บทที่ 629 คนรักใหม่และคนรักเก่า
เวินจิ้งเม้มปากและไม่ได้พูดอะไร
เธออยากพลักประตูลงจากรถ แต่หยูจิ่งห้วนเรียกเธอไว้
“ฉันขอโทษ เรื่องของบริษัทหลินซือกรุ๊ป ฉันช่วยคุณไม่ได้”
เขากลิ้งกระจกรถลง สีหน้าของเขาลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและพูดว่า”คุณพ่อของฉันพาเมียน้อยเข้าไปในบ้านตระกูลตั้งนานมาแล้ว ฉันกับคุณแม่ก็เลิกรากับตระกูลไปนานแล้ว”
เวินจิ้งมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆอย่างตกใจ
“เวินจิ้ง ธุรกิจหลักของตระกูลหยูก็คือบริษัทหลินอานกรุ๊ป แต่ตอนนี้คุณลุงเป็นผู้ดูแล คุณก็รู้แล้วชาไหม” รอยยิ้มของเขาขมขื่น”ฉันก็หวังว่าฉันจะช่วยคุณได้ แต่ฉันไม่ได้กลับไปบ้านตระกูลหยูนานมากแล้ว ก็ไม่คิดจะกลับไปแล้วด้วย”
เวินจิ้งมองหยูจิ่งห้วนที่ดูมืดมนเล็กน้อยในขณะนี้ ราวกับมองคนแปลกหน้า
“ตอนที่ฉันออกจากบ้าน ฉันก็บอกพวกเขาว่า ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลหยู ฉันก็เป็นคนที่ฉันอยากเป็นได้เหมือนกัน”เขาหัวเราะอย่างไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง”หลังจากจบการศึกษาแล้ว ฉันถึงรู้ว่าไม่มีโรงพยาบาลไหนยอมจ้างฉันเลย”
“ตระกูลหยูอยากให้คุณกลับไปเหรอ”
“ไม่ …พวกเขาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นผิด”
“จนถึงการสาธิตการผ่าตัดของฉันที่โรงเรียนได้เปิดเผยออกมา มู่วี่สิงหาเจอฉันและจ้างฉันเข้าไปทำงานในโรงพยาบาลหนานเฉิงเป็นพิเศษ”หยูจิ่งห้วนยิ้ม
เวินจิ้งมองข้างหน้าค่อนข้างโดดเดี่ยวในตอนนี้ และนึกถึงหน้าหัวเราะและมองโลกในแง่ดีของเขาในปกติ มันยากที่จะเอาสองเรื่องนี้ไว้บนในคนเดียวกัน
“เวินจิ้ง ฉันขอโทษจริงๆ ฉันก็หวังว่าฉันจะช่วยคุณได้เหมือนกัน แต่ฉันกับคุณแม่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหยูแล้ว”เขาถอนหายใจหนักๆ
เวินจิ้งพยักหน้า พยายามทำให้น้ำเสียงของเธอฟังอย่างสบาย”ฉันรู้แล้ว คุณก็อย่าไปสนใจนะ ฉันก็แค่ถามเล่นเฉยๆ”
หยูจิ่งห้วนมองเวินจิ้งด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ผ่านไปสักพัก เขาถึงพยักหน้า
ในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มันเป็นสายโทรมาจากบ้านตระกูลโจว
หลังจากที่เวินจิ้งรับสาย ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
อาการของหลินเวยเป็นไปเป็นมา ตอนนี้อยู่ในโรงพยาบาล หยูจิ่งห้วนรีบส่งเวินจิ้งไปโรงพยาบาลทันทีขับรถไปเร็วมาก
เขารู้สึกได้ความกังวลของเธอในขณะนี้ เธอนั่งตัวตรงบทที่นั่งผู้โดยสาร นิ่งโดยขยับตัวเลย แม้แต่ดวงตาก็จ้องมองถนนข้างหน้าโดยไม่กระพริบตา
หยูจิ่งห้วนจับมือเล็กๆของเธอที่ไว้ที่หัวเข่าด้านหลังเขาโดยไม่รู้ตัว
ฝ่ามือเล็กๆเย็นมาก เขาขับช้าลงหน่อย พูดด้วยเสียงต่ำว่า”คุณป้าหลินต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เวินจิ้งไม่พูดสักคำตลอดทาง เมื่อมาถึงที่จอดรถของโรงพยาบาล เธอก็เปิดประตูโดยไม่รอหยูจิ่งห้วน แล้ว
วิ่งไปในลิฟต์โดยตรง
ในคืนที่มืด จอแสดงผลสีแดงบนพื้นลิฟต์แสบมาก เหมือนรอยมือเปื้อนเลือดเล็กๆ ทำให้เวินจิ้งอึดอัดมาก
เมื่อประตูลิฟต์เปิดไว้ สองคนที่อยู่ในลิฟต์ทำให้ก็เวินจิ้งหยุดเดินทันที
หลิงเหยากำลังพูดคุยอะไรกับมู่วี่สิงด้วยรอยยิ้ม ภาพที่มองเห็นได้ก็คือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักของมู่วี่สิง
ที่แท้เขาก็จะมีอารมณ์แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น
ความรักของเขา ไม่เคยเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น
เมื่อพวกเขาสองคนเห็นเวินจิ้งก็ประหลาดใจเบาๆ หลิงเหยายกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและทักทายด้วยรอยยิ้มว่า”เวินจิ้ง บังเอิญจังเลย”
“ขอทางด้วย”ตอนนี้เวินจิ้งไม่มีอารมณ์ที่จะทักทายพวกเขาจริงๆ แค่พยักหน้า
เมื่อพวกเขาออกจากลิฟต์ เธอก็กดปุ่มปิดโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นเงาทั้งสองค่อยๆเดินไกลไป เวินจิ้งก็รู้สึกหมดแรงไปทั้งตัว พิงผนังลิฟต์ทันที
ในลานจอดรถ หยูจิ่งห้วนที่กำลังพยายามวิ่งตามเวินจิ้งก็เห็นทั้งสองคน หยุดเดินและทักทายว่า”คุณหมอมู่คุณหลิง”
มู่วี่สิงพยักหน้าอย่างเย็นชา ไม่แปลกใจที่เห็นหยูจิ่งห้วน
หยูจิ่งห้วนรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ และมีแค่สองคนอยู่ในลานจอดรถขนาดใหญ่
หลิงเหยาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาโดยไม่มีการแสดงออกไดๆของมู่วี่สิง ก็ยิ้มทันที”วี่สิง คนรักใหม่กับคนรักเก่าเจอกัน รู้สึกยังไงบ้าง”
มู่วี่สิงไม่ได้หันกลับมา ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“คนรักใหม่กับคนรักเก่าเหรอ”
“ไม่ใช่เหรอ คุณเป็นคนรักเก่า และหยูจิ่งห้วนคือคนรักใหม่”
มู่วี่สิงไม่ตอบ ถอยรถอย่างเงียบๆ หลิงเหยาคาดเข็มขัดนิรภัยและยังมองไปมู่วี่สิงอยู่”ความสัมพันธ์กับต่างเพศของเวินจิ้งดีตลอด ครั้งนี้แม้แต่พนักงานที่มีความสามารถของคุณก็ยังหลงรักเธอเลย เก่งจริงๆ… “
“จะกลับหนานเฉิงเมื่อไหร่”มู่วี่สิงพูดอย่างเย็นชา ขัดจังหวะหลิงเหยาไป
“ถ้าฉันบอกว่า ฉันจะอยู่ต่อล่ะ”หลิงเหยาเลิกคิ้ว
“ตามใจ”มู่วี่แสดงออกเหมือนเดิม
..
เวินจิ้งไม่ฟังคำชักชวนของใครทั้งนั้น และอยู่ในโรงพยาบาลทั้งคืน
จนถึงใกล้จะรุ่งสางหลินเวยถึงฟื้นตัว
ในตอนนี้สีหน้าของหลินเวยแย่มาก เธอเป็นลมหลายครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่เธอก็ต้องฝืนตัวไปทำงานที่บริษัท
โจวเซิ่งกำลังดูแลหลินเวยอยู่ จากนั้นเวินจิ้งค่อยออกจากห้องผู้ป่วย แต่ไม่คิดว่าจะเห็นหยูจิ่งห้วนนั่งอยู่ที่ม้านั่งยาวอยู่ข้างนอก
เขาก็ไม่ได้นอนทั้งคืเหมือนกัน สีหน้าไม่ค่อยดี แต่เขายืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นเธอ”คุณป้าหลินเป็นยังไงบ้าง”
รอยยิ้มของหยูจิ่งห้วนอบอุ่นเสมอ แต่คราวนี้แม้ว่าเขาแค่มองเธอเบาๆ แต่คิ้วของเขาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งหยุดเดิน คิดว่าเขาเฝ้าเธออยู่หน้าห้องอย่างเงียบๆมาทั้งคืน ความวิตกกังวลและไร้เรี่ยวแรงก็สงบลงไปบ้างสักที
“ไปกันเถอะ ฉันจะส่งคุณกลับบ้าน”เขาเดินเข้ามาโอบไหล่เวินจิ้งแล้วพูดเบาๆว่า”ไปอาบน้ำก่อนค่อยไปทำงานนะ”
เวินจิ้งไม่ได้ขยับตัว แค่หันหัวมามองไปที่ห้องผู้ป่วย จะถูกเขาพาตัวไปแล้ว
การจราจรในตอนเช้าไม่ได้ติดมาก หยูจิ่งห้วนขับรถไปและค่อยๆพูดว่า”บริษัทหลินซือกรุ๊ปมีช่องว่างในการระดมทุนมากใช่หรือเปล่า ฉันจะช่วยคุณหาทางแก้ไขนะ”
เวินจิ้งยิ้มอย่างขมขื่น มาถึงจุดนี้แล้ว จริงๆแล้วสำหรับบริษัทหลินซือกรุ๊ป เธอไม่ได้กังวลกับช่องว่างการระดมทุนมากนักแล้ว เธอแค่แอบกลัวว่าหลักฐานที่คุณแม่ทำผิดกฎหมายจะถูกเปิดเผยสักวันหนึ่ง
“จิ่งห้วน ฉันกลัวมาก “เมื่อคำพูดเหล่านี้โพล่งออกมา เวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นเบาๆแล้วพิงเบาะ”ทั้งๆที่ฉันรู้ว่าคนที่ทำเรื่องพวกนี้อยู่เบื้องหลังคือใคร แต่ฉันไม่อยากยอมแพ้ ไม่ยอมไปขอร้องเขา”
โจวเซิน
หลายวันนี้เธอคิดมานานมาก ถ้าเป้าหมายสุดท้ายของโจวเซินคือเธอ งั้นเธอก็เหตุที่ทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นที่แท้จริง
หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้ว หันหัวมองเวินจิ้งอย่างกระตือรือร้น”คุณพูดอะไรอยู่”
เวินจิ้งแค่เม้มปากยิ้มและส่ายหัวอย่างสับสน
กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เวินจิ้งอาบน้ำเสร็จ แต่ไม่มีความง่วงเลย
ในที่สุด เธอก็ทนไม่ไหวที่จะกดโทรหาโจวเซินที่ข้ามประเทศ
แต่ดูเหมือนว่าเธอจะลืมอาการเจ็ตแล็กไป เพราะฉะนั้นไม่มีคนรับสายตั้งนาน
โจวเซินโทรกลับมาเมื่อสายถูกขัดจังหวะ
เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดปุ่มรับสายช้าๆ