บทที่566 เขายอมทุกอย่าง
“หนูไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากโจวเซินหรอกค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นด้วยคำพูดที่ดูมีเหตุผล
“แม่รู้แล้วล่ะ แม่เชื่อว่าวี่สิงเองก็จะไม่ยืนดูอย่างนิ่งเฉยด้วยเหมือนกัน”
เมื่อเอ่ยขึ้นถึงมู่วี่สิง สีหน้าที่ตึงเครียดของเวินจิ้งนั้นถึงได้อ่อนโยนขึ้นมาบ้าง
“เด็กนั่นไม่ได้กลับมาพร้อมลูกหรอกหรือ?” หลินเวยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เขายังมีงานอยู่น่ะค่ะ”
จนกระทั่งถึงช่วงหนึ่งทุ่ม มู่วี่สิงถึงได้มาถึง
เวินจิ้งช่วยแม่จัดการงานบ้าง เธอรู้ความคิดของแม่มาโดยตลอด ที่ยังคงคิดว่าต่อไปเธอจะสามารถเข้ามาที่บริษัทหลินซื่อ แต่เรื่องการต้องมาเผชิญกับวงการธุรกิจเหล่านี้ เธอเคยได้มาจัดการแล้วกลับไม่ได้ราบรื่นเท่าไรนัก
ต่อไปเธอขอเป็นเพียงแค่หมอคนหนึ่ง เหมือนกับมู่วี่สิง ที่รักษาช่วยชีวิตคนดีกว่า
ตอนทานอาหารเย็นเสร็จแล้วนั้น เวินจิ้งและมู่วี่สิงก็มาเดินเล่นกันในสวน
เรื่องที่วันนี้โจวเซินมาที่บ้านหลิน เวินจิ้งบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว
“คุณรู้สึกว่า เหมือนกับตัวเองจะไม่เคยเข้าใจส้งเชนเลยหรือเปล่าครับ” มู่วี่สิงมองความคิดของเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ความคิดของเวินจิ้งนั้นเรียบง่ายบริสุทธิ์มาก นิสัยที่คนอื่นแสดงออกมา เธอก็มักจะรู้สึกว่านั่นคือด้านจริงๆของคนๆนั้น
“อืม” เวินจิ้งขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ส้งเชนทำงานให้กับโจวเซิน หรือบางทีนี่อาจจะไม่ใช่ความปรารถนาเดิมของเธอ วิธีการในทางธุรกิจของโจวเซิน จะว่าไปแล้วก็เหมือนจะเป็นพวกที่เล่นด้วยเล่ห์ไม่ได้ก็ต้องเอาด้วยกลแบบนั้น” มูวี่สิงเอ่ยขึ้น
“แล้วคุณล่ะคะ?” เวินจิ้งมองผู้ชายข้างๆด้วยดวงตาแวววาว
“ใครไม่ทำผม ผมก็ไม่ทำเขาหรอกครับ”
“ช่วงนี้ตระกูลโจวจ้องแต่จะเล่นงานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป แบบนี้จะต้องมีบริษัทนึงที่ต้องปิดตัวลงหรือเปล่าคะ การแข่งขันครั้งนี้ถึงจะหยุดลงได้?”
“ครับ คุณคิดว่าใครจะชนะ?”มู่วี่สิงมองเวินจิ้ง สีหน้าท่าทางของเขานั้นดูเรียบเฉยมาตลอด
“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นคุณสิคะ” เวินจิ้งจับแขนของมู่วี่สิงเอาไว้
ในสายตาของเธอ มู่วี่สิงเป็นเหมือนพระเจ้ามาโดยตลอด ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้
“เชื่อมั่นในตัวผมขนาดนี้เลยหรือครับ?” ริมฝีปากบางของเขายกขึ้น
“เพราะว่าคุณคือคนที่ฉันชอบไงคะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็จะเชื่อเพียงแค่คุณ” เวินจิ้งมองมู่วี่สิงด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
มู่วี่สิงลูบใบหน้าเล็กๆของเธอ รอยยิ้มของเวินจิ้งนั้นประทับลงในดวงตาของเขา เขาหลับตาลง แล้วก้มหน้าลงมาเอาหน้าผากชนกับหน้าผากของเธอ แล้วกอดเธอเอาไว้แน่น
แน่นมาก แน่นเสียจนราวกับว่าต้องการจะขยี้ให้เข้าไปในกระดูกอย่างไรอย่างนั้น
“เวินจิ้ง ผมรักคุณนะครับ” เวลานี้ น้ำเสียงของมู่วี่สิงนั้นทุ้มต่ำ และน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
ราวกับว่ามีเสียงจุดพลุดังขึ้นข้างๆหูของเวินจิ้ง เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ สบตาที่ราวกับมีดวงดาวนับพันนับหมื่นดวงที่เปล่งประกายของเขา ที่สะท้อนตัวเล็กๆของเธออย่างชัดเจน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินประโยคนี้ออกมาจากปากของมู่วี่สิง
เขาบอกว่า เขารักเธอ
น้ำตาที่เอ่อล้นมาที่ขอบตาโดยยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไหลหยดลงบนหลังมือ เวินจิ้งถึงได้ดึงสติตัวเองกลับมา
ศีรษะของเธอซุกอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
“คุณพูดจริงใช่ไหมคะ?” เธอเอ่ยถามเสียงเบา
ช่วงเวลาที่คบกับมูวี่สิงนี้ มักจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนราวกับความฝัน เขาเป็นคนเก่งมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ ระยะห่างระหว่างเธอกับเขา ราวกับว่าถูกกั้นด้วยอุปสรรคอันนับไม่ถ้วน
แต่เธอก็ยังคงรักเขาไม่ต่างกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ
“แน่นอนสิครับ จิ้งจิ้ง ผมรักคุณนะ”
ตั้งแต่แรก ก็รักคุณมากมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ใบหน้าเล็กๆที่เต็มไปด้วยน้ำตานั้นเงยหน้าขึ้นมา เวินจิ้งโอบคอของมู่วี่สิง แล้วจูบเขาอย่างลึกซึ้ง
“เกลียดจัง ฉันเอง ฉันเองก็….รักคุณมากนะคะ” เธอพึมพำออกมา
ค่ำคืนนี้ ดวงดาวช่างสว่างไสวยิ่งนัก
……..
สองวันต่อมา เวินจิ้งกลับจากบ้านหลินเพื่อไปยังมหาวิทยาลัย
อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอนั้นได้รับการยืนยันแล้ว เธอผลักประตูห้องเข้าไปด้วยความกังวล
แสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ร่างของชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะท้อนแสงอยู่ตรงหน้าเธอ แต่เบื้องหลังนี้ เวินจิ้งรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
มู่….มู่วี่สิง?
เขามาได้อย่างไรกัน?
ขาของเวินจิ้งหยุดชะงักลง มองมู่วี่สิงที่กำลังหันหน้ามา ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มที่น่าหลงใหลออกมา
“เวินจิ้งมาแล้ว วันนี้ศาสตราจารย์มู่เข้ามาทำตำแหน่งนี้ ต่อไปเธอก็เรียนรู้กับเขาแล้วกันนะ” เสียงทุ้มๆของอธิการบดีดังขึ้น
เวลานี้เวินจิ้งรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองหูแว่วไปหรือเปล่า…..
มู่วี่สิง…..คืออาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาโทของเธออย่างนั้นหรือ?
เธอจะต้องฝันไปแน่ๆ….
แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า มายืนอยู่ตรงหน้าเธอกลับเหมือนจริงมากเช่นนี้เชียวหรือ
“ทำไมครับ ไม่พอใจผมอย่างนั้นหรือ?” มู่วี่สิงเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ท่าทางตกตะลึงของเวินจิ้ง ช่างน่ารักเสียจริงๆ
เวินจิ้งดึงสติกลับมาอย่างยากลำบากอยู่บ้าง
“ไม่เลยค่ะ”
ออกมาจากห้องของอาจารย์ใหญ่แล้ว เวินจิ้งจึงได้มองมู่วี่สิงอย่างนิ่งๆ
“คุณวางแผนว่าจะเข้ามาทำงานที่มหาวิทยาลัยFนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?” เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอเพิ่งจะได้มารู้เรื่องตอนนี้….
มู่วี่สิงตั้งใจจะปิดบังเธอเอาไว้แบบนี้เชียวหรือ…..
“ก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งเดือนครับ” มู่วี่สิงมองเธอ
และวินาทีถัดมานั้น ใบหน้าของเวินจิ้งก็แสดงความโมโหไม่พอใจออกมา
“มู่วี่สิง ถ้าอย่างนั้นคุณก็โกหกฉันมาตลอดเลยสิ!” เวินจิ้งจ้องเขา
มู่วี่สิงโอบเธอเข้ามา แต่เวินจิ้งกลับดิ้นเพื่อจะผลักเขาออก
“คุณไม่ได้ถามผม” เขามีอาการเหมือนกับไม่ได้ทำอะไรผิด
“คุณจะบอกฉันเองไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือคะ!” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ
เธอเป็นกังวลอยู่ตั้งนานว่าจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาคนไหนต้องการเธอบ้างหรือเปล่า ที่แท้มู่วี่สิงตัดสินใจที่จะเข้ารับหน้าที่นี้มาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธออีกด้วย
“เรื่องนี้ วันนี้เพิ่งจะได้รับการยืนยันเองครับ แต่คุณก็รู้ว่าผมจะไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรอกนะแม้แต่นิดเดียว” มู่วี่สิงจับมือเล็กๆที่อยู่ไม่สุขของเธอเอาไว้
ตั้งแต่ที่เขารู้ถึงสถานการณ์ของเวินจิ้งนั้น เดิมสถานะของเธอที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเธอนี้ หากรับช่วงต่อ ก็จะเป็นเหมือนกับเป็นการรับปัญหาที่แก้ไขยากโดยไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นหลังจากที่ส้งเชนลาออกแล้ว จึงไม่มีใครยอมที่จะมาเป็นคนนำเวินจิ้ง
แต่เขาที่ตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งนี้จริงๆแล้วเกิดขึ้นก่อนหน้านี้อีก และเมื่อส้งเชนลาออกนั้น เขาจึงได้โอกาสนี้มา
เขาเองก็อยากจะทำให้เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์ด้วยเช่นกัน
“ฉันจะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรได้ล่ะคะ คุณต่างหากที่ทำให้ฉันตกใจ” เวินจิ้งบ่นพึมพำออกมา
“ใช่หรือครับ? ไม่ดีใจเลยหรือ?” มู่วี่สิงมองเธอ แล้วขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่เลยต่างหากค่ะ แต่ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยบอกฉันเลย…..”
“ก่อนที่จะได้รับการยืนยันนี้ ผมไม่อยากทำให้คุณต้องผิดหวัง”
“เพียงแค่มีความหวัง ฉันก็ไม่ผิดหวังแล้วค่ะ แต่มู่วี่สิง….คุณจะเป็นคนนำฉันจริงๆหรือคะ?” เวินจิ้งมองมู่วี่สิงอย่างกังวล
เธอรู้สึกก่อนหน้านี้ที่เธอทำงานกับมู่วี่สิง เหมือนกับว่าเธอจะเป็นตัวถ่วงของเขาอย่างไรอย่างนั้น….
ไอคิวของเธอยังคงมีระยะห่างจากผู้ชายคนนี้มากอยู่จริงๆ
“อืม คุณรู้ว่าผมเป็นคนเข้มงวดมากนี่นา นักศึกษาเวินจิ้ง” มูวี่สิงเหลือบมองเธอ
“ทราบแล้วค่ะ ศาสตราจารย์มู่ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” เวินจิ้งยิ้มกว้างออกมา
ผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ
“แต่ คุณคงไม่ได้เข้ามารับตำแหน่งนี้เพื่อฉันหรอกใช่ไหมคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
“เวินจิ้ง ตลอดมานี้ ในใจของผมคุณสำคัญที่สุดนะครับ” มู่วี่สิงเอ่ยพูดขึ้นด้วยดวงตาที่แวววาว
เพื่อเธอ เขายอมทุกอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการเข้ามารับตำแหน่งในมหาวิทยาลัยF
เวินจิ้งรู้สึกอึ้ง เธอมองมู่วี่สิง โดยไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
สิ่งที่มู่วี่สิงทำเพื่อเธอนั้น ช่างมากมายเสียจริงๆ
ขอบตาร้อนผ่าว เธอหันกลับมา ไม่อยากแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมา
เพียงแต่มู่วี่สิงจับใบหน้าเล็กๆนั่นของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงทางเดิน เวลานี้เองก็มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยเดินผ่าน
เวินจิ้งจึงรีบผลักมู่วี่สิงออกทันที แล้วเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง เธอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก “ที่นี่มหาวิทยาลัยนะคะ ตอนนี้คุณเป็นศาสตราจารย์ด้วย เราจะต้องรักษาระยะห่างกันไว้นะ”