บทที่562 สงสารจับใจ
ออกจากออฟฟิศแล้ว เวินจิ้งจึงกลับไปที่หอพักเลย เดิมทีเธออยากจะอ่านหนังสือ แต่ตัวหนังสือที่เธอกำลังอ่านอยู่นั้นค่อยๆกลายเป็นสีหน้าท่าทางของมู่วี่สิงไปแล้วเสียอย่างนั้น
มู่วี่สิงบอกว่าเขาอยู่ที่บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แต่ตอนนี้เขาจะต้องส่งเรื่องต่อให้กับมือของส้งวี่แล้วสิ ยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญถึงขนาดจำเป็นจะต้องให้เขาเป็นคนจัดการอีกอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปจะเกิดเรื่องขึ้น?
คิดแล้วนั้น เธอจึงส่งข้อความในwe chatไปถามมู่ซือซือ แล้วเลื่อนอ่านข่าวไปด้วย
แต่ไม่เห็นข่าวของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป กลับมีข่าวที่เกี่ยวกับการติดสินบนระดับผู้บริหารของตระกูลโจวออกมาไม่น้อย ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลโจวนั้น มองในแง่ดีไม่ได้เลย
เธอไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องของตระกูลโจวอยู่แล้ว แต่เมื่อนึกถึงที่ศาสตราจารย์ส้งบอกเมื่อครู่นี้ที่ว่าการเปลี่ยนหุ้นส่วนของโรงพยาบาลนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับโจวเซินด้วยแล้วนั้น เธอจึงอ่านต่อไป
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเธอก็ไม่ได้รับข่าวที่เธอต้องการเลย
และไม่นานเท่าไรนัก มู่ซือซือก็ตอบเธอมาแล้วว่า ช่วงนี้ส้งวี่เองก็ต้องทำงานล่วงเวลาอยู่ตลอด เนื่องจากว่าจะต้องแข่งขันกับตระกูลโจวในการนำเข้ายาหลายชนิด
เป็นแบบนี้นี่เอง
เวินจิ้งพึมพำ มู่วี่สิงไม่บอกเธอบ้างเลย
เวลาผ่านไปแต่ละนาที โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว เวินจิ้งเขียนอะไรบางอย่างแล้วนั้น เธอก็อดที่จะคอยดูโทรศัพท์มือถือของเธออยู่ตลอดไม่ได้
มู่วี่สิงบอกว่าคืนนี้เขาจะมา
แต่ดึกขนาดนี้แล้ว…..
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วก็วางลง หยิบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็วางลงไปอีก จนในที่สุด โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น!
แม้แต่มองเวินจิ้งก็ไม่ได้มองดูก่อนเลยเสียด้วยซ้ำแล้วกดรับสายในทันที
“มู่วี่สิง!”
“เสี่ยวจิ้ง นี่แม่เอง”เสียงของหลินเวยดังขึ้นมาอย่างรู้สึกไม่มีทางเลี่ยง
เวินจิ้งทำอะไรไม่ถูก “แม่”
“กำลังรอโทรศัพท์จากวี่สิงอย่างนั้นหรือ?” หลินเวยหัวเราะ
“เปล่าค่ะแม่” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นมาอย่างปากไม่ตรงกับใจ
“สุดสัปดาห์นี้กลับมาบ้านกันหน่อยนะลูก กลับมาพร้อมกับวี่สิง” สองแม่ลูกไม่ได้เจอกันนานแล้ว
“หนูไม่ทราบเลยค่ะว่าเขาจะมีเวลาว่างหรือเปล่า” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นมาอย่างหดหู่
“ไม่ว่าวี่สิงจะว่างหรือไม่ว่างก็แล้วแต่ แม่คิดถึงหนูนะ กลับมาเร็วหน่อยดีกว่า”
“ค่ะแม่ หนูทราบแล้วค่ะ” เวินจิ้งวางสายไป แล้วถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ
มู่วี่สิงนะมูวี่สิง….
เธอไม่มีกะจิตกะใจจะเขียนอะไรต่อแล้ว เธอจึงเดินออกมาตรงระเบียง กลับบังเอิญเห็นรถปอร์เช่ คาเยนน์คันคุ้นตานั่นเข้าพอดี รถของมูวี่สิง!
แววตาที่หม่นหมองนั้นค่อยๆสว่างขึ้นมาทันที เธอมองรถคันนั้นอย่างไม่กระพริบตา แต่มู่วี่สิงมาถึงแล้วทำไมถึงไม่บอกเธอกัน
ขณะที่กำลังรู้สึกไม่พอใจอยู่นั้น วินาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เวินจิ้งกดรับสายไปพลางแล้ววิ่งออกจากประตูไปด้วย
เสียงที่ทุ้มต่ำของมู่วี่สิงดังขึ้น “จิ้งจิ้ง”
น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าที่ปกปิดไม่มิด เวินจิ้งรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ
“ดึกขนาดนี้แล้วคุณไม่ต้องมาแล้วก็ได้ค่ะ กลับการ์เด้นมูเจียวานไปพักผ่อนดีกว่านะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้น
ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วเธอจะอยากเจอมู่วี่สิงมากก็ตาม แต่ก็ไม่อยากจะให้เขาต้องมาเหนื่อยแบบนี้เช่นกัน
“ไม่ได้เจอคุณ ผมจะกลับไปพักผ่อนได้อย่างไรล่ะ?”
ทันใดนั้นเองหัวใจของเวินจิ้งก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
ตอนที่ลงมาจากหอพักนั้น มู่วี่สิงได้ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว เงาของร่างสูงยาวมีความหล่อเหลาอยู่ในความมืดนี้
เวินจิ้งมองไปยังมู่วี่สิงโดยไม่กระพริบตา เพียงแค่วันเดียว เธอก็คิดถึงเขามากเหลือเกินแล้ว
เธอพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขา เมื่อได้รับกลิ่นอายลมหายใจที่คุ้นเคยนี้ หัวใจที่ว้าวุ่นของเวินจิ้งถึงได้สงบลง
“มู่วี่สิง ต่อไปคุณอย่าจากฉันไปโดยที่ไม่บอกกล่าวกันแบบนี้อีกได้ไหมคะ?” เสียงของเวินจิ้งแหบพร่า
ตอนที่อยู่ที่ตงเฉิง เธอหาเขาไม่เจอ โทรหาเขาไม่ติด มีเพียงแค่เกาเชียนที่คอยบอกเธอถึงสถานที่ที่เขาไป ความรู้สึกแบบนี้เป็นความรู้สึกที่แย่มากเหลือเกิน
ได้ยินแล้ว มู่วี่สิงจึงหรี่ตาลงเล็กน้อย ความเย็นชาที่มีก็หายไปแล้ว
เขาจับด้านหลังศีรษะของเธอเอาไว้ ฝ่ามือของเขาลูบอยู่ที่ผมของเธอ ออร่าจากทั่วทั้งร่างกายของเขานั้นค่อยๆอบอุ่นลง
เขากอดเธอเอาไว้แน่น แรงที่มีราวกับจะหลอมร่างของเวินจิ้งเข้าไปในกระดูกอย่างไรอย่างนั้น
“ผมรับปากคุณครับ” ทุกคำพูดของเขานั้นเขาเอ่ยพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ตรึงอยู่ในหัวใจของเวินจิ้งไปแล้วในขณะนั้น
และวินาทีต่อมาเขาก็อุ้มเวินจิ้งขึ้นมา แล้วพาเธอเข้าไปยังด้านในรถ
เวินจิ้งยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอเบิกตากว้างมองไปยังมู่วี่สิง “ฉัน….คืนนี้ฉันต้องอยู่ที่หอนะคะ”
พรุ่งนี้เธอยังมีเรียน
มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น มองรองเท้าที่เธอใส่ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ตอนที่เธอออกมานั้นรีบร้อนมากแค่ไหน
ริมฝีปากบางของเขายกยิ้มขึ้นมาบางๆ “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาส่งคุณเอง”
“แต่……”
เธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเหมือนคนที่กำลังจะตะเกียกตะกายออกมาจากผ้าห่มอย่างไรอย่างนั้น…..
“จิ้งจิ้ง ผมคิดถึงคุณมากนะ” เขากอดเธอ โอบเธอเอาไว้ในอ้อมกอด แล้วพรมจูบลง และตอนนั้นเองที่เวินจิ้งก็ยอมอ่อนลงด้วยเช่นกัน
คนขับรถออกรถไปตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อเวินจิ้งได้สติ มองดวงตาที่ลึกซึ้งในความมืดนี้ของมู่วี่สิง เธอก็เริ่มจูบเขากลับไป
จูบอย่างไรก็คงจะไม่พอ
เมื่อกลับมาถึงการ์เด้นมูเจียวาน มู่วี่สิงกอดเธอเอาไว้ตลอดทาง ศีรษะของเวินจิ้งนั้นซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ตลอด
“มู่วี่สิง ฉันอยากจะถามอะไรคุณหน่อยค่ะ” ตอนที่ถูกเขาอุ้มขึ้นมาวางลงบนเตียงนั้น เวินจิ้งก้มลงมองหน้าอกของเขาอย่างได้สติ
“อืม” มู่วี่สิงคลายมือออกจากเธอเล็กน้อย แต่แขนก็ยังคงโอบเธอเอาไว้อยู่
“คุณถูกโรงพยาบาลพักงานหรือคะ?”
ได้ยินแล้ว สีหน้าของมู่วี่สิงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป อบอุ่นและดูเย็นชาเช่นเคย
“อืม พักงานแล้วครับ”
“ทำไมกันคะ?”
“คำสั่งของเบื้องบนครับ” คำตอบของมู่วี่สิง กับที่ส้งเชนบอกเธอนั้นแทบไม่ต่างกันเลย
“แต่….มีเพียงแค่คุณที่ถูกพักงานนี่คะ” น้ำเสียงของเวินจิ้งต่ำลงเล็กน้อย
“เป็นแบบนั้นจริงๆนั่นล่ะครับ แต่โรงพยาบาลจงซินไม่ต้องการผม ผมไปที่โรงพยาบาลอื่นก็คงจะเหมือนกัน” ท่าทางของมู่วี่สิงนั้นดูสงบนิ่งมาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่เวินจิ้งกลับรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“คุณคิดแบบนี้จริงๆหรือคะ? ใช่ว่ามีใครจ้องจะหาเรื่องคุณหรือเปล่า?” เวินจิ้งบ่นพึมพำออกมา
เธอไม่สามารถทำเป็นสงบนิ่งได้เหมือนกับมู่วี่สิง เขาเป็นหมอที่เก่งขนาดนี้ ตอนนี้กลับถูกพักงานอย่างไร้เหตุผล เธอทั้งกังวลและสงสารเขาจับใจ
“คุณรู้สึกว่าเป็นใครล่ะครับ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วพิงอยู่ตรงหัวเตียงอย่างเกียจคร้าน
“คนบ้านหลิงหรือคะ?” เวินจิ้งหลุดพูดออกมา
ถึงอย่างไรเมื่อวานนี้ หลิงอี้เคยพูดเอาไว้ว่าจะเรียกความยุติธรรมคืนให้กับหลิงเหยา
แต่เธอก็นึกถึงคำพูดของศาสตราจารย์ส้งขึ้นมาในทันที ตระกูลโจว…..
“หรือว่าจะเป็นโจวเซิน?”
“อืม”มู่วี่สิงพยักหน้า
เวินจิ้งถึงกับอึ้งไป และตอนที่เธอกำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่นั้น จูบของมู่วี่สิงก็ประทับลงมาอีกครั้ง
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีใครสามารถมาบงการผมได้หรอก รู้ไหมครับ?” เสียงของมู่วี่สิงนั้นดูหนักหน่วง
โจวเซินจ้องจะเล่นงานเขา เขามีเวลาและความอดทนพอที่จะคุมเชิงไปกับเขาคนนั้นนี่แหล่ะ
แต่ครั้งนี้ เขาอยากจะทำให้ทุกอย่างรวดเร็วขึ้น
“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันก็รู้สึกเป็นกังวล” เวินจิ้งกระพริบตา
เธอเชื่อความสามารถในการอดทนของมู่วี่สิงอยู่แล้ว เวลาที่เธออยู่ข้างๆเขามานั้นก็ไม่ใช่เวลาสั้นๆ ผู้ชายคนนี้มองดูแล้วมีความอ่อนโยน แต่จริงๆแล้วภายในนั้นมีวิธีการที่โหดร้ายมาก
แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะปกป้องมูวี่สิงเพียงเท่านั้น
“ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกครับ ผมไม่ทำให้ตัวเองต้องเกิดเรื่อง แล้วก็จะไม่ทำให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณด้วย”
คำพูดที่เวินจิ้งอยากจะพูดออกมานั้นถูกมู่วี่สิงจูบดักเอาไว้ก่อนเสียแล้ว……
เวินจิ้งหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แต่เวลานี้เธอกลับไม่มีความรู้สึกง่วงหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ช่วงนี้เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้นมามากมาย อารมณ์ของเธอนั้นทั้งตึงเครียดและเหนื่อยล้าเหลือเกิน
“คุณรู้หรือเปล่าคะ ว่าต่อไปหลิงเหยาอาจจะเดินไม่ได้อีกแล้ว”
มู่วี่สิงที่ช่วยเธออาบน้ำเสร็จแล้วนั้น เวินจิ้งที่เพิ่งจะสัมผัสเตียงก็ลุกขึ้นมา แล้วมองไปยังมู่วี่สิงอย่างไม่กระพริบตา
อารมณ์ของเขานั้นยังคงสงบนิ่งเช่นเคย
เขาจับมือเล็กเย็นๆของเธอขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา “ผมไม่รู้ครับ”
คนที่คอยจับตามองหลิงเหยาเขาก็ได้ถอนตัวพวกนั้นออกไปหมดแล้ว สถานการณ์ของหลิงเหยา เขาเองก็ไม่ได้เข้าไปควบคุมเองแล้วเช่นกัน
“คุณไม่เป็นห่วงเธอหรือคะ?” เวินจิ้งมอเขา