บทที่567 คนที่ชอบก็อยู่ข้างๆเธอ
สีหน้าของมู่วี่สิงเคร่งขรึมขึ้นมา
มองดูท่าทางที่ปฏิเสธต่อต้านของเวินจิ้งแล้ว แววตามีความน่ากลัวแผ่ออกมา
“อืม ตอนนี้ผมมารู้สึกเสียใจทีหลังแล้วสิครับ” เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงดังขึ้น
เวินจิ้งดูเก้ๆกังๆ แล้วจ้องมองไปยังมู่วี่สิง
“คุณจำสถานะของตัวเองไว้นะคะ ว่าอยู่ที่มหาวิทยาลัย พวกเรามีความสัมพันธ์เป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันนะ”
เวินจิ้งเดินมายังด้านหน้า
มู่วี่สิงยิ้มออกมา แล้วส่ายหน้าอย่างจนใจ
ไม่ถึงหนึ่งวัน ข่าวเรื่องที่มู่วี่สิงเข้ามารับตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยFนั้นก็ได้แพร่ออกไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยและทั่วทั้งเมืองด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกไปพร้อมกันกับข่าวนี้
ครึ่งเดือนก่อนที่มู่วี่สิงออกจากโรงพยาบาลจงซิน ตอนนี้ค่อยๆมีสื่อรายงานข่าวออกมาว่าเป็นเพราะมู่วี่สิงทำงานผิดพลาด จึงทำให้เขาถูกเลิกจ้างให้ออก
เนื้อข่าวต่างๆนานาที่ถูกสื่อเขียนขึ้น เวินจิ้งเห็นแล้วจึงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
จากที่เธอดูแล้วนั้น มู่วี่สิงมีความรับผิดชอบอย่างเข้มงวดกับงานการรักษาทางการแพทย์ของเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นไปได้น้อยมาก นักข่าวพวกนี้สร้างข่าวลือขึ้นมาอย่างไร้คุณธรรมมากเสียจริงๆ!
ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงจะเห็นข่าวพวกนี้แล้วหรือยัง……
เวินจิ้งอดที่จะนึกเป็นห่วงไม่ได้ รู้สึกไม่วางใจ เธอจึงโทรหามู่วี่สิง
แต่เมื่อนึกถึงที่เธอทั้งสองคนเพิ่งจะทานอาหารกลางวันไปเมื่อครู่นั้น เขาจะต้องไปประชุม เวินจิ้งจึงวางโทรศัพท์มือถือลง
ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของโรงพยาบาลจงซินก็คือตระกูลโจว ดังนั้นข่าวพวกนี้ โจวเซินเป็นคนปล่อยออกมาหรือเปล่า?
เวินจิ้งอ่านคำวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ต ถึงแม้ว่าชาวเน็ตและบรรดาแฟนคลับจะเชื่อมู่วี่สิง แต่เรื่องนี้ก็มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขา
ความกังวลตลอดทั้งช่วงบ่ายนี้ เวินจิ้งรอจนกระทั่งมู่วี่สิงประชุมเสร็จในช่วงกลางคืน
เขาเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่ง งานก็เพิ่งจะรับช่วงต่อมา ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เขาจะต้องจัดการ
เวินจิ้งตามเขาไปที่ออฟฟิศ “คุณมีงานก็สามารถสั่งฉันมาได้เลยนะคะ”
“คุณเป็นนักศึกษาของผม ไม่ใช่ผู้ช่วยของผมเสียหน่อย” มู่วี่สิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“เป็นนักศึกษาก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระจากคุณได้นะคะ” เวินจิ้งบ่นพึมพำออกมา
เห็นอารมณ์ที่สงบนิ่งของมู่วี่สิง เขาคงจะรู้ข่าวพวกนั้นบนอินเตอร์เน็ตแล้วหรือเปล่า?
เธอไม่สามารถทำเป็นนิ่งเฉยแบบเขาได้
“มู่วี่สิง ข่าวลือบนอินเตอร์เน็ตพวกนั้น คุณจะทำให้ความจริงกระจ่างออกมาไหมคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถาม
มู่วี่สิงขมวดคิ้วขึ้น “คุณรู้สึกว่าจะมีผลกระทบกับผมไหมครับ?”
“ฉันคิดว่า….ส่งผลกระทบถึงคุณค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ
มู่วี่สิงเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยF เขาคือศาสตราจารย์มู่ที่มีชื่อเสียงเชียวนะ ถูกใส่ร้ายแบบนี้ เธอเห็นก็รู้สึกไม่สบายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นแล้วไหนจะพวกระดับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยนั่นอีก
สำหรับชื่อเสียงของ มหาวิทยาลัยF แล้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงโดยไม่ต้องสงสัย
“ใช่หรือครับ?” มู่วี่สิงยิ้มออกมาอย่างไม่สนใจ
คนข้างนอกจะพูดถึงเขาอย่างไรนั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาแคร์อยู่แล้ว
สิ่งที่เขาแคร์ ก็มีเพียงแค่ความคิดของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เท่านั้น
“นักข่าวพวกนั้นคาดว่าคงจะถูกซื้อตัวไปนะคะ” เวินจิ้งเอ่ยขึ้น เห็นมู่วี่สิงยังคงสงบนิ่งเช่นนี้ เธอเองก็รู้สึกจนปัญญา
“อืม จิ้งจิ้ง คำพูดวิพากษ์วิจารณ์พวกนั้นคุณไม่จำเป็นต้องไปกังวลเลยครับ ยิ่งข่าวเผยแพร่ออกมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังได้ง่ายขึ้น” มู่วี่สิงเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เรื่องนี้เขาได้จัดให้ทนายเป็นคนจัดการแล้ว ตระกูลโจวจะต้องรับผิดชอบกับข่าวลือที่พวกเขาเผยแพร่ออกไปแบบนี้
“จริงหรือคะ?” เวินจิ้งกระพริบตา ไม่คาดคิดว่าจริงๆแล้วมู่วี่สิงจะมีแผนรับมือไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ครับ ตอนนี้คุณเพียงแค่กังวลเรื่องที่ว่าตัวเองจะเรียนจบตอนอยู่กับผมได้อย่างราบรื่นอย่างไรดีกว่า” มู่วี่สิงมองเธอด้วยสายตาแวววาวริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มที่ลึกซึ้ง
เวินจิ้งรู้สึกอายจนหน้าแดงขึ้นมาทันใด “ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีปัญหาหรอกค่ะที่จะเรียนจบได้อย่างราบรื่น”
“เทอมหน้าคุณจะรับนักศึกษาปริญญาโทด้วยใช่ไหมคะ?” เวินจิ้งยื่นหน้าออกมาถาม
“อืม แต่นักศึกษาที่รับคงจะไม่เยอะหรอกครับ มหาวิทยาลัยFไม่มีโรงพยาบาลอยู่ที่หนานเฉิง การฝึกงานก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง”
“ก็ใช่นะคะ โรงพยาบาลจงซินตอนนี้ก็ถูกตระกูลโจวควบคุมดูแลแล้วด้วย” เวินจิ้งบ่นพึมพำขึ้นมา
“ฉันได้ยินเพื่อนในวิชาเอกพูดกันว่าโรงพยาบาลในเครืออีกแห่งจะเปิดให้บริการในอีกสามเดือนข้างหน้า ตอนนั้นก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ๆกันหรือเปล่าคะ?” เวินจิ้งนึกขึ้นมาได้
“ตอนนี้ทางรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้โรงพยาบาลนี้ดำเนินกิจการ คุยกันตอนนี้ก็น่าจะเร็วเกินไปหน่อย”
“ก็ได้ค่ะ”
มองดูท่าทางตั้งใจทำงานของมู่วี่สิงแล้ว เวินจิ้งเห็นเป็นร้อยครั้งแล้วก็ยังไม่เบื่อจริงๆ
ไม่ว่าจะดูจากมุมไหน ผู้ชายคนนี้ก็ดูหล่อไปเสียทุกมุมเลย….
“ช่วยผมดูวิทยานิพนธ์บทนี้หน่อยสิครับ” จู่ๆเสียงของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมา
เวินจิ้งดึงสติกลับมาแล้ว จึงรีบรับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมา
“คุณหิวหรือเปล่า?” มองดูเวลา ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้ว
“ขอโทษนะครับ พวกเราไปทานข้าวกันก่อนดีกว่า” มู่วี่สิงมีแววตาเคืองๆฉายออกมา
เวลาทำงานเขามักจะเป็นเช่นนี้ ยุ่งจนลืมกินลืมนอน
เมื่อก่อนเวินจิ้งเคยทำงานด้วยกันกับเขา จึงรู้ความเคยชินนี้ของเขา
โชคดีที่เธอเตือนเขาขึ้นมา
ทั้งสองคนเดินออกมาจากออฟฟิศ เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยFเป็นวิทยาเขตใหม่ นักศึกษาจึงยังมีไม่มากนัก เดินไปตามทะเลสาบนี้ด้วยความลังเล เวินจิ้งอารมณ์ดีขึ้นมามากทีเดียว
เพียงแต่เนื่องจากสถานะของมู่วี่สิง ตอนนี้เธอจึงไม่กล้าโอบกอดหรือจับมือกับเขาตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย
แต่ได้มองเห็นเขาแบบนี้ ได้อยู่ข้างๆเขาแบบนี้เธอก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
“ยิ้มอะไรน่ะครับ?” มู่วี่สิงเหลือบมองเธอ ริมฝีปากบางยกขึ้นเล็กน้อย
มือลูบผมของเธอด้วยความเอ็นดู
“รู้สึกว่าแบบนี้ได้อยู่กับคุณตลอดเวลา ดีจริงๆเลยนะคะ” เวินจิ้งเอ่ยพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
คนที่เธอชอบอยู่ข้างๆกายเธอ เธอสามารถเจอเขาได้ทุกวัน ถึงแม้ว่าเขาจะเข้มงวดมาก แต่เธอก็ยอมที่จะเรียนรู้อยู่ข้างๆเขา
“แค่นี้ก็พอใจแล้วหรือครับ?” มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้น
“แน่นอนสิคะ คุณคือศาสตราจารย์ของฉัน แค่ฝันฉันยังไม่กล้าจะคิดเลยด้วยซ้ำไป” เวินจิ้งพึมพำ
“จิ้งจิ้ง ชีวิตของคุณ ต่อไปนี้ยกให้ผมนะครับ?” มู่วี่สิงหยุดเดิน ความรู้สึกที่แสนจะลึกซึ้งส่งผ่านออกมาทางแววตาของเขา
เวินจิ้งที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ตั้งแต่แรกในแววตาของเขา มู่วี่สิงพูดอะไร เธอก็ล้วนแต่พยักหน้าอย่างว่าง่ายไปหมด
แต่มักจะมีนักศึกษาคนอื่นเดินผ่านมาบ้างเป็นครั้งคราว จึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะกอดเขา
บางครั้งที่สัมผัสโดนข้อศอกของเขาแล้วก็ต้องดึงกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
การยั่วเย้าเช่นนี้ ทำให้มู่วี่สิงรู้สึกเพียงแค่ ทรมาน!
ช่างเป็นผู้หญิงที่เย้ายวนเพศตรงข้ามได้ดีเสียจริงๆ
เมื่อทั้งสองคนกลับเข้ามายังออฟฟิศแล้วนั้น และตอนที่เวินจิ้งยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมานั้น มู่วี่สิงก็ได้ผลักตัวเธอไปชิดกับกำแพง แล้วกระหน่ำจูบเธออย่างเอาแต่ใจ โดยที่เวินจิ้งไม่สามารถต้านทางได้เลย
แรงของเขานั้นราวกับว่าต้องการจะรวมเธอให้เข้าไปอยู่ในร่างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น แต่เขาก็ทำแบบนี้แล้ว!
เวินจิ้งทั้งเขิน ทั้งอาย ที่นี่คือออฟฟิศนะ…..
เห็นมู่วี่สิงค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ทีละเม็ดทีละเม็ด เผยให้เห็นหน้าอกที่แข็งแกร่ง เวินจิ้งมองตาไม่กระพริบ ช่างดึงดูดเกินไปแล้ว!
ข้างหูเธอนั้นได้ยินเสียงหัวใจของมู่วี่สิงที่กำลังเต้นอยู่ ดังอยู่ข้างๆหูของเธอ และหัวใจของเธอเองนั้นก็กำลังกระวนกระวายอยู่เช่นกัน
“มู่วี่สิง…….”
“อย่าดื้อนะ จิ้งจิ้ง……” เสียงของเขานั้นทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
เวินจิ้งหลับตาลง แล้วกอดมู่วี่สิงเอาไว้แน่น……
กลับมาถึงหอก็เกือบจะเช้ามืดแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจัดอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยไว้ให้มู่วี่สิง ห่างจากหอพักของเวินจิ้งเพียงแค่เดินไปอีกตึกโดยใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้น
เวินจิ้งเดินออกมาตรงระเบียง มองเห็นอพาร์ทเม้นท์ที่มู่วี่สิงอยู่ในระยะไกลๆ
“มาอยู่เป็นเพื่อนผมไหมครับ?” เธอจับโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เสียงที่น่าลุ่มหลงของมู่วี่สิงดังขึ้น
“คุณอย่างอแงสิคะ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนนะ” เวินจิ้งบ่นพึมพำออกมา
ถ้าหากคืนนี้อยู่กับมู่วี่สิง…..พรุ่งนี้เธอจะตื่นไหวหรือเปล่านี่สิปัญหา…..