บทที่ 596 โจวเซินเป็นแฟนคุณเหรอ
“นี่คือเอกสารที่ผอ.โรงพยาบาลเหรินหมินอยากให้คุณเซ็น”
เวินจิ้งยืนห่างจากมู่วี่สิงหนึ่งเมตรกว่าๆ จากนั้นก็ส่งเอกสารไปให้อย่างนอบน้อม ด้วยท่าทีนิ่งๆ
มู่วี่สิงช้อนตามองผ่านๆ ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นนิดๆจนแทบจะไม่เห็นเป็นรอยยิ้ม “คุณนั่งรออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน ตอนนี้ผมต้องเข้าประชุม”
พูดจบ มู่วี่สิงก็เปิดกล้อง จากนั้นเสียงพูดภาษาที่เวินจิ้งฟังไม่รู้เรื่องก็ดังขึ้นมา
เธอมุ่นคิ้ว จากนั้นก็มองดูเวลา อยากถามมู่วี่สิงว่าการประชุมนี้ใช้เวลานานเท่าไหร่ เธออยากกลับแล้ว
แต่มู่วี่สิงกลับไม่มองมาที่เธอเลย กำลังจดจ่ออยู่กับการประชุมเป็นภาษาอังกฤษ
เวินจิ้งจึงทำได้เพียงนั่งรอไปก่อน จากนั้นก็ส่งข้อความบอกโจวเซินว่าให้เขากลับไปก่อน
เพียงแต่ว่าวินาทีถัดมาโจวเซินก็โทรมา เวินจิ้งจึงเดินมารับอยู่บริเวณหน้าต่าง
“เวินจิ้ง ประชุมยังไม่เสร็จอีกเหรอ?” เสียงเป็นห่วงของโจวเซินดังขึ้นมา
“ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“ธุระอะไร?” โจวเซินจี้ถาม
“ธุระส่วนตัว” เพราะไม่อยากพูดอะไรมาก เวินจิ้งจึงวางสายอย่างรวดเร็ว
เมื่อหันกลับมาก็เห็นว่า มู่วี่สิงกำลังมองมาที่เธอ และดูเหมือนตอนนี้ประชุมจะอยู่ในช่วงพักเบรก
“โจวเซิน?” เขาเลิกคิ้วขึ้น
เวินจิ้งพยักหน้าโดยอัตโนมัติ แต่จากนั้นก็รีบพูดเสียงเย็นชาว่า “ไม่เกี่ยวกับคุณ”
มู่วี่สิงแสยะยิ้ม ไม่นานก็เข้าร่วมประชุมต่อ
ตอนแรกเวินจิ้งก็ว่าจะเร่งให้เขาเซ็นเอกสารให้ก่อน แต่คำพูดจำต้องถูกกลืนลงไป
หน้าประตูทางเข้าโรงแรม เมื่อโจวเซินได้ยินสายโทรศัพท์ถูกตัด ความดุร้ายในดวงตาก็แพร่กระจายไปทั่ว
เขารู้ ว่ามู่วี่สิงก็เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพักอยู่ที่โรงแรมนี้ด้วย
เขาเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สั่งผู้จัดการให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด
ภายในห้อง เวลาเดินผ่านไปทุกๆวินาที
เวินจิ้งเริ่มง่วงนอนแล้ว ท้องฟ้านอกหน้าต่างก็ยิ่งมืดเข้าเรื่อยๆ แต่มู่วี่สิงก็ยังคงประชุมอยู่
เธอหาวออกมา เปลือกตาก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
จริงๆแล้วอุณหภูมิในห้องนี้กำลังพอดีเลย ยิ่งมีโซฟานุ่มๆก็ยิ่งสบายตัว และผู้ชายที่อยู่ข้างๆก็เป็นมู่วี่สิง จึงทำให้อารมณ์เกร็งๆของเธอที่มีมาตลอดค่อยๆผ่อนคลายลง
เมื่อมู่วี่สิงประชุมเสร็จ สิ่งที่เข้ามาในสายตาก็คือภาพเวินจิ้งหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา
ผิวของเธอขาวใสยิ่งกว่าเมื่อสามปีที่แล้ว โครงหน้าก็หมดจรดลงตัว แต่ใต้ตาก็ยังมีรอยคล้ำจางๆอยู่บ้าง คิดว่าเธอคงอดหลับอดนอนบ่อยๆ แต่ว่าเมื่อก่อนเวินจิ้งจัดการชีวิตตัวเองได้ดีกว่านี้มาก
จริงๆแล้วเวินจิ้งรู้สึกได้ถึงกลิ่นกายของชายหนุ่มที่จู่โจมเข้ามา เธอไม่ได้หลับสนิท ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาใกล้สัญชาตญาณระวังภัยจึงตื่นขึ้นมา
แต่เมื่อรู้ว่าเป็นมู่วี่สิง กลับรู้สึกเบาใจลง
“ผมประชุมเสร็จแล้ว”
ในตอนที่เวินจิ้งลืมตาขึ้นมา มู่วี่สิงก็กลับไปนั่งที่โซฟาแล้ว ใบหน้าหล่อเหลากลับไปเรียบนิ่งตามเคย
“อืม”
เมื่อมองดูเวลา ก็เห็นว่าเป็นเวลาสามทุ่มแล้ว
เธอจึงรีบส่งเอกสารไปให้เขา มู่วี่รับมาอ่านอย่างจริงจัง ถึงขนาดที่มาร์คความคิดเห็นลงบนเอกสารอยู่สองสามที่ จากนั้นผ่านไปครึ่งชั่วโมงถึงได้ส่งคืนให้เวินจิ้ง
“ผมเขียนความคิดเห็นลงบนนั้นหมดแล้ว คุณเอาไปส่งให้ผอ. แล้วหลังจากเขายืนยันค่อยมาหาผมอีกที”
เวินจิ้งนิ่งอึ้ง เธอนึกว่าแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเสร็จแล้ว
แต่ว่าครั้งหน้าเธอคงไม่ได้มาส่งเอกสารแล้วล่ะ ครั้งนี้แค่บังเอิญประชุมอยู่ที่เดียวกันกับมู่วี่สิงพอดีเท่านั้น
“ฉันรู้แล้ว”
เธอเก็บเอกสารไว้ในกระเป๋า จากนั้นก็ตั้งใจว่าจะรีบเดินออกไป
แต่สายตาของมู่วี่สิงกลับเอาแต่จดจ้องมาที่เธอ เมื่อเวินจิ้งแตะลูกบิดประตู ก็พบว่ามันเปิดไม่ออก! เธอหันหน้ากลับไปถลึงตาใส่มู่วี่สิง เขาต้องจงใจแน่ๆ!
มุมปากของชายหนุ่มกระตุกเป็นรอยยิ้ม หัวใจของเวินจิ้งเต้นระรัว ขยับเข้าใกล้ประตู สีหน้าของเธอค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ
เขาค่อนข้างที่จะกลัวมู่วี่สิงในตอนนี้มาก รังสีที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาเต็มไปด้วยความขมุกขมัวและความเย็นยะเยือก จนทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่
“กลัวเหรอ?” มู่วี่สิงไม่ได้เข้าไปใกล้ ความรู้สึกในแววตาถูกเขาปกปิดเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนกลับมาเป็นเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคย
“เปล่า รบกวนคุณเปิดประตูฉันด้วยค่ะศาสตราจารย์มู่” เวินจิ้งพูดขึ้นมาอย่างมีมารยาท
เธอเริ่มใจเย็นแล้ว จากนั้นก็เผชิญกับใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงอย่างนิ่งๆ
“แล้วถ้าผมยังไม่อยากปล่อยคุณไปล่ะ?”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ใบหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิม
ปลายนิ้วสั่นระริก จริงๆแล้วเธอไม่รู้เลยว่าควรใช้อารมณ์ไหนมาเผชิญหน้ากับมู่วี่สิงดี
“ศาสตราจารย์มู่ คุณแต่งงานแล้วนะ” เวินจิ้งพูดอย่างจริงจัง
“อืม ผมแต่งงานแล้วจริงๆนั่นแหละ” มู่วี่สิงพยักหน้า
แต่เวินจิ้งเพิ่งนึกได้ ว่าผู้หญิงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องไม่ใช่โจวหย่าน แต่เป็นหลิงเหยา
แล้วหลิงเหยาเป็นอะไรกับมู่วี่สิง?
ตอนนี้ชีวิตส่วนตัวของเขามันยุ่งเหยิงขนาดนี้เลยเหรอ?
เวินจิ้งไม่อยากจะคิดเลย
ในตอนนี้เอง ที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา หัวใจที่เหมือนถูกแขวนอยู่บนอากาศของเวินจิ้งก็ผ่อนคลายในทันที
มีคนมาก็ดี เธอค่อยๆถอยจากประตู แต่มู่วี่สิงกลับไม่คิดที่จะเปิดประตู
จนกระทั่งเสียงของโจวเซินดังขึ้นมาจากข้างนอก “เวินจิ้ง ผมมารับคุณกลับบ้าน”
มารับคุณกลับบ้าน
ประโยคนี้ดังเข้ามาในหูของมู่วี่สิง ช่างเป็นอะไรที่บาดหูเอาเสียจริง
ความหนาวเหน็บบนใบหน้าของเขายิ่งทอแววลุ่มลึก
“โจวเซินเป็นแฟนคุณเหรอ?” มู่วี่สิงถามขึ้นมาในทันที
“ใช่” เวินจิ้งหลุดปากพูดออกไป
จริงๆแล้วตอนนี้เธอคิดแค่อยากจะออกไปจากที่นี่ ถ้าหากยอมรับออกไปอย่างนั้นแล้วมู่วี่สิงจะปล่อยเธอไป เธอก็ไม่คิดอะไรมากถ้าจะโกหก
เธอมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันไปได้หรือยัง? ศาสตราจารย์มู่”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็ทำมืออนุญาต วินาทีต่อมา ประตูก็เปิดออกอยู่ต่อหน้าของเวินจิ้ง
เธอวิ่งออกไปในทันที โจวเซินเซินยืนอยู่ข้างนอกพอดี เวินจิ้งจึงวิ่งชนเขา แต่โจวเซินประคองเธอเอาไว้ได้ทัน
“เวินจิ้ง”
“เรากลับกันเถอะ” เวินจิ้งไม่หยุดฝีเท้า
โจวเซินเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นว่ามู่วี่สิงกำลังมองมาที่เขาอยู่พอดี
ทั้งสองไม่ได้เจอกันมาตลอดสามปี ในดวงตาของทั้งคู่ต่างเต็มไปด้วยความเยือกเย็นที่กัดกร่อนถึงกระดูก
“มู่วี่สิง อย่าแตะต้องเวินจิ้ง” พูดทิ้งท้ายเอาไว้ โจวเซินก็หมุนตัวเดินตามเวินจิ้งไป
สายตาของมู่วี่สิงยังคงทอดมองแผ่นหลังของเวินจิ้ง ที่ทั้งอรชรอ้อนแอ้น และบอบบาง ทั้งๆที่สวมใส่เสื้อกับกางเกงยีนแบบธรรมดา แต่ภาพของเธอในหัวของเขา ก็ยังคงเป็นภาพใบหน้ามุ่ยๆของเธอที่ทอดกายอยู่ใต้ร่างกายของเขาเมื่อสามปีก่อน
เขาลูบปากจากนั้นก็สืบบุหรี่เข้าไปอย่างหนัก จนกระทั่งสูบแล้วเริ่มไอออกมาไม่หยุด เขาถึงได้โยนบุหรี่ทิ้ง
เมื่อกลับมาถึงตระกูลโจวก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
บนรถ เวินจิ้งนั่งเงียบมาตลอด แต่กระนั้นความลนลานของเธอก็ยังคงอยู่ในสายตาของโจวเซินตลอด
“มู่วี่สิงทำอะไรคุณหรือเปล่า?” เสียงของโจวเซินพกพาความน่ากลัวมาด้วยหลายส่วน
ถ้าหากรู้ตั้งแต่แรกว่ามู่วี่สิงก็อยู่ที่โรงแรมด้วย เขาคงไม่ให้เวินจิ้งไปหรอก
“เปล่า ผอ.แค่ให้ฉันเอาเอกสารไปให้เขาเซ็น” เวินจิ้งพูดออกมานิ่งๆ
“แค่นี้?” โจวเซินไม่ค่อยปักใจเชื่อเท่าไหร่
“แล้วต้องแค่ไหนล่ะ?” พูดจบ เวินจิ้งก็เป็นฝ่ายลงรถไปก่อน กลับมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่กินข้าว ตรงเข้าห้องนอนไปเลย ทั้งยังล็อกประตูอีกด้วย
ตอนนั่งแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ในหัวของเวินจิ้งก็เต็มไปด้วยมู่วี่สิง เธอหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา แล้วต่อสายหาอั้ยเถียน
สองปีก่อนอั้ยเถียนกับเสี้ยงหงเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองเป่ยเฉิง ตอนนี้แต่งงานกันแล้ว พวกเธอทั้งสองคนติดต่อกันมาตลอด
“เถียนเถียน ฉันเจอมู่วี่สิง ฉันไม่รู้ว่าต้องเชิญหน้ากับเขายังไง…..ฉันอึดอัดจัง……”
เธอพูดเสียงเบา คำพูดเหล่านี้ เธอทำได้แค่ระบายกับเพื่อนสนิท พออยู่ต่อหน้าโจวเซิน ก็ทำราวกับสวมหน้ากากเอาไว้หลายชั้น มีบางครั้งเธอก็รู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักแม้แต่ตัวเอง