแพงไว้ เหมือนกำลังจะล้มลงไป โจวเซินจึงรีบอุ้มเธอขึ้นมา
“โจวเซิน!” เวินจิ้งได้แต่กอดคอของเขาไว้
ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของโจวเซิน ไม่สนใจในการต่อต้านของเธอ และพาเธอเข้าไปในโรงพยาบาล
แพทย์หญิงคนนี้รู้จักโจวเซิน เมื่อเห็นเขาอุ้มผู้หญิงเข้ามาแบบนี้ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“นี่มัน……เกิดอะไรขึ้น?”
“เป็นไข้” เมื่อโจวเซินวางเวินจิ้งลง เธอพยายามผลักเขาออกไปทันทีที่เท้าแตะพื้น
แต่แรงกายเธอทำอะไรโจวเซินไม่ได้ เขาจึงยืนติดเธออยู่ข้าง ๆ
แพทย์หญิงมองไปที่เวินจิ้งแล้วยื่นเข็มวัดอุณหภูมิร่างกายมาให้
“สอดไว้ใต้รักแร้สิบนาที”
แต่เวินจิ้งไม่ให้ความร่วมมือ หันตัวแล้วเตรียมเดินออกไป
โจวเซินไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจ เขาจับข้อมือของเธอไว้ แล้วบังคับให้เธออยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ถ้าคุณไม่ใส่เอง เดี๋ยวผมจะใส่ให้” เขาหยิบเข็บวัดนั้นขึ้นมา
เวินจิ้งชักสีหน้าเหลือทน กัดฟันแล้วรีบกระชากเข็มวัดนั้นมา
โจวเซินจึงปล่อยมือเธอด้วยความพึงพอใจ
ขณะนี้ ความโกรธนัยน์ตาของแพทย์หญิงคนนี้เปล่งประกาย
“คุณหมอโจว เธอเป็นนักเรียนของคุณเหรอ?” แพทย์หญิงโน้มตัวไปถาม
“คิดว่าใช่”
“พวกคุณเป็นแฟนกันใช่ไหม?” แพทย์หญิงอดไม่ได้ที่จะถามคำถามนี้
เพราะว่า เธอไม่เคยเห็นโจวเซินใกล้ชิดกับใครได้มากขนาดนี้
อีกอย่าง เมื่อกี้นี้เขายังอุ้มเวินจิ้งเข้ามาด้วย
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” และตอนนี้ เวินจิ้งรีบเอ่ยปากปฏิเสธไป
แพทย์หญิงยิ้มทันที แต่ใบหน้าของโจวเซินเย็นชามาก
ในตอนนั้น แพทย์หญิงพยายามหาเรื่องคุยกับโจวเซิน แต่สีหน้าเขาเหมือนไม่แยแส
จนถึงเวลา เวินจิ้งหยิบเข็มวัดนั้นออก
“39 องศา!”
“ฉีดยาลดไข้ให้เธอ” โจวเซินสั่ง
ในขณะนี้ แพทย์หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องเขาไปแล้ว
เวินจิ้งรู้สึกได้ว่าแพทย์หญิงคนนี้รู้สึกประทับใจต่อโจวเซิน แต่ว่า……เธอเกี่ยวอะไรด้วย
“ฉันกลับไปกินยาเอง คุณรีบไปงานวิจัยไม่ใช่เหรอ?” เวินจิ้งเตือนเขา
“ผมไม่รีบหรอก” โจวเซินค่อย ๆ นั่งลงอย่างสบาย
งานวิจัยและพัฒนาจะเริ่มเมื่อไหร่นั้น อยู่ที่คำสั่งของเขาคนเดียว
แพทย์หญิงเอาน้ำเกลือเข้ามา เวินจิ้งนอนอยู่บนเตียงแล้วมองดูพยาบาลฉีดยาให้เธอด้วยความเจ็บปวด จนทำให้เธอน้ำตาคลอ
แพทย์หญิงคนนี้จงใจ!
เวินจิ้งกัดริมฝีปากไว้ แล้วจ้องหน้าโจวเซินด้วยความโมโห
โจวเซินคิ้วชนกัน และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ็บเหรอ?” เมื่อเห็นสีหน้าเวินจิ้งเคร่งเครียด เขาจึงเดินเข้ามาถาม
“เรื่องของฉัน” เวินจิ้งหันหน้าหนี
โจวเซินนั่งลงข้าง ๆ เธอ แพทย์หญิงจึงรู้สึกใจเต้นรัวกระทันหัน และไม่ทันระวัง……เข็มคดแล้ว……
เวินจิ้งหายใจเข้าลึก ๆ แค่หยอดน้ำเกลือเธอต้องทนทรมานขนาดนี้เลยเหรอ……
ในที่สุด โจวเซินก็เข้าใจความรู้สึกเธอแล้ว
สายตาที่น่ากลัวมองไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จนเธอต้องรีบพูด “ขอโทษค่ะ”
ตอนนี้เธอไม่กล้าใจละเมออีกแล้ว หลังจะสอดเข็มน้ำเกลือเสร็จเธอก็เดินออกไป แต่สายตาก็ยังมองไปที่โจวเซินอย่างไม่เต็มใจ
ผู้หญิงคนนั้น เธอต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือใคร!
เวินจิ้งหลับตาลง เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามาก วันนี้ต้องฝืนตื่นขึ้นมาแต่เช้า แต่หลังจากได้นอนพักในตอนนี้ เธอก็ทนไม่ไหวแล้วนอนหลับไป