บทที่ 573 เพ้อฝัน
เวินจิ้งเม้มปาก ไม่พูดอยู่ครู่หนึ่ง
“เรื่องย้ายโรงพยาบาลฉันจะจัดการเอง นายวางใจเถอะ”
พูดจบ เธอก็ตั้งใจจะไปหามู่วี่สิงทันที
เจียงฉีมองแผ่นหลังของเวินจิ้งที่เดินจากไป ด้วยสายตาล้ำลึก
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลหนานเฉิงก็เย็นมากแล้ว
เวินจิ้งลงมาจากรถแท็กซี่ และเดินไปที่ห้องทำงานของมู่วี่สิงทันที
ระหว่างทางก็เอาแต่คิดว่าจะเริ่มพูดยังไงดี แม้จะรู้ว่ามู่วี่สิงจะโกรธ แต่เจียงฉีก็เจ็บเพราะเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆได้
เธอเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงาน เวินจิ้งยังไม่ทันได้เคาะประตู ประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน
เธอเกือบจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมู่วี่สิงอยู่รอมร่อ อย่างหยุดไม่อยู่
สายตาของมู่วี่สิงอบอุ่นดังเดิม “มาหาผมหรอ”
“ไม่งั้นจะมาหาใครล่ะ” เวินจิ้งพึมพำ
“เข้ามาสิ” มู่วี่สิงหันกลับเข้าไปในห้องทำงาน
เวินจิ้งเดินตามเขาอย่างรักษาระยะห่าง พร้อมมองเขาไปด้วย ไม่ได้เจอกันแค่หนึ่งวันหนึ่งคืน แต่ทั้งคู่ดูจะแปลกๆกันไปไม่น้อย
ตอนนี้เวินจิ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี
“มาหาผม มีอะไร”
“ไม่มีอะไร มาหาคุณไม่ได้รึไง” น้ำเสียงของเวินจิ้งยิ่งไม่พอใจ
“ได้” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
ความน้อยใจถูกเขาหยุดเอาไว้
“วันนี้คุณยุ่งมากไหม” เธอพูดเสียงเบา
“ไม่ยุ่ง” มู่วี่สิงยังไม่มองเธอเลยตั้งแต่ต้น
เวินจิ้งรู้ ว่าเขายังโกรธอยู่
เธอก็โกรธเหมือนกัน
แต่ตอนนี้เธอจำเป็นต้องขอร้องเขา
แต่คำพูดที่จะพูดกลับพูดไม่ออก
“จิ้งจิ้ง มีอะไรก็พูดมา” มู่วี่สิงมองท่าทางกระอักกระอ่วนของเธอออก
ไม่ว่าเวินจิ้งจะรู้สึกยังไงก็ไม่อาจรอดพ้นสายตามู่วี่สิงไปได้
เธอกัดริมฝีปาก พร้อมนั่งลงตรงหน้ามู่วี่สิง
“เจียงฉี…แผลของเจียงฉีติดเชื้อ โรงพยาบาลนั้นรักษาไม่ได้ ตอนนี้รู้แค่ว่าโดนยาพิษ ให้เขาย้ายมาที่นี่ได้ไหม”
“คุณจะช่วยมันหรอ”
“แน่นอน” เวินจิ้งโพล่งออกไป
แต่สำหรับมู่วี่สิงแล้ว มันมีแต่ความเย็นชาส่งกลับมา
เธอแอบกำมือตัวเองแน่น
ในตอนนั้น เธอแทบไม่คาดหวังเลยว่ามู่วี่สิงจะตอบตกลง สายตาของเขานิ่งมาก นิ่งจนเธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงใจ
เธอยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะเตรียมเดินจากไป แต่กลับได้ยินคำตอบของมู่วี่สิงก่อน
“เขาย้ายมาที่โรงพยาบาลหนานเฉิงได้”
“คุณจะเป็นคนรักษาใช่ไหม” เวินจิ้งถามเขาด้วยความกังวล
“คุณหวังว่าผมจะรักษาหรอ” น้ำเสียงของเขาเย็นชา
เวินจิ้งนิ่งไป เธอหวัง…
ในสายตาของเธอ ความสามารถของมู่วี่สิงไม่มีใครเทียบได้ มีแค่เขาเท่านั้นที่จะทำให้เธอวางใจได้
“แล้วแต่คุณ” เวินจิ้งปากไม่ตรงกับใจ
“อืม”
“มีเรื่องอื่นอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว งั้นฉันไปแล้วนะ” เวินจิ้งยืนขึ้น
จนเดินออกไปจากห้องทำงาน มู่วี่สิงก็ไม่ตามเธอออกมา
เวินจิ้งยอมรับ ตอนนี้ใจของเธอว่างเปล่ามาก
เธอทำหน้าบึ้งอย่างหงุดหงิด และรีบเร่งฝีเท้าเดินไป จนกระทั่งเข้าไปในลิฟต์ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา
“ผมจะไปส่งคุณกลับ” น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ข้างหูเธอ
เวินจิ้งอึ้ง และค่อยๆพยักหน้าลงเบาๆ
จนกระทั่งมาถึงมหาวิทยาลัยF ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เวินจิ้งปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนที่เสียงของมู่วี่สิงจะดังขึ้นมาข้างๆหู “พรุ่งนี้ผมจะจัดการเรื่องย้ายโรงพยาบาลของเจียงฉีให้”
“ขอบคุณค่ะ” เวินจิ้งมองเขาด้วยความแปลกใจ
“ผมไม่อยากให้คุณสุงสิงกับมันเยอะ” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความเย็นชา
แต่เวินจิ้งก็ไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด
“พวกเราเป็นเพื่อนรวมคณะกัน ปกติไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะสุงสิงกันได้”
“คุณจะทะเลาะกับผมให้ได้เลยใช่มั้ย” มู่วี่สิงหรี่ตามอง
“คุณอยากหาเรื่องฉันแน่นอน ฉันกลับแล้ว” พูดจบ เวินจิ้งก็ลงจากรถไปอย่างไม่รีรอ
สีหน้าของมู่วี่สิงตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นมาดึงความสนใจของเขาไป
“ประธานมู่ เราหาตัวคนที่ตั้งใจจะทำร้ายคุณเวินจิ้งได้แล้ว คุณหลิงเหยาเป็นคนสั่ง”
“อืม จัดการคนพวกนั้นให้เรียบร้อย”
เมื่อวางสาย และกลับถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาหลายตีแล้ว แต่โจวหย่านก็ยังคงรอเขาอย่างดื้อดึง
“ฉันนึกว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับมาแล้วซะอีก” โจวหย่านมองเขา
“คุณเป็นคนไข้ พักผ่อนให้ตรงเวลาทำได้ไหม” สายตาของมู่วี่สิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี
“ถ้าคุณพักผ่อนตรงเวลา ฉันก็จะพักผ่อนตรงเวลา”
“กลับไปนอนได้แล้ว” พูดจบ มู่วี่สิงก็เดินเข้าห้องทำงานไป
แต่โจวหย่านกลับดื้อดึงตามมา
จนกระทั่งมู่วี่สิงปิดประตูกันเธอไว้นอกห้องทำงาน
เธอยืนอยู่นอกประตู จนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ จึงต้องพิงตัวเองไว้กับพนัง จนกระทั่งถึงตอนที่เธอแทบจะทนไม่ไหวแล้ว มู่วี่สิงจึงออกมาพยุงเธอ
โจวหย่านลืมตาขึ้น ก่อนจะล้มเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเขา
ชายหนุ่มพยุงเธอมาไว้ที่เตียงผู้ป่วยแถวนั้น ก่อนจะให้บุรุษพยาบาลมาเอาเธอไปส่ง
โจวหย่านยังคงดื้อดึงเสื้อเขาไว้ดังเดิม
“มู่วี่สิง คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย”
มู่วี่สิงหันหลังให้อย่างเย็นชา โจวหย่านได้แต่ถอนหายใจ และปล่อยน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
วันรุ่งขึ้น มู่วี่สิงมาที่โรงพยาบาลเขตตะวันตกด้วยตัวเอง เมื่อเจียงฉีเห็นหน้าเขา สีหน้าก็ดูลำบากใจไม่น้อย
“รบกวนคุณมู่แล้ว”
“อืม” สีหน้าของมู่วี่สิงยังนิ่งเหมือนเดิม
นอกจากตรวจแผลของเจียงฉีแล้ว เขาก็เอาผลการรักษากลับไปด้วย มู่วี่สิงจึงจะกลับไปที่โรงพยาบาลหนานเฉิงด้วยกัน
เมื่อออกมาจากห้องผู้ป่วย เวินจิ้งก็รีบมาทันที
เมื่อเห็นมู่วี่สิงอยู่ที่นี่ เธอก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“ทำไมคุณถึงมาอยู่นี่ล่ะ”
“เอาเอกสาร” น้ำเสียงของมู่วี่เฉิงนิ่ง
“อ๋อ งั้นก็รบกวนคุณด้วย” เวินจิ้งตอบเสียงเบา
เมื่อมองมู่วี่สิง ก็รู้สึกแต่วุ่นวายใจ
เจียงฉีถูกส่งไปที่โรงพยาบาลหนานเฉิงแล้ว เวินจิ้งจึงต้องนั่งรถของมู่วี่สิงไป
ระหว่างทาง ชายหนุ่มก็เอาแต่เงียบ
ในที่สุดเวินจิ้งก็ทนไม่ไหว จึงกอดแขนเขาไว้
“อาจารย์คะ วันนี้ฉันต้องอยู่โรงพยาบาล” น้ำเสียงเธออ่อนลงมาก
สีหน้าอันเคร่งขรึมของมู่วี่สิงก็ดูจะอ่อนลงไม่น้อย
“อืม อยู่ข้างๆผม”
ประโยคนี้ช่างทำให้คนอยากจะลอย
แต่คนที่พูดประโยคนี้กลับเป็นคนที่จริงจังมาก
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เวินจิ้งก็อยู่ข้างๆมู่วี่สิง แม้เขาจะเป็นอาจารย์ประสาท แต่เขาก็ต้องจัดการในด้านอื่นๆด้วย
หลังจากที่ตรวจแผลของเจียงฉีด้วยตัวเองแล้ว เขาก็เอาไปที่ห้องทดลอง
จนกระทั่งถึงเย็น ในที่สุดก็สามารถหาสารพิษที่ติดเชื้อได้
“มือของเจียงฉี…จะไม่เป็นไรใช่ไหม” เวินจิ้งถามอย่างประหม่า
“อืม แต่ว่าภายในหนึ่งปีจะใช้แรงมากไม่ได้” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
พอเขาบอกจบ เวินจิ้งก็ไปบอกต่อกับเจียงฉี แต่สีหน้าของเขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไร แค่ไม่กระทบต่อการฝึกงานก็พอแล้ว”
“ไม่หรอก” เวินจิ้งตอบเสียงเบา
“ตอนเย็นนายอยากกินอะไร” เวินจิ้งถาม
ถ้ามีเวลา เธอจะไปซื้อของกินมาให้เจียงฉีเอง
“อะไรก็ได้ เวินจิ้ง เธอไม่ต้องไปๆมาๆแล้ว โรงพยาบาลสั่งอาหารได้”
“งั้นก็ได้”
ทันใดนั้น มู่วี่สิงก็เดินเข้ามา พร้อมกับสั่งยาให้เจียงฉี และกำชับว่าต้องกินยาให้ตรงเวลา
ตอนนี้แผลได้ถูกล้างพิษแล้ว อีกสามวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้
ผลลัพธ์นี้ทำให้เวินจิ้งแปลกใจมาก
“มู่วี่สิง ขอบคุณนะคะ” เวินจิ้งพูดอย่างสัตย์จริง