บทที่ 606 ไม่มีทางมองข้ามความเป็นเขา
ในชั้นผู้โดยสารชั้นที่หนึ่ง เวินจิ้งขดตัวในเก้าอี้หนังตัวใหญ่ แอร์โฮสเตสโค้งตัวด้านข้าง ถามเธออย่างเอาใจใส่ยังต้องการบริการอะไรไหม
เธอรู้สึกหนาวมากๆ ก็เลยขอผ้าห่ม
ความสูงสามหมื่นฟุตบนน่านฟ้าทำให้คนสงบลง เวินจิ้งโอบกอดตัวเองแน่น ตอนแรกคิดว่าตัวเองนอนไม่หลับ แต่ไม่นานก็หลับแล้ว
ตื่นมาก็รู้สึกหิวไม่ไหวแล้ว หลังจากกินอาหารบนเครื่องแล้วก็นอนต่อ นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่นั่งเครื่องบินนานที่สุด แต่กลับไม่รู้สึกลำบากยากเข็ญ เกือบจะเป็นเวลานอนของเธอทั้งหมด
เครื่องบินกำลังจะแล่นลง แอร์โฮสเตสเรียกเวินจิ้งให้ตื่น เวินจิ้งถอดผ้าปิดตา ได้ยินเสียงหัวเราะจากด้านหลัง“คุณนี้นอนได้ดีจริงๆเลย….”
ตอนนี้เธอยากที่จะปรับแสง หันหัวไปมอง ผู้ชายคนนี้คุ้นเคยเหลือเกิน วัยรุ่นมาก ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสบายๆ หรี่ตาขึ้นมองตัวเอง มือก็ชูขึ้น ชี้นาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วพูด“ผมคำนวณแล้ว เวลาบนเครื่องบินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คุณใช้ในการนอน!”
หยูจิ่งห้วนแสดงท่าทางไม่น่าเชื่อออกมา เวินจิ้งดึงริมฝีปากเธอยิ้มออกมา แต่พบว่าลำบากนิดหน่อย ทำได้แค่ตอบเบาๆแล้วหันหัวเปิดหน้าต่างที่บังแดด
เมื่อสติกลับคืนมานั้น เธอถึงตกตะลึง หยูจิ่งห้วนทำไมถึงได้อยู่เที่ยวบินนี้?
เขาพึ่งออกจากโรงพยาบาล ไม่พักผ่อนสักสองสามวันก็บินทางไกลแล้วเหรอ?
หยูจิ่งห้วนก็มานั่งข้างๆเวินจิ้งอย่างรวดเร็ว “เห็นผมไม่แปลกใจเหรอ?”
“แปลกใจมาก”เวินจิ้งพยักหน้า
แค่ตอนนี้สมองเธอเหมือนกาวเหนียว ไม่ค่อยอยากพูด สีหน้าตึงแน่นนิดหน่อย
“ไม่สบายเหรอ?” หยูจิ่งห้วนมองสีหน้าซีดขาวของเวินจิ้ง
“โอเค”เวินจิ้งส่ายหน้า
ในเวลานี้เครื่องบินกำลังจะจอดอย่างรวดเร็ว รู้สึกหูอื้อแปลกๆ เวินจิ้งหลับตา เครื่องบินค่อยๆสู้พื้น
สถานที่แรกของเธอคือโรม และหยูจิ่งห้วนก็ตามเธอไปตลอด
เวินจิ้งนึกอยากจะถามอะไรบางอย่าง เงยหน้าขึ้นถาม“คุณก็มาเรียวเหรอ? คุณคงไม่วางร่วมแผนการกับแม่ฉันหรอกนะ?”
การเดินทางของเธอหลินเวยเป็นคนจัดการ หลินเวยและคุณน้าหยูมีความสัมพันธ์ที่ดี ทั้งสองเป็นตัวการในการติดต่อเธอกับหยูจิ่งห้วน ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ปฏิกิริยาตอบสนองช้าเล็กน้อยเนอะ” หยูจิ่งห้วนพูดแล้วยิ้ม
เห็นเวินจิ้งหน้าตาสะลึมสะลือ ยังอยากจะไปกอดเธอไว้จริงๆ แต่ยังคงควบคุมไว้
“รำคาญ ฉันอยากจะเดินคนเดียว”เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
ความสัมพันธ์ของเธอกับหยูจิ่งห้วน ยังไม่ได้สนิทกับถึงขั้นสามารถไปเที่ยวด้วยกันได้
แถมเธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย
“อืม งั้นผมจะเดินข้างคุณไม่พูดละกัน เป็นคำอำพราง”
เวินจิ้ง……
เธอไม่สามารถมองข้ามเขาได้
เป็นครั้งแรกที่เวินจิ้งมาโรม ที่นี่อบอุ่นกว่าประเทศ F เสื้อโค้ทหนึ่งตัวและผ้าพันคอหนึ่งผืนก็เพียงพอแล้ว
แผ่นหินปูเป็นถนนเล็ก หินสร้างก่อตัวเป็นกำแพง คริสตจักรที่มียอดแหลมถึงเมฆ ตรงไปยังท้องฟ้า
ผู้คนที่เดินรอบๆเปลี่ยนคนตัวเล็กวางไหล่กันและกัน เดินไม่ไกลจากสนาม
ในเวลานี้ถึงเวลากินอาหารเที่ยงของคนโรมเวินจิ้งเลือกกาแฟ มองเมนูอาหาร นั้นเต็มไปด้วยภาษาอิตาลีทำให้เธอหงุดหงิด
เมื่อเทียบกับความสามารถทางการแพทย์แล้วความสามารถทางภาษาต่างประเทศของเธอยังอ่อน
ในเวลานี้ หยูจิ่งห้วนก็ตามเธอเข้ามา ไม่เกรงใจที่จะนั่งต่อหน้าเธอ
“นี้คือcima ก็คือเนื้อวัวม้วน ข้างในใส่ผัก ไข่และก็เนยแข็งแห้ง…”หยูจิ่งห้วนอธิบายเมนูอาหารให้เธอ
ทันใดนั้นเวินจิ้งรู้สึกว่า มีหยูจิ่งห้วนอยู่ข้างๆ ก็ไม่เลว
ไม่อย่างนั้นเธอคงใช้แอปแปลเมนูอาหารก่อนถึงจะได้สั่ง ไม่อย่างนั้นสั่งอะไรมาก่อนแล้วก็พอแล้ว
“ภาษาฝรั่งเศสคุณไม่แย่เลยนะ”เวินจิ้งพูดชม
“ภาษาไม่น้อยในแทบยุโรป ผมสามารถพูดได้อย่างชำนาญ ”หยูจิ่งห้วนยักคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เวินจิ้งยิ้ม บรรยากาศทั้งสองคนอบอุ่นไม่ใช่น้อย
หลังจากอาหารถูกเสิร์ฟ เวินจิ้งพูดไม่น้อย หลังจากออกจากร้านอาหาร ทั้งสองเดินเล่นใกล้ๆอย่างไม่มีจุดหมาย เวินจิ้งชอบการเที่ยวแบบสบายๆอย่างนี้
แค่ไม่นาน เวินจิ้งพบว่าตัวเองเดินแยกกับหยูจิ่งห้วนแล้ว
อาจเป็นตอนเช้าที่เธอบอกว่าต้องการเดินคนเดียว ดังนั้น หยูจิ่งห้วนเลยเดิมตามไม่ใกล้ไม่ไกล เว้นช่องว่างให้เธอมากพอ
แต่ตอนนี้มองไปรอบๆทั้งสี่ด้าน เธอก็ไม่เห็นเขา
เมื่อเธอกำลังจะหาโทรศัพท์ในกระเป๋า กลับพบว่ากระเป๋าถูกกรีดขาดขนาดใหญ่ โทรศัพท์ กระเป๋าเงิน พาสปอร์ต…ไม่เห็นทั้งหมดแล้ว
ยืนอยู่บนถนนคนเดินคนเดียว เธอตกตะลึงไปหมดแล้ว
ต่อไปจะเอายังไงต่อ จะไปสถานีตำรวจเหรอ? หรือจะไปสถานทูตเพื่อขอความช่วยเหลือ?
ตอนนี้เธอถึงได้พบว่าตัวเองไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยสักนิด
ใจกำลังร้อนเป็นไฟอยู่นั้น ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยข้างหู คือหยูจิ่งห้วน!
ในเวลานี้เขาในสายตาเธอคือฟางข้าวที่ช่วยชีวิต
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หยูจิ่งห้วนพึ่งไปซื้อไอศกรีมมาให้เธอ แล้วเอาไอศกรีมสองรสที่ไม่เหมือนกันกลับมา แต่กลับเห็นท่าทางที่รีบร้อนของเวินจิ้ง
“ฉันถูกขโมยกระเป๋าเงิน”เธอพูดอย่างหงุดหงิด
หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้ว ส่งไอศกรีมให้เธอ“เอาก่อนเลย กินได้ทั้งหมด ”
พูดจบ เขาก็เดินไปข้างหน้าก่อน
เวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “ตอนนี้จะไปสถานีตำรวจเหรอ?”
หยูจิ่งห้วนส่ายหัว เพิ่มความเร็วเท้า เขาทั้งเดินทั้งมองไปทั่วทุกทิศ
เธอเดินตามเขาด้วยความงงงวย ตรงมาจนหยุดอยู่หน้าถังขยะ
ผู้ชายเปิดฝาที่สกปรก พับแขนเสื้อขึ้น แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง
เขาไม่ท้อถอย คุ้ยขยะไปเรื่อยๆจนหมดถนนสายนี้ ในที่สุดอันสุดท้ายก็เจอพาสปอร์ตและบัตรเครดิตหลายใบ
“หยิบมา”เขาถอนหายใจ
เวินจิ้งรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ยังคงเป็นหยูจิ่งห้วนที่หาเจอจริงๆด้วย
“ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งพูดอย่างจริงใจ
“ดูเหมือนผมจะเป็นความโชคดีของคุณนะ” หยูจิ่งห้วนยิ้ม
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าอยู่ในถังขยะล่ะ?”เวินจิ้งถามด้วยความสงสัย
“เพราะ…..โจรทางฝั่งยุโรปก็เป็นแต่แบบนี้ ขโมยเงินขโมยเงินสด พวกพาสปอร์ตบัตรเครดิตพวกเขาไม่ใช้ เอาคืนให้คนที่โดนปล้นดีกว่า ทิ้งถังขยะใกล้ๆถือเป็นเรื่องปกติ” หยูจิ่งห้วนยิ้มอย่างลึก “ผมยังรู้จักเพื่อนคนหนึ่ง โจรคนนั้นใจดีมากเอากระเป๋าเขาเอกสารที่ตัวเองใช้ไม่ได้ก็ส่งกลับคืนมาให้เขา”
“น่าสนใจดี”
“ยังมีอีก อย่าถือกระเป๋าแพงๆ นี้ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอว่าคุณมีเงิน?”
หยูจิ่งห้วนมองกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดของเวินจิ้งอย่างขบขัน
จริงๆแล้วเวินจิ้งใช้สินค้าหรูหราน้อยมาก นี่คือหลินเวยให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด พอดีครั้งนี้มาเที่ยวก็เลยใช้
“โอเค ฉันผิดไปแล้ว”เวินจิ้งยอมรับผิดอย่างโดยดี หยูจิ่งห้วนรู้สึกสนุก
ตอนนี้หยูจิ่งห้วนไม่ต้องตามด้านหลังของเวินจิ้งแล้ว แต่ทั้งสองคนเดินเที่ยวรอบกรุงโรมด้วยกัน