บทที่561 ไม่ได้เลิกกัน
“เวินจิ้ง ที่วันนี้ฉันเป็นแบบนี้ เป็นเพราะเธอเป็นคนทำ” หลิงเหยาเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่น
เวินจิ้งกัดริมฝีปากตัวเอง ใบหน้าซีดขาว
ร่างของเธอนั้นสั่นเทาเล็กน้อย ในหัวของเธอนั้นมีแต่ภาพที่หลิงเหยานอนอยู่บนถนนในสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด
เธอหลับตาลงพลางส่ายหน้า
“หลิงเหยา เธอมีสติหน่อยสิ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นฉันเองก็เจ็บปวดนะ แต่ทั้งๆที่เธอเองก็รู้ว่าฉันกับมู่วี่สิงคบกันแล้ว เธอก็ยังเข้ามาแทรกกลางระหว่างความรักของพวกเรา” เวินจิ้งสงบลง แล้วเอ่ยพูดขึ้นทีละคำทีละประโยค
คืนนั้น เธอยอมรับว่าตัวเองอาจจะเป็นฝ่ายกระตุ้นหลิงเหยา
เพียงแต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นนั้น หลิงเหยามีเจตนาที่จะสร้างเรื่องให้เธอเข้าใจผิด
เธอนำร่างที่มีรอยจูบนั้นออกมาจากห้องของมู่วี่สิง แต่…..มู่วี่สิงเป็นแฟนของเธอนะ!
“แล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้แล้ว มู่วี่สิงจะไม่สนใจฉัน ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงจะดูใจดำเกินไปแล้ว” น้ำเสียงของหลิงเหยาหนักหน่วง
เธอกำลังพนัน พนันว่ามู่วี่สิงจะยอม
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ลองดูแล้วกันว่าเขาจะทำอย่างไร!” เวินจิ้งสูดหายเข้าลึกๆ แล้วหันหน้ากลับออกไป
“เวินจิ้ง ระหว่างฉันกับมู่วี่สิงเราเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นตั้งนานแล้ว เธอจะทำเป็นไม่สนใจได้จริงๆหรือ? เธอเชื่อมู่วี่สิงขนาดนั้นเลยจริงๆน่ะหรือ?” น้ำเสียงที่เย็นชาของหลิงเหยาดังขึ้นทางด้านหลังของเธอ
เวินจิ้งไม่ได้หยุดเดิน เธอ…..เชื่อมู่วี่สิง
เวลานี้เอง เธอยิ่งมองหลิงเหยาออกมากขึ้นกว่าเดิม แล้วก็ยิ่งไม่เชื่อเธออีกด้วย
เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย หลิงอี้ดับก้นบุหรี่ลง แล้วมองเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“จะกลับไปหนานเฉิงแล้วหรือ?” เขาเอ่ยถาม
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างช้าๆ
“สถานการณ์ของเหยาเหยา คุณเองก็รู้ เธอเป็นน้องสาวของผม เรื่องในครั้งนี้ ผมจะต้องสืบให้ได้” แววตาที่ดุร้ายของหลิงอี้ปรากฏออกมา
สีหน้าของเวินจิ้งนิ่งเรียบ แล้วยกริมฝีปากขึ้น “สืบ? คุณหลิงวางแผนเอาไว้ว่าจะสืบอย่างไรหรือคะ?”
“มู่วี่สิงติดค้างเหยาเหยา ผมจะไม่ยอมให้เขาได้มีความสุขหรอก” หลิงอี้คอยสังเกตอารมณ์ของเวินจิ้งอยู่ตลอด
แต่เวลานี้เธอเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้ดีมาก
ไม่คิดว่าเขาเองก็จะไม่สามารถเข้าใจเธอได้เลย
“หลิงอี้ ที่ทำให้หลิงเหยาเป็นแบบนี้ ใช่ว่าตัวเธอเองก็จะไม่ได้มีส่วนผิดเลยอย่างนั้นหรือคะ?” เวินจิ้งทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็จากไป
ในใจนั้นรู้สึกกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เธอกดโทรศัพท์มือถือ แล้วจองตั๋วเครื่องบินใหม่หนึ่งใบ
เพียงแต่เธอไม่เห็นสายของมู่วี่สิงที่โทรเข้ามา อารมณ์ของเธอนั้นรู้สึกแย่ลงตามไปด้วย
เรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้เขารีบร้อนเสียกลับไปโดยไม่รอเธอเช่นนี้…..
โรงพยาบาล
หลิงอี้เดินเข้ามาด้านในห้องพักผู้ป่วย
หลิงเหยากำลังมองดูขาของตัวเองอย่างเหม่อลอย น้ำตาค่อยๆเอ่อล้นออกมาจากขอบตาของเธอ
“เหยาเหยา”
“พี่ ฉันทำผิดอย่างนั้นหรือคะ?” หลิงเหยาพึมพำออกมา
“เธอไม่ได้ผิดหรอก” หลิงอี้เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดขาด
เขาปกป้องเธอมาตลอด น้องเป็นคนที่เขารักมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยทำให้เธอต้องได้รับความทุกข์ แม้กระทั่งเป็นความทุกข์เพียงนิดเดียวก็ไม่ได้
“ฉันเพียงแค่อยากให้มู่วี่สิงอยู่ข้างๆฉัน ฉันเพียงแค่อยากจะได้แค่นี้…..” หลิงเหยามองไปที่พี่ชายอย่างคาดหวัง มือก็ดึงที่แขนของเขาเอาไว้
“พี่รู้ เหยาเหยา พี่จะช่วยเธอเอง” หลิงอี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มๆ
“จริงนะ? ไม่ใช่ว่าพี่เองก็ชอบเวินจิ้งหรอกหรือคะ? พี่ทำใจได้หรือหากต้องทำร้ายเธอ?” หลิงเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หลิงอี้เม้มปาก แล้วไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
เขาชอบเธอมากจริงๆ
“ตอนนี้ในหัวใจของพี่ เหยาเหยาสำคัญที่สุด” หลิงอี้จับมือน้องสาวของตัวเอง
แม่ของพวกเขาไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ตอนนี้ข้างกายเขานั้นก็มีเพียงแค่หลิงเหยาคนเดียวที่เป็นครอบครัวของเขา
สิ่งที่เธออยากได้ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะต้องช่วยให้เธอได้มันมา
ตอนเช้ามืด เวินจิ้งกลับมาที่หนานเฉิงแล้ว
การ์เด้นมูเจียวานเงียบสงบมาก เห็นได้ชัดว่ามู่วี่สิงไม่ได้กลับมา เวินจิ้งนอนลงบนเตียงใหญ่ที่แสนจะเย็นเยือก ความเหนื่อยล้าทำให้เธอหลับลงอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เอง ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
มู่วี่สิงเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการประชุม เกาเชียนกำลังรอเขาอยู่ทางด้านนอก
“ท่านประธานมู่ครับ คุณเวินกลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวานแล้วครับ” เกาเชียนรายงาน
มู่วี่สิงพยักหน้า แล้วส้งวี่ก็ตามออกมา “ให้นายรีบกลับมา เวินจิ้งก็ยังอยู่ที่ตงเฉิงอย่างนั้นหรือ?”
“อืม เธอเพิ่งจะกลับมาน่ะ” มู่วี่สิงเอ่ยตอบอย่างเรียบๆ
“คืนนี้ยังจะต่ออยู่ไหม?”
มู่วี่สิงพยักหน้า
ส้งวี่รู้สึกประหลาดใจมาก “ไม่กลับไปอยู่เป็นเพื่อนเวินจิ้งหรอกหรือ?”
วินาทีต่อมานั้น แววตาของมู่วี่สิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา ทันใดนั้นเองส้งวี่จึงไม่กล้าเอ่ยพูดอะไรออกมาอีก
เรื่องฉุกเฉินเร่งด่วนจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมู่วี่สิงจึงไม่อยากจะกลับบ้านอย่างนั้นหรอกหรือ?
ส้งวี่ลูบคาง คิดอยากจะสอดรู้สอดเห็น
จนกระทั่งถึงช่วงกลางวันของวันถัดมา ส้งวี่ถึงได้ถูกมู่วี่สิงปล่อยตัวออกมาจากห้องประชุม เห็นเกาเชียนที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ทางด้านนอก เขาจึงขมวดคิ้วขึ้น
“เจ้านั่นถูกทิ้งหรือ?”
เกาเชียนส่ายหน้า ถึงหากเจ้านายจะถูกทิ้งจริงๆ เขาเองก็คงไม่กล้าพูดออกมาอยู่แล้ว…..
แต่ มีความเป็นไปได้ที่จะถูกนอกใจ….
ถึงอย่างไรตอนนั้นที่เจ้านายไปรับเวินจิ้ง เธอกำลังอยู่กับหลิงอี้อย่างใกล้ชิดกันมาก
“ช่างเถอะ ฉันกลับไปนอนดีกว่า นายก็เตือนเขาหน่อยแล้วกัน ว่าอย่าทรมานร่างกายขนาดนี้”
เกาเชียนฝืนใจเดินเข้าไปในออฟฟิศ มู่วี่สิงกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา ตรงหน้ายังคงเต็มไปด้วยเอกสารมากมายเช่นเดิม
ราวกับว่ายังไม่อยากจะพักเสียอย่างนั้น….
“ท่านประธานครับ ท่าน…..”
“ทางโรงพยาบาล แจ้งมาแล้วหรือ?” มู่วี่สิงกลับตัดบทของเกาเชียน
เกาเชียนอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วจึงดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ใช่ครับ ตระกูลโจวควบคุมโรงพยาบาลจงซินเอาไว้ ส่วนผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ถูกแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เรื่องการพักงานของท่านได้มีการแจ้งออกมาแล้วครับ”
มู่วี่สิงหรี่ตาลง ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มของความเย็นชาขึ้นมา
กลอุบายของโจวเซิน อดใจรอไม่ไหวเสียจริงๆสินะ
เวินจิ้งรู้เรื่องที่มู่วี่สิงถูกพักงานในวันนี้ตอนบ่าย เธอตื่นขึ้นมาได้ไม่นาน เธอก็ได้รับข่าวนี้มาจากศาสตราจารย์ส้ง
การพักงานไม่ต้องมีเหตุผลใดๆ เพียงแค่เป็นการจัดการโยกย้ายของทางเบื้องบนเท่านั้น
แต่มู่วี่สิงเป็นบุคคลที่มีความสามารถที่ได้รับความนิยมของโรงพยาบาลมาโดยตลอด การจัดให้เป็นเช่นนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
หรือมู่วี่สิงเป็นคนยื่นเรื่องเองอย่างนั้นหรือ?
ที่เวินจิ้งคิดได้นั้นมีแต่เพียงความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
เธอจึงรีบกดโทรออกต่อสายหามู่วี่สิงทันที ครั้งนี้ ในที่สุดก็โทรติดแล้ว
“มู่วี่สิง คุณอยู่ที่ไหนคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป”น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชา
“คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงที่ดูระมัดระวังขึ้นมาเล็กน้อย
“ยุ่งมากครับ”
“ฉันกลับมาที่โรงเรียนแล้ว คืนนี้เราเจอกันหน่อยได้ไหมคะ?”
“คืนนี้ผมยังคงต้องอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปก่อนครับ คุณอยู่ที่มหาวิทยาลัยไปก่อน เดี๋ยวดึกๆหน่อยผมจะไปหาคุณ”
“ค่ะ” เวินจิ้งตอบรับ
แล้วก็ถูกวางสายใส่ไปอย่างรวดเร็ว เวินจิ้งขมวดคิ้ว รับรู้ถึงท่าทางที่ไม่เหมือนเดิมนี้ของมู่วี่สิงได้อย่างชัดเจน
เธอทำให้เขาโมโหอย่างนั้นหรือ?
เหมือนจะไม่มีนี่นา……
อีกทั้ง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายที่ทิ้งเธอเอาไว้ที่ตงเฉิงก่อน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว เวินจิ้งก็โยนโทรศัพท์มือถือไปอย่างเคืองๆ แปลกชะมัด
มายังออฟฟิศของส้งเชน เนื่องจากว่ามู่วี่สิงถูกพักงานแล้ว ต่อไปการฝึกงานของเวินจิ้งก็จะต้องติดตามศาสตราจารย์ส้งเป็นการชั่วคราว
“ศาสตราจารย์คะ พอจะทราบไหมคะว่าทำไมคุณหมอมู่ถึงถูกพักงาน?” เวินจิ้งอดที่จะเอ่ยถามขึ้นไม่ได้
ส้งเชนขมวดคิ้วขึ้น แล้วมองเวินจิ้งด้วยความสับสน “ทางเบื้องบนเป็นคนจัด ฉันเองก็แน่ใจเหมือนกัน”
“โอเคค่ะ”
“แต่ว่าช่วงนี้พวกหุ้นส่วนของโรงพยาบาลกำลังมีการเปลี่ยนตัวหุ้นส่วนกันอยู่ ฉันคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุนี้”
“หุ้นส่วนของโรงพยาบาล?”
“ความสัมพันธ์ของเธอกับโจวเซินก็ดีไม่ใช่หรือ ลองถามเขาดูสิบางทีอาจจะรู้ก็ได้ อา สมองฉันนี่นะ เธอถามมู่วี่สิงเองโดยตรงเลยดีกว่า เธอสองคนไม่ได้เลิกกันใช่ไหม?” ส้งเชนนึกขึ้นมาได้ในทันที
เขามักจะลืมว่าเวินจิ้งกับมู่วี่สิงคบกันอยู่
เวินจิ้งถึงกับอึ้งไป เธอนึกไปถึงท่าทางที่มู่วี่สิงดูเย็นชากับตัวเองเมื่อกี้นี้แล้ว อารมณ์ยิ่งหดหู่ลงไปอีก
“ไม่ได้เลิกค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำๆ