บทที่ 556 ใจร้ายพอตัว
เมื่อวางสายลง รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งได้หุบลง มู่วี่สิงไปทำงานนอกสถานที่ เธอจะต้องคิดถึงเขาอย่างแน่นอน
ในตอนนี้โทรศัพท์สั่นขึ้นอีก มู่วี่สิงเพิ่งจะเห็นภาพที่เวินจิ้งส่งมาให้เขา แล้วตอบกลับหาเวินจิ้ง : โกรธหรือ
ไม่ได้โกรธ หลิงเหยาเป็นคนส่งมาให้ฉัน ฉันก็เลยส่งให้คุณต่อ
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว เวินจิ้งจึงได้เพิ่มประโยคข้อความ : ไม่ได้โกรธ ฉันรู้ว่าหลิงเหลาต้องการจะยั่วยุกระตุ้นอารมณ์ฉัน ฉันจึงไม่ได้ปักใจเชื่อ
มู่วี่สิงส่งภาพอิโมจิที่น่ารักสุดๆให้เธอ คนเก่ง!
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
วันต่อมา ตอนที่เวินจิ้งตื่นนั้น มู่วี่สิงได้ถึงเมืองตงเฉิงแล้ว
เธอเข้าไปที่ห้องวิจัย เพียงแต่ว่าในเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่นักเรียนส่วนใหญ่ควรจะถึงห้องวิจัยแล้ว แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่แม้แต่เงาใครสักคน
เวินจิ้งกำลังที่จะโทรศัพท์ เธอเพิ่งได้เห็นข้อความกลุ่มในวีแชทที่ได้แจ้งล่วงหน้าไว้ เรื่องการวิจัยของยาห่ายหยางถูกระงับอย่างไม่มีกำหนด
เวินจิ้ง: ??
ในเวลานี้โทรศัพท์ได้เด้งข่าวสารขึ้นโดยอัตโนมัติ เป็นข่าวเกี่ยวกับการลงทุนที่ผิดกฎหมายของตระกูลโจว ผู้บริหารระดับสูงบางคนได้ถูกจับกุมแล้ว ในขณะเดียวกันยังมีข่าวเกี่ยวกับการวิจัยของยาห่ายหยางที่ไม่ได้รับรองจากองค์การอาหารและยา มีข้อสงสัยว่ามีการละเมิดการใช้ส่วนผสมต้องห้าม ขณะนี้ไม่เพียงแต่การวิจัยของยาห่ายหยางแล้ว โครงการทั้งหมดของตระกูลโจว ได้ถูกระงับไว้ทั้งหมด
ตระกูลโจวเกิดเรื่องขึ้นหรือ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยไม่มีการเตือนใดๆ อันที่จริงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในสำนักงานได้รับข่าวคราวแล้ว ผู้บริหารหลายคนก็ได้รับข้อมูลนี้
เมื่อเงยหน้าขึ้น เวินจิ้งเจอเข้ากับโจวเซินใบหน้าที่หล่อเหลาได้เผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า เขาออกมาจากห้องวิจัย หรือว่าเขาอยู่ในห้องนั้นทั้งคืน
“รุ่นพี่คะ” เวินจิ้งเรียกเขาอย่างสุภาพ
โจวเซินขมวดคิ้วขึ้น ตอนที่เงยหน้าอารมณ์ทางแววตาถูกเขาได้เก็บซ่อนเอาไว้
“โครงการงานวิจัยถูกระงับ เป็นไปตามที่คุณต้องการใช่หรือไม่เวินจิ้ง” โจวเซินพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
เวินจิ้งตะลึงงัน เธอ…..ไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าโครงการวิจัยและพัฒนาเดิมทีเป็นความรับผิดชอบของมู่วี่สิงจะถูกเปลี่ยนมาเป็นความรับผิดชอบของโจวเซิน แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นใคร เธอยังคงคิดที่จะทุ่มเททำอย่างเต็มที่
แม้เธอจะไม่อยากใกล้ชิดโจวเซินก็ตาม
“รุ่นพี่คะ โครงการวิจัยและพัฒนานี้ยังสามารถเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งได้ไหม” เวินจิ้งถามขึ้น
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยและตระกูลโจว ซึ่งเธอผู้ไม่ได้ทราบอะไรเลย
เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่า เดิมทีโครงการนี้ดำเนินการโดยตระกูลมู่ แต่ว่าดูเหมือนตอนนี้ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับตระกูลโจวทั้งหมด
มู่วี่สิงเคยได้พูดไว้ว่า โครงการวิจัยและพัฒนาอีกไม่นานจะถูกระงับ…..เป็นไปตามที่พูดจริงๆ
หรือว่า นี่จะเป็นแผนการของเขา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เวินจิ้งรู้สึกกลัวขึ้นในทันใด
เธอไม่เคยคิดที่จะต้องการให้มู่วี่สิงเป็นนักธุรกิจ ในสายตาเธอเห็นเขาเป็นเพียงหมอท่านหนึ่งมาโดยตลอด
“ไม่ได้ ผมประเมินวิธีการของมู่วี่สิงต่ำไปจริงๆ” น้ำเสียงโจวเซินแฝงด้วยความอันตราย
น้ำเสียงเขาไม่ได้ดังมาก แต่ก็ได้กระแทกเข้ามาในหูของเวินจิ้งได้อย่างชัดเจน
หรือจะเกี่ยวข้องกับมู่วี่สิงจริงๆ
เมื่อดึงความคิดกลับมาได้ พบว่าโจวเซินได้จากไปแล้ว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ถ้าหากโครงการถูกยกเลิก เธอจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนกับศาสตราจารย์ส้ง
เดิมทีนึกว่าตัวเองนั้นโล่งใจแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นเลย
แผนการวิจัยและพัฒนาเพิ่งเริ่มได้สัปดาห์เดียว แต่เธอนั้นได้ลงทุนไม่น้อย เธอเตรียมทุกอย่างไว้มากมาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกับพังทลายลง
ขณะที่เธอตระหนักอยู่นั้น เธอได้โทรศัพท์หามู่วี่สิง เพื่อจะเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
แม้เธอจะรู้ว่ามู่วี่สิงทราบเรื่องราวตั้งแต่เนิ่นๆแล้วก็ตาม
แต่ว่าโทรศัพท์มู่วี่สิงไม่มีการรับสายแต่อย่างใด เวินจิ้งได้วางสายลง แล้วไปที่ห้องทำงานของศาสตราจารย์ส้ง
เมืองตงเฉิงในเวลานี้
มู่วี่สิงที่เพิ่งจะประชุมเสร็จ ตอนที่ออกมาจากห้องประชุมได้พบเข้ากับหลิงอี้และหลิงเหยา
การประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับประสาทวิทยาที่จัดขึ้นโดยบริษัทหลิงซื่อ หลิงอี้ในฐานะประธานก็ต้องเข้าร่วมประชุมเป็นธรรมดา
หลิงเหยาเมื่อเห็นมู่วี่สิง จากอารมณ์ที่ปกติก็แปรปรวนขึ้นมาทันใด
“วี่สิง คุณมาแล้วหรือ” หน้าตาหลิงเหยาดูเบิกบานด้วยรอยยิ้ม
มู่วี่สิงที่ขมวดคิ้วขึ้น แล้วจากไปอย่างไม่แยแส
เสียงหลิงอี้ที่ดังขึ้นอยู่ด้านหลัง “อาหารเย็นนี้หวังว่าคุณหมอมู่จะมาให้ตรงเวลานะครับ”
มู่วี่สิงไม่มีการตอบรับใดๆ และก็จากไปในทันที
เมื่อกลับถึงโรงแรม เห็นโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับจากเวินจิ้ง เขาจึงรีบโทรกลับหาเธอ
เขาน่าจะพอเดาออกได้ถึงเหตุผลที่เธอโทรมาหา
“มู่วี่สิง ตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมงานวิจัยอีกแล้ว” น้ำเสียงเวินจิ้งดังขึ้นเบาๆ
“อืม”
“ทำไมคุณถึงรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ” เวินจิ้งถามด้วยความสงสัย
“เดิมทีการวิจัยของยาห่ายหยางก็มีปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปถึงได้ถอยตัวออกมา
เวินจิ้งเงียบ แต่ในใจยังคงช็อก
“ถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าเป็นการใส่ร้ายตระกูลโจวหรือเปล่า”
“ใช่” มู่วี่สิงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
อันที่จริงมันก็คือแผนการที่ถูกกำหนดไว้สำหรับตระกูลโจว แต่บังเอิญในเวลานั้น ที่โจวเซินลักพาตัวมู่ซือซือไป คิดว่าจะควบคุมส้งอี้ได้ นึกไม่ถึงว่าส้งอี้ก็คือหมากตัวหนึ่งในเกมของมู่วี่สิง
มันแต่ก็แค่เกมลวงที่ทำให้ตกหลุมพราง
“อืม ถึงยังไงคุณก็ไม่อยากบอกฉัน” เวินจิ้งพึมพำ
“เรื่องพวกนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้ สิ่งที่โจวเซินทำกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมไม่อาจจะนิ่งดูดายโดยที่ไม่ตอบสนองไม่ได้” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปฉันคงต้องฝึกงานที่โรงพยาบาลกับคุณแล้ว ฉันได้คุยกับศาสตราจารย์ส้งเมื่อครู่
“ตั้งหน้าตั้งตารอผมอยู่ที่เมืองหนานนะ ผมจะกลับไปให้เร็วที่สุด” ใบหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิงได้อ่อนลง
“อืมๆ แต่ว่าสุดสัปดาห์นี้ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ ฉันไปหาคุณแล้วกันนะ” มู่วี่สิงก็ไม่อยู่ ตอนนี้เธอก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
เธออยากอยู่ข้างๆมู่วี่สิง…..
ถ้าอย่างนั้นก็ผมให้เกาเชียนมาเป็นเพื่อนด้วยนะ”
“จริงหรือคะ”
“ผมเคยพูดโกหกกับคุณที่ไหนกัน”
เวินจิ้งที่แอบเลี่ยนอยู่ในใจ “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไร”
แต่ในความทรงจำมู่วี่สิงก็ไม่เคยพูดโกหกใดๆกับเธอจริงๆ
ค่ำคื่นนั้น
มู่วี่สิงได้มาถึงโรงแรมตงเฉิง คืนนี้บริษัทหลิงซื่อได้จัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อให้ความบันเทิงแก่นักประสาทวิทยาทั้งในและต่างประเทศ
ทันทีที่เข้ามาในโรงแรม มู่วี่สิงก็ถูกเชิญไปร่วมโต๊ะกับบรรดาศาสตราจารย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่เขาเคยรู้จักมาก่อน
ไม่ไกลไปนัก หลิงเหยาที่เฝ้าดูมู่วี่สิงคุยสนทนาอย่างสนุกสนานเฮฮา ความหลงใหลได้ฉายในแววตาเธอ
เธอถือแก้วไวน์ ความรู้สึกที่อยากจะเข้าใกล้เขา แต่ก็กลัวเขาจะรำคาญเธอ
“ทำไมถึงไม่เข้าไปละ” เสียงหลิงอี้ดังขึ้นข้างหูของหลิงเหยา
“ถ้าฉันเข้าไป เขาอาจจะจากไปในทันที”
เธอรู้ตัวดีว่าในตอนนี้มีแต่จะสร้างความรำคาญใจให้กับมู่วี่สิง
แต่เธอก็ไม่อยากเป็นแบบนี้
“อย่างนั้นหรือ” หลิงอี้ขมวดคิ้วอย่างแหนงหน่าย
“หุ้นที่อยู่ในมือวี่สิง ยังไม่ได้ขายออกไปหรือ” หลิงเหยาถามด้วยความกระวนกระวาย
นี่คือสิ่งที่แม่ทิ้งไว้ให้กับมู่วี่สิง เพื่อความสุขของหลิงเหยา
ถ้าหากมู่วี่สิงขายหุ้นนี้ทิ้งไป แบบนั้นเขากับตระกูลหลิงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
“ขายไปแล้ว” สีหน้าหลิงอี้ดูหดหู่
มู่วี่สิงขายผ่านตลาดต่างประเทศโดยแอบซ่อนข้อมูลเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทราบเรื่องทุกอย่างมันก็สายไปเสียแล้ว
ได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหลิงเหยาก็ได้ซีดลง
“ทำไมเขาถึงใจร้ายเช่นนี้” เธอหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง จริงๆแล้วเธอยังจะคาดหวังอะไรกันอีกแน่