บทที่ 588 มีภรรยาชั่วอยู่ในบ้าน
“อือ”เวินจิ้งบ่นพึมพำ ริมฝีปากของเธอถูกจูบไปแล้ว
เวลาผ่านไปซักพัก มู่วี่สิงถึงจะปล่อยตัวเธอ ไม่เพียงแค่แก้มของเวินจิ้ง แต่ทั้งตัวเธอเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู
เธอต่อต้านมู่วี่สิง แต่เธอก็ยังโลภที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“คุณไม่ใช่โกรธอยู่เหรอคะ?”เวินจิ้งถามอย่างอุดอู้
ในความเป็นจริง เธอไม่ชอบสงครามเย็นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน มันน่าอึดอัด
“อืม กำลังโกรธอยู่”
เวินจิ้ง:……
ในครั้งนี้ เธอใช้พลังกำลังของเธอ ผลักมู่วี่สิงออกไปจริงๆ
“ฉันก็โกรธอยู่”
เวินจิ้งเมื่อพูดจบ ก็ผลักประตูลงไปจากรถก่อน
มู่วี่สิงลูบหน้าผากไปมา และหลับตาปิดสนิทอีกครั้ง
เมื่อไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าตามลงมา คนขับรถก็ได้ลงรถไปตั้งนานแล้ว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว จากนั้นก็ค่อยๆ กลับไปดูที่รถ แล้วเธอก็เห็นว่ามู่วี่สิง เหมือนจะหลับไปอีกครั้ง
“มู่วี่สิง”เธอก้มตัวลง มองไปที่มู่วี่สิง
อย่างไรก็ตาม เธอเรียกไปถึงสองครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา
เธอกลับมานั่งภายในรถอีกครั้ง แล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ เธอมองไปที่คิ้วขมวดของมู่วี่สิง ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
วินาทีต่อมา ฝ่ามือของเธอก็แตะไปที่หน้าผากของเขา อย่างที่คาดไว้ มันร้อนมาก……
เธอตกใจ แล้วก็ผลักมู่วี่สิงไปมาแทบจะทันที“คุณตื่นสิคะ ลงจากรถไปกับฉัน คุณมีไข้อยู่นะมู่วี่สิง!”
ในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป เธอนับว่าเป็นหมอไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่มู่วี่สิงไม่สบาย เธอก็รู้สึกลุกลี้ลุกลนขึ้นมา
เธอไม่สามารถเคลื่อนย้ายมู่วี่สิงด้วยตัวคนเดียวได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เรียกคนขับรถมา แต่ละคนก็แบกไหล่ของมู่วี่สิงคนละข้าง แล้วก็ยกเขาออกจากรถ
เธอควรจะสังเกตเห็นมันตั้งแต่แรก!
จูบที่เพิ่งผ่านไปมันก็ดูร้อนแล้ว เธอแค่คิดว่ามู่วี่สิงกระตือรือร้นมากกว่าที่เคย
ใครจะรู้ว่าเขามีไข้……
เมื่อนำมู่วี่สิงขึ้นมาบนเตียงได้ เขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นเวินจิ้ง เขาก็คว้ามือของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นเวินจิ้งก็ตกลงไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“คุณอย่าสร้างปัญหา”เวินจิ้งพูด และสั่งให้คนรับใช้นำเข็มวัดไข้ และยาลดไข้มาให้
แต่มู่วี่สิงยังคงกอดเธอไว้แน่น เธอไม่สามารถผลักเขาออกไปได้
จริงๆ แล้ว……เวลาป่วย ก็ไม่ลืมที่จะก่อกวน
“อืม ให้ผมกอดหน่อย”มู่วี่สิงพึมพำ เสียงของเขาต่ำกว่าปกติ ทำให้ดูเซ็กซี่ขึ้น
แต่ในตอนนี้ หัวใจของเวินจิ้ง ไม่ได้เต้นแรงอะไรขนาดนั้น เธอแค่หวังว่ามู่วี่สิงจะให้ความร่วมมือที่ดีกับเธอ
เธอถือเข็มวัดไข้ เวินจิ้งก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของมู่วี่สิงอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอสัมผัสถึงอุณหภูมิความร้อนที่หน้าอกของเขา เธอก็ถึงกับตกใจ
คาดว่าน่าจะประมาณเกือบสี่สิบองศา จริงๆ แล้วควรจะไปโรงพยาบาล
แต่เมื่อเห็นอาการของมู่วี่สิงที่เป็นแบบนี้ เวินจิ้งจึงตั้งใจว่า จะเฝ้าดูอาการที่บ้านหนึ่งคืน
มันไม่ง่ายเลย ที่จะช่วยเขาใส่เข็มวัดไข้ ในที่สุดเวินจิ้งก็ผลักเขาออกมาได้ และนั่งอยู่ข้างๆ เขา เกิดความง่วงขึ้นมา เธออดไม่ได้ที่จะหาวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อน ผมไม่เป็นอะไร”ในขณะที่ล้มตัวลงนอน มู่วี่สิงก็ค่อยๆ มีสติตื่นขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณรออีกหน่อย แล้วค่อยนอนนะคะ ทานยาก่อน”เวินจิ้งเตือนเขา
เพียงไม่นาน อุณหภูมิที่หัววัดก็แสดงขึ้นมา สี่สิบองศา……
หนังหัวของเวินจิ้งชาขึ้นมา เธอเป็นกังวลมาก
“ถ้าพรุ่งนี้ยังมีไข้สูงอยู่ พวกเราไปโรงพยาบาลกันนะคะ”เวินจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ไป”มู่วี่สิงตอบสั้นๆ แค่สองคำ อารมณ์เหมือนเด็กตอบคำถาม
“ไม่ไปไม่ได้ค่ะ”เวินจิ้งยังคงดื้อดึง
เธอเอายาลดไข้สองเม็ด แล้วป้อนมันเข้าปากของมู่วี่สิง เขาทานมันอย่างง่ายดาย
เวินจิ้งมองหาแผ่นแปะลดไข้ที่อยู่ในบ้าน แล้วแปะให้มู่วี่สิง หลังจากนั้นเธอก็ไปนอนข้างๆ เขา
“มู่วี่สิง ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัว ให้เรียกฉันนะคะ”เวินจิ้งเธอไม่ได้อยากจะนอนหลับเลย เพราะกลัวว่ามู่วี่สิงจะทุกข์ใจ
แต่ก็ได้ยินเสียงลมหายใจของมู่วี่สิง ตอบกลับมา
เวินจิ้งรู้สึกไม่สบายใจ เพราะตามปกติแล้ว เธอจะต้องนอนหลับไปตั้งนานแล้ว
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงเป็นสีแดง เธอก็กอดเขาแน่น
วันรุ่งขึ้น ร่างกายของเวินจิ้ง ตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน ประมาณหกโมงเช้าเธอก็ตื่นแล้ว เธอรีบไปเช็คหน้าผากของมู่วี่สิงทันที ผลคือไข้ไม่ได้รุนแรงเท่าเมื่อคืน แต่ก็ยังมีไข้ให้เห็นอยู่
“ทำไมผ่าตัด ต้องให้ตัวเองเป็นไข้ด้วยล่ะคะ”เวินจิ้งยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ไปที่ห้องรับแขก แล้วก็ทำโจ๊กง่ายๆ หนึ่งหม้อ ก่อนที่จะขึ้นไปบนห้อง
แต่ก็พบว่า มู่วี่สิงไม่ได้อยู่บนเตียง และที่ห้องน้ำก็ไม่เห็นเขา
เวินจิ้งยิ่งกังวลมากขึ้น หลังจากนั้นก็หมุนรอบๆ ดู ก็เห็นเขาที่ห้องแต่งตัว
ผู้ชายได้สวนเสื้อเชิ้ตสีขาวแล้ว และกำลังจะสวมกางเกง……
ทันใดนั้นก็มีบางอย่าง ผ่านเข้ามาในม่านตาของเวินจิ้ง เป็นส่วนแหลมคมสีดำ ที่อยู่ภายในกางเกงชั้นในของมู่วี่สิง……
ทันใดนั้นแก้มของเธอก็ลุกเป็นไฟ เธอรีบหันหลังกลับทันที แต่ภาพนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของเธออยู่
เธอรู้ขนาดของมู่วี่สิงมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้มันถูกห่อหุ้มด้วยกางเกงชั้นใน นั่นยิ่งทำให้น่าหวั่นไหว
ทำไมมันร้อนอย่างงี้นะ……
เธอค่อยๆ ลดไฟในตัวเองลง แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ชั่วครู่หนึ่ง ก็เรียกสติกลับมาได้ มู่วี่สิงไม่ใช่มีไข้อยู่เหรอ?
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ใช่จะออกไปข้างนอกนะ?
เมื่อตอนที่เธอเข้ามา ก็ได้กลิ่นหอมของเจลอาบน้ำจางๆ เห็นได้ชัดว่า มู่วี่สิงเพิ่งจะอาบน้ำมา
“คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไม?”เวินจิ้งยังคงหันหลังให้มู่วี่สิงอยู่
วินาทีต่อมา หน้าอกที่ร้อนขึ้นเล็กน้อย ก็มาแนบที่ด้านหลังของเธอ มู่วี่สิงกอดเวินจิ้งจากทางด้านหลัง ริมฝีปากบางของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะพูด“ วันนี้ต้องไปที่มหาวิทยาลัยF”
“คุณเป็นคนป่วย คุณลาเลยนะ”คอของเวินจิ้งรู้สึกจั๊กจี้ เพราะลมหายใจของมู่วี่สิงที่รดอยู่ตรงต้นคอเธอ
“ผมไม่เป็นอะไร”มู่วี่สิงเลิกคิ้วขึ้น
“คุณอย่าสร้างปัญหาสิคะ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนวันนี้”เวินจิ้งหันหน้ามามอง และเมื่อเห็นว่ามู่วี่สิงแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอจึงหันมาทั้งตัว
“คุณรอก่อน ฉันขอวัดไข้ให้คุณก่อน”เมื่อพูดจบ เวินจิ้งก็วิ่งออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วไปหยิบเข็มวัดไข้มา
มู่วี่สิงแสดงสีหน้าไม่ค่อยเต็มใจ
ทำตัวเหมือนเป็นเด็กน้อยยังไงยังงั้น……
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก แล้วใช้อารมณ์อ่อนหวานเล้าโลมเขาเบาๆ“คนดี วัดไข้แล้ว ถ้าอุณหภูมิอยู่ในสามสิบหกองศา คุณก็ออกไปได้”
จากความรู้สึกของเธอ เธอคิดว่าตอนนี้ มู่วี่สิงมีอุณหภูมิอย่างน้อย อยู่ที่สามสิบแปดองศา
ตัวมู่วี่สิงเองเป็นหมอ เขาต้องรู้สภาพร่างกายของเขาดีที่สุด
แม้ว่าจะไม่สบาย แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ต้องนอนพักอยู่บนเตียง
เขาไม่เคยมีนิสัย ใช้เวลาให้เปล่าประโยชน์
“จิ้งจิ้ง ไข้ก็ลดลงแล้ว ผมทนได้”
“ไม่ได้ไม่ได้ ถ้าคุณออกจากประตูนี้ไป คุณกับฉันเราก็คงไปกันไม่ได้!”เวินจิ้งกัดฟันพูด
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว มองไปที่การแสดงออกอย่างจริงจังของเวินจิ้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยอมอ่อนข้อให้
เขาบีบเนื้อแก้มเล็กๆ ของเธอ แล้วก็ยิ้ม“มีภรรยาชั่วอยู่ในบ้าน”
“คุณว่าใครเป็นภรรยาชั่ว!”เมื่อเวินจิ้งได้ยิน สิ่งที่มู่วี่สิงพูด
“อืม ไม่ใช่คุณแล้วกัน”
ก็พูดถึงเธอนั่นแหละ……
โอเค ถ้ามู่วี่สิงยอมที่จะอยู่บ้าน เพื่อพักฟื้นจากอาการป่วย เธอที่ภรรยาชั่วคนนี้ก็คงไม่ยอมไปไหนแน่นอน
เมื่อลงมาที่ห้องรับแขก เวินจิ้งก็ได้เข้ามาขวางตัวเขาไว้“คุณขึ้นไปบนห้อง เดี๋ยวฉันจะนำอาหารเช้า ตามคุณขึ้นไปเอง”
“คุณทำเหรอ?”มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“แน่นอนสิ คุณอย่าเพิ่งกวนฉัน”
มู่วี่สิงเชื่อฟังเธอ ขึ้นไปบนห้องอย่างเชื่อฟัง แต่เมื่ออยู่ว่างๆ ก็หยิบรายงานขึ้นมาจัดการกับเอกสารต่างๆ