บทที่ 602 เวินจิ้ง พวกเราอนาคตยังอีกไกล
หลังจากสองชั่วโมงเวินจิ้งถึงได้ตื่นขึ้นมา หลินเวยยืนหยัดที่จะปกป้องเวินจิ้ง โจวเซิ่งก็อยู่ด้วย
ลืมตาขึ้น สิ่งที่เข้าม่านตาก็คือสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย ขมวดคิ้ว เวินจิ้งรู้สึกไม่ไหวอ้วกออกมา
หลินเวยรีบประคองเธอ สายตาของความเป็นห่วงพี่กระจาย
“เสี่ยวจิ้ง เธอทำแม่ตกใจจะตายแล้ว”
รู้ว่าเวินจิ้งผ่านการช่วยชีวิตมาแล้วหนึ่งครั้ง เธอมาจากบ้านโจวทันที โชคดีที่ลูกสาวไม่เป็นไร
เวินจิ้งหน้าซีดเผือด ทันใดนั้นก็นึกถึงมู่วี่สิง
แต่ว่ามองไปรอบๆห้องผู้ป่วย ไม่เห็นเขา
เธอกำลังคิดอะไรอยู่
เวินจิ้งส่ายหัว เอาความคิดวุ่นวายเหล่านั้นสลัดทิ้งจากสมอง
“หนูไม่เป็นไรค่ะ แม่”
“แม่จะอยู่ตรงนี้ปกป้องลูกนะ ลูกนอนเถอะ”
เวินจิ้งพยักหน้า มีแม่อยู่ เธอก็สบายใจเยอะแล้ว
ในเวลานี้ โรงแรมซียี่
หลังจากมู่วี่สิงกลับมา ตรงไปที่ห้องชั้นยี่สิบแปด
เคาะประตู หลิงเหยามองผู้ชายตรงประตูหงุดหงิดนิดหน่อย
“วี่สิง ค่ำแล้ว คุณมายังไงคะ?”
“หลิงเหยา เธอ คุณเป็นคนทำใช่ไหม”มู่วี่สิงไม่พูดมาก พูดแค่ประโยคเดียว แล้วก็หันจากไป
วินาทีต่อมา หลิงเหยาตามออกมาแล้วคว้ามือเขาไว้ “คุณเชื่อเธออย่างนั้นเหรอ? หรือว่า คุณยังรักเธอ?”
เบ้าตาของหลิงเหยาชุ่มชื้น เธออยู่กับมู่วี่สิงมาสามปีเต็มแล้ว ไม่สามารถเทียบกับเวินจิ้งได้เหรอ?
“ฉันไม่ได้รักเธอ”
สิ้นประโยค มู่วี่สิงไม่ได้หยุดอยู่ต่อ หลิงเหยามองมู่วี่สิงไกลออกไป แล้วถอนหายใจ
ไม่รัก….ไม่รักก็ดี
วันรุ่งขึ้น เวินจิ้งตรวจร่างกายเสร็จในตอนเช้า กลับเห็นเงาที่คุ้นเคยในห้องผู้ป่วย“เจียงฉี เธอมาได้ยังไง?”
“วันนี้โรงพยาบาลในเมืองจัดการประชุม ฉันมาเห็นชื่อของเธอพอดี ไม่คิดว่าเธอจะนอนโรงพยาบาลก็เลยมาเยี่ยมดู”
“ฉันไม่เป็นไร”เวินจิ้งพูดอย่างเบาๆ
หลินเวยกลับไปกับโจวเซิ่งตั้งแต่เช้า ตอนบ่ายถึงจะมา เธอจัดให้พยาบาลและบอดี้การ์ดทั้งสองมาดูแลเธอ
“อาการแพ้เป็นมากหรือเป็นน้อย ต้องรักษาตัวดีๆนะ”เจียงฉีกำชับ
“ฉันรู้แล้ว เธอรีบไปทำธุระเถอะ”
เวินจิ้งแค่อยากอยู่คนเดียว แถมเธอกับเจียงฉีจริงๆแล้วไม่ได้สนิทมาก แล้วก็ไม่รู้จะคุยอะไร
หลังจากนั้นสองวันเวินจิ้งถึงได้ออกโรงพยาบาล ก่อนหน้าเธอกำชับเวยอานให้มาเอาสัญญาให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ก็ถือว่าทำเรื่องนี้สำเร็จ
สองวันนี้เขาไม่เห็นมู่วี่สิง คิดไปเขาคงกลับไปแล้ว กลับถึงบ้าน หลินเวยเข้าครัวทำอาหารเอร็ดอร่อยด้วยตัวเองเต็มโต๊ะ
ไม่กี่ปีมานี้หลินเวยค่อยๆถอยห่างจากบริษัทหลินซื่อ หลายเรื่องส่งให้โจวเซิ่งจัดการ ตัวเธอเองว่างเลยไม่ใช่น้อย
“เสี่ยวจิ้ง แม่นัดให้ลูกแล้ว วันอาทิตย์นี้ตอนเที่ยงสิบสองนาฬิกา คฤหาสน์หลงถิง ลูกไปพบหน้าพวกเขาหน่อย”
พอฟังเสร็จ เวินจิ้งนานสติก็ไม่กลับมา ประสิทธิภาพหลินเวยนั้นยังคงสูงมากจริงๆ………
“อืม”เธอตอบกลับ ยังไงก็แค่พบหน้า จะสามารถพัฒนาได้ไม่ได้ เธอก็ไม่สามารถควบคุมได้
เธอเฉยๆกับเรื่องพวกนี้มากแล้ว
“ลูกอย่าทำแบบขอไปทีล่ะ แม่ของอีกฝ่ายเป็นเพื่อนนักเรียนเก่าแม่ คุณสมบัติด้านต่างๆของเด็กคนนี้ไม่เลวนะ ถ้าลูกลงเอยกับเขาจริงๆ แม่ก็ปลื้มอกปลื้มใจมากแล้วจริงๆ”
ที่แท้ โลกของแม่พอสมควรมากแล้ว……….
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงแรกที่เธอกระตือรือร้นที่จะแนะนำคนรักให้……..
“อืม ไม่ทำแบบขอไปที่หรอกค่ะ”เวินจิ้งตอบกลับ
กินข้าวเช้าเสร็จ หลินเวยไม่วางใจให้เวินจิ้งขับรถด้วยตัวเอง ให้คนขับรถไปส่ง เหยียบมาถึงโรงพยาบาลพอดี
กำลังเข้าประตูผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลเรียกเธอไว้ ให้เธอไปห้องทำงานเดี๋ยวนี้
เวินจิ้งคิดว่าคงเป็นเรื่องสัญญาการลงทุนก่อนหน้านี้ แถมตอนนี้มู่วี่สิงก็เซ็นสัญญาแล้ว ยังจะเรื่องอะไรอีกเหรอ?
กำลังจะเคาะประตูห้องทำงาน เวินจิ้งก็เห็นเงาที่คุ้นเคย
ตกตะลึง เท้าเธอหยุดอยู่กับที่ หรือว่าให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาที่นี่ก่อน
“คุณหมอเวิน ครั้งนี้ศาสตราจารย์มู่ลงทุนกับโรงพยาบาลพวกเราอย่างราบรื่น ขาดความดีความชอบของคุณไม่ได้ ศาสตราจารย์มู่จะกลับเมืองหนานแล้ว สักพักผมมีธุระ คุณช่วยผมไปส่งให้เขาหน่อย ”
เวินจิ้งไม่ได้ตอบกลับ จ้องมู่วี่สิงด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ทำให้เธอไม่สบายใจมาก ถึงขนาดรังเกียจ
มู่วี่สิงมองอารมณ์ออก สีหน้าหนักอึ้ง
“คุณหมอเวิน”เห็นเวินจิ้งตกตะลึง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดเตือน
“อืม รับทราบค่ะ”เวินจิ้งตอบกลับ ถอยหลังหน่อย รอมู่วี่สิงนั้นออกไปก่อน
เธอเดินด้านหลังเขา เดินผ่านระเบียงออกจากโรงพยาบาลไป ผู้ชายคนนี้ อยู่ที่ไหนไม่ขาดแคลนคนยกย่องสายตาเขา
แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เวินจิ้ง
หายใจลึก เธอรีบเงยหน้า แต่ไม่รู้ว่ามู่วี่สิงหยุดเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ หน้าผากของเธอชนเข้าด้านหลังของเขา
เจ็บ!
เสียงกรีดร้อง เธอจ้องชายคนนี้อย่างไม่พอใจ ทำไมเขาต้องหยุดเท้ากะทันหัน!
มู่วี่สิงหันหัว พูดด้วยเสียงเยือกเย็น “ดูทาง”
เวินจิ้งแก้มป่อง ไม่มีเสียง
เธอคิดว่ามู่วี่สิงนั้นตั้งใจ!
ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ง่ายๆ เวินจิ้งนึกว่าตัวเองทำภารกิจสำเร็จแล้ว แต่มู่วี่สิงกลับลากเธอขึ้นในรถ
เวินจิ้งโซเซ คนทั้งคนล้มอยู่ในอ้อมกอดเขา
“คุณ!”เธอโกรธแล้ว เหยียบที่เท้า เวลานั้น มู่วี่สิงถึงได้ปล่อยเธอ
แต่รถถูกล็อกไปนานแล้ว เวินจิ้งไม่ทันที่จะลงรถ
มู่วี่สิงยังคงจับที่ข้อมือเธอ เวินจิ้งอยู่บนตัวเขา ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองเหยียบที่ไม่ควรเหยียบ
เธอขมวดคิ้ว ผลักเขาไปนั่งอีกด้าน
มู่วี่สิงสีหน้าหนักอึ้ง“เวินจิ้ง กล้ามากนะ”
เขาเสียงดังกังวาน เต็มไปด้วยความโกรธ
เวินจิ้งไม่ได้สนใจเขา“ถ้าประธานมู่ไม่บริสุทธิ์ใจ ฉันก็ไม่ตอบโต้กลับแบบนี้”
“บริสุทธิ์ใจ?”ทันใดนั้น โดนบีบคาง มู่วี่สิงเข้าประชิดเธอ
เวินจิ้งไม่รู้จะมองเขายังไง
“ประธานมู่ ได้โปรดปล่อยฉัน!”
“นิสัยตรงไปตรงมาดี จุ๊ๆ เวินจิ้ง ถ้าฉันไม่บริสุทธิ์กับเธอ เธอโดนฉันกลืนกินไปนานแล้ว ”มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา
เวินจิ้งตกตะลึง คำพูดที่มู่วี่สิงตอบกลับหมายความว่า ขายกขึ้นที่จะเหยียบ
ครั้งนี้ มู่วี่สิงรีบจับข้อเท้าเธอไว้แน่น จนกระทั่ง ปิดกล้ามเนื้อที่เกลี้ยงเกลา รู้สึกได้ถึงความละเอียดอ่อน เขาคิดถึงมานานแล้ว!
เวินจิ้งเห็นการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของมู่วี่สิงอย่างชัดเจน ตกใจมาก หดขาทันที
“คุณให้ความเคารพฉันหน่อย!”
“วางใจ ฉันไม่ได้สนใจเธอ”มู่วี่สิงนั่งตัวตรง ไม่มองทางเวินจิ้ง และก็ไม่มีการกระทำอย่างอื่น
เขาแค่มองลงล่าง มันเป็นเปลวไฟมานานแล้ว
มาถึงสนามบิน เวินจิ้งลงจากรถก็รักษาระยะห่างจากมู่วี่สิง
“ภารกิจฉันสำเร็จแล้ว ประธานมู่ เดินทางปลอดภัยค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา สิ้นคำพูด ก็จะออกมาเลย
มู่วี่สิงมองเธอเหมือนเงาจะหนีไป สีตาหนักอึ้ง
นาน ถึงได้ละสายตา
เวินจิ้ง พวกเราอนาคตยังอีกไกล