บทที่ 560 เป็นอุบัติเหตุ
“มู่วี่สิง…..” เวินจิ้งพึมพำ แล้วผลักเขาออก
สบตากับมู่วี่สิง แววตาที่โลดแล่นด้วยเปลวไฟ
เขากำลังโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น…..” เวินจิ้งเลี่ยงสบสายตา
“อย่าไปเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นเป็นอันขาด” มู่วี่สิงพูดจบประโยค ก็จูงมือเธอแล้วขึ้นรถไป
เวินจิ้งที่ยังมึนงง เธอก็ไม่ได้ใกล้ชิดชายอื่นแต่อย่างใดนิหน่า…..
หรือว่าจะเป็นหลิงอี้
เวินจิ้งนึกขึ้นได้ว่าเหมือนเมื่อสักครู่เธอจะอิงซบอยู่ที่ไหล่ของเขา…..แต่ว่านั่นเป็นเพียงอุบัติเหตุ
“ฉันไม่ได้ทำสักหน่อย” เธอพึมพำ
“อืม” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว แล้วโอบเธอไว้อยู่ในอ้อมกอดด้วยความเอาแต่ใจ
เมื่อสักครู่คนของเขาได้ถ่ายภาพเวินจิ้งจากด้านนอกห้องผู้ป่วย พอดีเข้ากับที่เธอซบอยู่ที่ไหล่ของหลิงอี้
แม้ว่าต่อมาเวิงจิ้งจะผลักเขาออกไปแล้วก็ตาม แต่ว่าภายในใจมู่วี่สิงก็รู้สึกไม่พอใจ
“คุณทราบแล้วหรือ” เวินจิ้งมองสีหน้าที่ตึงเครียดของมู่วี่สิง ความรู้สึกบอกว่าต้องเป็นเพราะหลิงอี้แน่ๆ
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก ไม่มีการตอบใดๆ
“พรุ่งนี้เรากลับเมืองหนานกัน” ตอนที่หันหน้ามา ใบหน้าเธอดูอ่อนโยนลง
“คุณทำงานเสร็จแล้วหรือ” เวินจิ้งถาม
เธอจำได้มู่วี่สิงเคยบอกว่าจะมาทำงานที่นี่หนึ่งสัปดาห์ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านไปสามวันเอง
“ใกล้เสร็จแล้ว” มู่วี่สิงจ้องมองเธอด้วยตาลุกวาว
ความจริงแล้วยังไม่เสร็จ แต่เธออยากจะส่งเวินจิ้งกลับเมืองหนานก่อน
“ได้ค่ะ” เวินจิ้งพยักหน้า
วินาทีถัดมา มู่วี่สิงได้จับคางเธอขึ้น รอยจูบของเธอก็ได้ประทับลงมาอีกครั้ง
เวินจิ้งได้กอดมู่วี่สิง แล้วซบเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มีเพียงอ้อมกอดนี้เท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เวินจิ้งตื่นนอน กลับพบว่าข้างกายเธอนั้นว่างเปล่า
เธอรู้สึกจิตใจเวิ้งว้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นข้อความที่มู่วี่สิงฝากไว้ เช้านี้เขามีธุระที่ต้องไปจัดการ แล้วเจอกันที่สนามบินทีเดียวในตอนบ่าย
เวินจิ้งตอบข้อความเสร็จสรรพ มองดูนาฬิกาแล้วตั้งใจจะไปเยี่ยมหลิงเหยาอีกครั้ง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล หลิงอี้ที่กำลังเดินออกมาจากประตู พวกเขาทั้งสองเจอหน้ากันเข้าพอดี
“เวินจิ้ง” เขาเรียกเธอ
เวินจิ้งหยุดชะงัก
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกผิดต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเหยาเหยา ก่อนหน้านั้นอารมณ์ผมร้อนเกินไป ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณเลย” ตอนนี้ท่าทีหลิงอี้ดูใจเย็นขึ้น
เขาทราบดีว่าน้องสาวของเขานิสัยเป็นอย่างไร ตั้งแต่เนิ่นๆที่เธอตกหลุมรักมู่วี่สิงอย่างไม่มีเหตุผล จะต้องเป็นมู่วี่สิงเท่านั้นที่เธออยากจะอยู่ด้วย เมื่อได้พบเจอกับมู่วี่สิงทีไร ความสงบใจเย็นแทบจะหายไปหมด
“ฉันแค่เป็นห่วงหลิงเหยา” เวินจิ้งพูดเบาๆ
“อืม คุณหมอบอกว่าเหยาเหยามีสัญญาณที่จะฟื้นขึ้น เธอไม่ต้องเป็นห่วง กลับไปเถอะ” หลิงอี้เขยิบเข้ามาใกล้ขึ้น
เวินจิ้งเม้มปาก ความจริงเธออยากจะเจอหลิงเหยา แต่หลิงอี้ไม่อยากต้องการให้เธอขึ้นไป
เธอไม่ได้เร้าหรือแต่อย่างใด ในเมื่อทราบความคืบหน้าของหลิงเหยาแล้ว เธอก็ไม่ได้เร้าหรือที่อยู่ต่อ
“จะไปไหน ผมไปส่ง” หลิงอี้ถามเธอขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถไปเองดีกว่า” เวินจิ้งยิ้ม
เมื่อหันหลังไป เวินจิ้งไม่ทันได้ระวังว่ามีคนเดินผ่านหน้าไป ตอนที่เกือบจะชนเข้านั้น หลิงอี้ได้ดึงเธอมาพยุงไว้
ด้วยแรงดึงทำให้เวินจิ้งเซเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เป็นอะไรหรือเปล่า” หลิงอี้ถามด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งได้ผลักเขาออก ส่ายหัว แต่ว่าหลิงอี้ได้จับเธอไว้แน่น
เธอค่อยๆใช้แรงดิ้นเพื่อผลักเขาออกไป
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“อืม” หลิงอี้ก็สังเกตเห็นตัวเองนั้นดูจะตระหนกเกินไป จึงค่อยๆปล่อยมือ
ในขณะนี้ถนนฝั่งตรงข้ามที่ไม่ไกลไปจากตรงนี้ มีรถยนต์สีดำจอดอยู่ มู่วี่สิงที่ใบหน้าหล่อเหลาแต่ดูตึงเครียด
“ประธานมู่ เวลาใกล้จะไม่ทันแล้ว” เกาเชียนพูดด้วยน้ำเสียงพะวง
มู่วี่สิงที่หน้าตึงเครียด หันศีรษะมา พูดอย่างเคร่งขรึม “ให้จัดเครื่องบินส่วนตัวทันที”
รถยนต์ถูกควบคุมให้เคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งกลับถึงโรงแรมเพื่อไปเอากระเป๋าเดินทาง เพิ่งเห็นโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับสาย หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มู่วี่สิงได้โทรหาเธอถึงสองครั้ง
เมื่อเธอโทรกลับไป กลับปรากฏว่าโทรไม่ติด
เธอจึงรีบโทรหาหมายเลขโทรศัพท์ของเกาเชียนทันที แต่ก็โทรไม่ติดเช่นกัน
หรือว่าอยู่บนเครื่องบินแล้ว
เวินจิ้งจึงรีบไปที่สนามบิน ทันทีที่ได้ตั๋วเครื่องบิน แล้วผ่านด่านตรวจสอบความปลอดภัย ในที่สุดเธอก็โทรหาหมายเลขของเกาเชียนติด
“คุณเวิน ประธานมู่ตอนนี้อยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ไม่สะดวกที่จะรับโทรศัพท์” เกาเชียนรีบอธิบายอย่างร้อนรน
“ฉันทราบแล้ว มู่วี่สิงไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เวินจิ้งถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ต้องเกิดบางอย่างขึ้นแน่ๆ ถึงทำให้มู่วี่สิงต้องรีบกลับไปที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปขนาดนี้
เกาเชียนไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย “คุณเวิน เป็นเรื่องของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ผมไม่สะดวกจะบอกคุณในตอนนี้”
“ฉันเข้าใจ อย่างนั้นมู่วี่สิงจะกลับบ้านเมื่อไร” เวินจิ้งถามต่อ
“น่าจะพรุ่งนี้ครับ”
หลังวางสาย เวินจิ้งมองดูนาฬิกาแล้วก็ใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่อง
เวลานี้ หลิงอี้กลับโทรศัพท์เข้ามา เวินจิ้งรับสาย
“เวินจิ้ง เธอสามารถมาที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า เหยาเหยาฟื้นขึ้นมาแล้ว เขาอยากเจอเธอ”
“ฉันจะต้องกลับเมืองหนานแล้ว” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ตอนนี้อารมณ์ของหลิงเหยาไม่ค่อยดี ผมกลัวว่าเธอจะทำร้ายตัวเอง เวินจิ้งถ้าหากเธอไม่มีธุระเร่งด่วน ผมหวังว่าคุณจะมาที่โรงพยาบาลได้” หลิงอี้พูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน
เวินจิ้งชะงัก เธอก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วนจริงๆ กลับไปเมืองหนานแล้ว หากมู่วิ่สิงไม่ว่าง เธอก็ไม่จำเป็นต้องฝึกงาน เพียงแค่ต้องทำรายงานของศาสตราจารย์ส้งเท่านั้น
“ได้ อย่างนั้นเดี๋ยวเจอกัน”
“เวินจิ้ง ขอบใจเธอมาก”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งก็มาถึงโรงพยาบาล
หลิงอี้สูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง เวินจิ้งได้เดินเข้าไปใกล้ กลิ่นบุหรี่ที่ฉุนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ฉันเข้าไปก่อนนะ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
หลิงอี้พยักหน้า มองไปด้านหลังเวินจิ้ง คิ้วก็ค่อยๆขมวดขึ้น
หลิงเหยาที่กำลังให้สายน้ำเกลือ เธอที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน หน้ายังคงซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเวินจิ้ง อารมณ์เธอกลับดูสงบ
“ไม่คิดว่าเธอจะเป็นห่วงเป็นใยฉันด้วย” หลิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“หลิงเหยา ในใจฉัน เธอยังคงเป็นเพื่อนของฉันเสมอ” เวินจิ้งหยุดก้าวเดิน
หลิงเหยาที่ยิ้มอย่างอ่อนแรง “แต่ว่าฉันเกลียดเธอ”
“ฉันรู้ แต่ว่าถึงยังไงจะมีเธอหรือไม่มีเธอ ฉันกับมู่วี่สิงก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี”
ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าหลิงเหยากลับยิ่งลุ่มลึก จนถึงขั้นหัวเราะออกมาดังๆ
“เธอดูจะมั่นใจตัวเองเหลือเกิน ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะที่ฉันสูญเสียความจำ ฉันคงแต่งงานกับมู่วี่สิงนานแล้ว คงไม่มีวันถึงตาเธอหรอก”
เวินจิ้งเม้มปาก สบสายตากับแรงอาฆาตของหลิงเหยา เธอกุมฝ่ามือตัวเองเบาๆ
มู่วี่สิงไม่ชอบหลิงเหยา เธอรู้มาตลอด
แต่ว่าดูเหมือนที่มู่วี่สิงแต่งงานกับเธอในตอนแรกนั้น ก็ไม่ได้ชอบเธอเหมือนกัน
เพียงแต่ตอนนั้นเขาต้องการภรรยาเท่านั้น
เมื่อคิดเช่นนั้น เวินจิ้งก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ฉันไม่ทราบว่าทำไมมู่วี่สิงถึงเลือกเธอในตอนนั้น แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ฉันไม่มีทางยอมแพ้เธอเป็นอันขาด” หลิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และจริงจัง
ในวินาทีต่อมาเธอได้เปิดผ้าห่มออก ทำให้เวินจิ้งเห็นขาของเธอแล้วถึงกับตะลึงตาค้าง
“ฉันเป็นอัมพาตไปแล้ว เธอคิดว่ามู่วี่สิงจะรับผิดชอบชีวิตฉันหรือเปล่า” หลิงเหยาที่ยิ้มออกมาด้วยท่าทีขมขื่นที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก
เวินจิ้งถึงกับตกใจ เป็นอัมพาตหรือ
อย่างนั้นก็แสดงว่า หลิงเหยาจะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ
แต่ว่าวิชาชีพหมอของเธอกำลังจะเพิ่งเริ่มขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมากสำหรับเธอ