บทที่ 55 ทำไมเขายังคงสนใจเธออยู่
“ผู้หญิงเขาก็คาดหวังเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่หรอ”
เวินจิ้งมองเขา หลายปีแล้ว ที่เธอคาดหวังกับหลายๆเรื่อง แต่เธอก็ไม่เคยได้พูดออกมา
แต่อย่างน้อย ตอนนี้ก็มีคนๆนึงที่ทำให้เธอสมหวังได้เรื่องนึงแล้วสินะ
“ฉะ… ฉันเฉยๆนะ” เวินจิ้งวางช่อดอกไม้ลงด้วยท่าทีที่ประหม่า
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอรู้สึกดีมากขนาดไหน
“คุณผู้หญิงมู่ การที่เราใช้ชีวิตอยู่คนเดียวกับสองคนมันแตกต่างกันนะ”
มู่วี่สิงสตาร์ทรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินจิ้งก้มหน้ามองแหวนบนนิ้วนางของเธออยู่นาน สุดท้าย เธอก็เลือกที่จะไม่ถอดมันออก
ถ้าเป็นอย่างที่มู่วี่สิงพูด เราก็ต้องแสดงให้มันสมจริงกันหน่อยไม่ใช่หรอ
…
วันต่อมา ณ บริษัทการผลิตยาเทียนอี
โปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปและบริษัทการผลิตยาเทียนอีได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ วันนี้เนื่องจากเสี้ยวหงต้องออกเดินทางไปทำงาน เขาจึงให้อั้ยเถียนมาแทน ส่วนเวินจิ้งที่เป็นผู้ช่วยของโปรเจกต์นี้ก็ต้องมาด้วย
“เวินจิ้ง วันนี้ฉืออี้เหิงมาด้วยนะ” อั้ยเถียนบอกด้วยความกังวลใจ
เวินจิ้งพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “สถานะของเขาเป็นแค่คนที่ร่วมงานกับเราก็เท่านั้นเอง”
“ถ้าเธอคิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วแหละ”
อั้ยเถียนยิ้ม แล้วบังเอิญไปเห็นแหวนบนนิ้วนางของเวินจิ้งเข้า ดวงตาเธอเป็นประกาย
“ฮั่นแหน่! แหวนแต่งงานหรอ”
“ก็คงใช่แหละ” เวินจิ้งตอบปัดๆ
“เอ ทำไมฉันเหมือนเคยเห็นแหวนวงนี้ที่ไหนมาก่อนเลยนะ”
อั้ยเถียนนึก อยู่ดีๆเธอก็ตีเข่าตัวเอง พร้อมกับเปิดมือถือของเธอให้เวินจิ้งดู
เมื่อครึ่งเดือนก่อน เมืองหนานเฉิงได้จัดงานการประมูลแหวนครั้งใหญ่ ซึ่งแหวนที่นำมาจัดการประมูลนั้น เป็นแหวนมูลค่า… 300 ล้านหยวน ซึ่งเป็นแหวนแบบเดียวกันกับที่อยู่บนนิ้วของเวินจิ้ง สะ… 300 ล้านหยวน…
เวินจิ้งตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะใส่ของที่มีมูลค่า 300 ล้านนั่นอยู่กับตัว
“เถียนเถียน อันนี้คือของปลอมแน่ๆ ฉันมั่นใจว่านี่คือของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาแน่นอน” เวินจิ้งพูดพลางอยากจะถอดแหวนนั้นออก
แต่เธอกลับถอดมันไม่ออก
“แหวนวงนี้มีแต่คนอยากได้ เพราะมันเป็นผลงานการออกแบบของ DG และได้รับรางวัลนานาชาติอีกมากมายนับไม่ถ้วน ไม่คิดเลยว่ามันจะถูกหมอมู่ประมูลไป” อั้ยเถียนก็อึ้งไปเหมือนกันพอรู้ ไม่คิดว่าหมอมู่ที่เป็นแค่หมอจะสามารถประมูลมันไปได้!
เวินจิ้งตกใจ พอรู้อย่างนั้น เธอก็ยิ่งไม่ลังเลที่จะถอดแหวนวงนั้นออก อั้ยเถียนพูดต่อว่า : “ยอมแพ้เถอะ นั่นมันคือแหวนวงนั้นจริงๆ นี่มันถูกออกแบบมาเพื่อคนๆเดียวบนโลกเลยนะนั่น เพราะฉะนั้นเธอถอดมันออกไม่ได้แล้วล่ะ”
เวินจิ้งไม่มีทางเลือก แต่ถึงยังไงเธอก็ยังอยากจะคืนแหวนวงนี้ให้มู่วี่สิงอยู่ดี
ไม่นาน คนจากบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็มา พร้อมกับเวินจิ้งที่เผลอเก็บนิ้วนางของตัวเองขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ในห้องประชุม นอกจากฉืออี้เหิงที่มาแล้ว ก็ยังมีฉินเฟยกับผู้จัดการคนอื่นๆอีกไม่กี่คน
เสี้ยวหงที่เป็นหัวหน้าของบริษัทเทียนอีก็ได้วิดีโอคอลมา
รายละเอียดของการร่วมงานกันครั้งนี้ได้ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงเรื่องการแบ่งกำไรกัน
เดิมทีบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปอยากได้ส่วนแบ่ง 50% ของกำไรทั้งหมด แต่บริษัทเทียนอีเสนอเรื่องการสรรหาคนที่มีทักษะมาช่วยดูแลโปรเจกต์ในครั้งนี้ด้วย และก็เป็นที่สรุปได้ว่า ส่วนแบ่งที่บริษัทเทียนอีควรจะได้ต้องไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรทั้งหมด
ซึ่งความขัดแย้งนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความชะงัก
“ซึ่งโปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ทางเราได้สรรหาคนที่มีทักษะมาเองเรียบร้อยแล้วด้วย” เสี้ยวหงพูดเสียงเย็น
“แล้วใครกันล่ะคนที่มีทักษะนั่นน่ะ” ฉินเฟยถาม
ในรายงานที่เวินจิ้งได้อ่าน ก็ไม่มีระบุไว้ว่าคนๆนั้นคือใคร แต่ต้องเป็นคนที่เสี้ยวหงให้ความไว้วางใจมากแน่ๆถ้าฟังจากน้ำเสียงของเขาเมื่อกี้
“สำหรับโปรเจกต์นี้ คนที่จะมาช่วยนั้นก็คือมู่วี่สิงและทีมงานของเขา และด้วยเหตุนี้กำไรที่ทางบริษัทเทียนอีควรจะได้นั่นก็คือ 80% ”
มู่วี่สิง
สำหรับชื่อนี้ ในวงการแพทย์นั้น ไม่มีใครไม่รู้จัก
เขาเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงอันเลื่องลือ ส่วนความสามารถและทักษะของเขานั้น ไม่ต้องสงสัยเลย
สมควรแล้วที่จะเป็นเขา
ฉืออี้เหิงพอได้ยินชื่อนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนี้ใช่ไหมที่เป็นสามีของเวินจิ้ง
ฉินเฟยเองก็หน้าถอดสี พอดูข้อมูลและประวัติส่วนตัวของมู่วี่สิงในแฟ้มแล้ว การที่มีเขาเข้ามาเข้าร่วมโปรเจกต์ในครั้งนี้ บริษัทเทียนอีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลกับผลกำไรอีกเลย
“ผมไม่มีปัญหาอะไร” ฉืออี้เหิงเซ็นสัญญาอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟยชะงัก แต่เดิมทียังไงบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรอยู่แล้ว
พอการประชุมสิ้นสุดลง เวินจิ้งก็จดรายงานการประชุมแล้วหันไปถามอั้ยเถียน : “มู่วี่สิงก็เข้าร่วมโปรเจกต์นี้ด้วยหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเสี้ยวหงจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วรอตอนที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมาหักกำไร เขาเลยงัดไม้นี้ขึ้นมาสู้” อั้ยเถียนพูดแบบเคารพนับถือในตัวเสี้ยวหงมากๆ
“อ้าว แล้วนี่เธอเป็นภรรยาของเขา เขาไม่ได้บอกเธออย่างงั้นเหรอ” อั้ยเถียนถามเธอกลับ
เวินจิ้งไม่ตอบ เพราะปกติเธอกับเขา… ก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันอยู่แล้ว
พอกำลังจะออกมาจากห้องประชุม เธอก็ไม่คิดว่าฉืออี้เหิงจะกลับมาเอาแฟ้มที่เขาลืมทิ้งไว้อีก แต่แทนที่เขาจะให้เลขาของเขามาเอา ทำไมเขาถึงมาเอาเองล่ะ
เขามองแหวนบนนิ้วนางของเวินจิ้ง
สายตาของเขาเย็นเยียบ
เวินจิ้งที่กำลังจะพาเขาออกไป ก็ถูกเขาเข้ามายืนขวางอยู่ตรงประตู
“หัวหน้าฉือ” เวินจิ้งพูดเสียงเย็น
“แหวนนั่นสวยดีนะ” ฉืออี้เหิงรีบพูด
เวินจิ้งขมวดคิ้วพูดเสียงเรียบ : “บังเอิญว่ารสนิยมของมู่วี่สิงเขาดีน่ะ”
พออั้ยเถียนเห็นทั้งสองคนอยู่ตรงประตู เธอก็รีบเดินมาข้างๆเวินจิ้งแล้วมองฉืออี้เหิง : “ตอนนี้การประชุมเสร็จสิ้นลงแล้วค่ะ หัวหน้าฉือยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“เวินจิ้ง ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับเธอเลย สุขสันต์วันแต่งงานนะ” ฉืออี้เหิงมองเธอ
“ขอบคุณ” เธอตอบพร้อมกับเดินออกไป
เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋า พร้อมกับมองตามหลังเวินจิ้งไปอย่างไม่วางตา
ยังไม่ทันจะได้ออกจากบริษัท เวินจิ้งกับอั้ยเถียนก็ได้รับสายจากทางบริษัทว่า เย็นนี้จะมีกินเลี้ยงตอนเย็นกันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปเพื่อเป็นการฉลองให้กับโปรเจกต์นี้
“จิ้งจิ้ง เธอไม่ต้องไปหรอก” อั้ยเถียนรู้ว่าฉืออี้เหิงต้องมาแน่ๆ และกลัวว่าเขาจะมาทำอะไรเวินจิ้งเข้า
“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี ก็คงต้องเจอกันกว่าโปรเจกต์นี้จะเสร็จล่ะนะ นอกจากว่าฉันจะลาออกก่อน” เวินจิ้งขมวดคิ้ว สำหรับเธอตอนนี้งานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
…
ในเวลาเดียวกัน ณ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
“อาเหิง คุณจะทำยังไง บริษัทเทียนอีมันจ้องจะตัดกำไรเราตั้งแต่แรกอยู่แล้วนะ” ฉินเฟยพูดเสียงเย็น
“พวกเขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น เพราะกลุ่มคนที่มีทักษะเป็นคนของพวกเขา เราไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก ยังไงเราก็พึ่งจะย้ายมา” ฉืออี้เหิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างขมวดคิ้ว
มู่วี่สิง มู่วี่สิง
เห็นได้ชัดว่าเขาขุ่นเคือง
“ไม่รีบร้อนได้ไง พ่อฉันตั้งเป้าหมายเอาไว้นะ เราต้องหาวิธีอื่นที่จะมาหักลบกำไรที่เราพึ่งจะเสียไปนะ”
“ผมหาทางรับมือเอาไว้แล้ว คุณวางใจเถอะ คุณยุ่งแค่กับเรื่องงานแต่งงานของพวกเราก็พอ ส่วนเรื่องงานไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก” ฉืออี้เหิงดึงฉินเฟยเข้ามากอดพลางพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะเป็นกังวลหรอก” ถ้าเวินจิ้งไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย เธอก็จะไม่เข้ามายุ่งหรอก
“ช่างเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะไปจัดการเรื่องงานแต่งงานต่อ คุณก็กลับเร็วหน่อยแล้วกันนะ”
ไม่นานนัก เลขาก็เดินเข้ามาถามว่าเขาจะไปงานเลี้ยงเย็นนี้ไหม
ปกติแล้วงานแบบนี้จะมีแต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังไงครั้งนี้เขาก็จะไป
ทั้งๆที่เวินจิ้งก็อยู่เฉยๆของเธอ แต่ทำไมเขาถึงยังคงสนใจเธออยู่นะ