บทที่ 631 คุณต้องการผม
เวินจิ้งตาเบิกกว้างด้วยความมึนงง เมื่อรู้สึกตัวอีกที ลมหายใจแผ่วๆของมู่วี่สิงก็รินรดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ
ช่างเป็นการจูบที่ดุเดือดเผ็ดร้อน เป็นการจูบที่ทำให้เธอจนมุมจนหนีไปไหนไม่ได้
เบื้องหน้าคือใบหน้าอันหล่อเหลาเอาการของเขา เมื่อเวินจิ้งดึงสติกลับคืนมาได้ ก็รีบผลักตัวเขาให้ออกไปในทันที
เพียงแต่ว่าแรงเธอจะสู้แรงมู่วี่สิงไม่ได้ จวบจนมีเสียงแตรดังขึ้นเป็นระยะๆ ดังกระแทกเข้ามาในหูจนทำให้รู้สึกรำคาญ
“มู่วี่สิง คุณบ้าไปแล้ว!” เวินจิ้งจ้องเขม็งเขาด้วยความโกรธ
หน้าตาผู้ชายที่บึ้งตึง สีหน้าบูดบึ้งจ้องเธออย่างถมึงทึง
เขาช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภัย พูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับว่า “นั่งดีๆ”
“ฉันจะลงจากรถ” เวินจิ้งที่กำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัย แต่มู่วี่สิงได้เหยียบคันเร่งอย่างไว บังคับรถยนต์ให้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ที่พักฉันไม่ได้อยู่ทางนี้!” เห็นทิศทางที่มู่วี่สิงขับรถมุ่งไปสู่ไม่ใช่ทางไปคฤหาสน์โจว เวินจิ้งซึ่งมองไปทางเขา
มู่วี่สิงกลับนิ่งเงียบไร้เสียงพูด จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถได้หยุดลงที่คอนโดแห่งหนึ่ง
มู่วี่สิงได้เปิดประตูรถแล้ว แต่เวินจิ้งยังคงนั่งนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เธอเดาว่าที่นี่น่าจะเป็นคอนโดของมู่วี่สิง แต่เขาพาเธอมาที่นี่ทำไม
หลิงเหยาก็คงพักอยู่ที่นี่สินะ
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เวินจิ้งก็ยิ่งนั่งนิ่งยิ่งไร้การเคลื่อนไหว
มู่วี่สิงที่หมดความอดทน ได้เปิดประตูรถข้างคนขับแล้วลากเวินจิ้งให้ลงจากรถ
“อยากให้ผมอุ้มใช่ไหม” ท่าทางเขาที่หรี่นัยน์ตาลงดูน่ากลัวดุจสามารถกระชากวิญญาณได้ ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม
“หรือว่าคุณหลิงไม่อยู่” เวินจิ้งถามประชดขึ้น
“วางใจได้ เธอไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่นี่” มู่วี่สิงเผยอริมฝีปากที่บางเบายิ้มขึ้นเล็กน้อย
แต่รอยยิ้มเช่นนี้แลดูน่ากลัวในสายตาของเวินจิ้ง
“ฉันจะเรียกรถกลับบ้าน” เวินจิ้งหันหลังเพื่อที่จะกลับ
แต่มู่วี่สิงดูเหมือนจะรู้ถึงเจตนารมณ์ของเธอตั้งแต่แรก จึงได้จับข้อมือเธอไว้เบาๆ แล้วอุ้มเธอขึ้นในเวลาต่อมา
ความหนาวเย็นได้ลอดผ่านทางข้อท้าวเข้าสู่ร่างกาย เย็นจนเวินจิ้งถึงกับตัวสั่นเทาจนกอดมู่วี่สิงไว้
“อย่าดิ้น” คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความหมายของการเตือน
เวินจิ้งไม่ได้ดิ้นแต่อย่างใด เพียงแต่มีอาการเจ็บที่หัวเข่า คงจะเจ็บจากแผลที่ล้มเมื่อสักครู่
คอนโดของมู่วี่สิงอยู่ชั้นบนสุด มีการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่หรูหรา
เขาวางเธอลงที่โซฟา เวินจิ้งจึงรีบคว้าหมอนที่อยู่ข้างๆมาอุ้มไว้
ดูเหมือนทำเช่นนี้แล้วจะรู้สึกปลอดภัยกว่า
มู่วี่สิงที่ดูการกระทำของเธอ อารมณ์สีหน้าของเขาได้ประชดประชันความดื้อรั้นของเธอออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“คุณพาฉันขึ้นมาทำไม” เวินจิ้งถามขึ้นพึมพำ
ชายหญิงอยู่กันลำพังสองต่อสอง…..อีกทั้งเขาทั้งสองยังเคยเป็นสามีภรรยาที่หย่าร้างกันมาก่อน
“ทายา”
สิ้นประโยค มู่วี่สิงได้เดินมาหาพร้อมกับกล่องยา
เวินจิ้งทำการขดขาของเธอขึ้น แต่มู่วี่สิงได้ดึงขาของเธอไว้
อุณหภูมิที่หนาวเย็นจึงแผ่กระจายสู่เท้าเธอ ทำให้เวินจิ้งตัวสั่น
มองดูการกระทำของมู่วี่สิง แก้มเวินจิ้งก็ค่อยๆแดงระเรื่อขึ้น
“เดี๋ยวฉันทาเองก็ได้ค่ะ”
เธอที่จะหยิบสำลี แต่ก็ถูกมู่วี่สิงปัดมือทิ้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเชิงบังคับว่า “ถ้าขยับอีกผมจะมัดตัวคุณเอาไว้”
เวินจิ้ง : ……
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร นึกอยากทำอะไรกับฉันอย่างไรก็ได้” เวินจิ้งกล่าวอย่างไม่พอใจ
เธอเกลียดท่าทางของมู่วี่สิงที่ดูเหมือนอยากจะกลืนกินเธอลงไปทั้งตัวให้ได้
“จิ้งจิ้ง คุณรู้สึกผมไม่มีความสามารถพอใช่ไหม” มู่วี่สิงเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นถึงดวงตาคมกริบ
อารมณ์ที่ซับซ้อนในดวงตาของเขา เวินจิ้งไม่อาจเข้าใจได้
“ฉันไม่ทราบว่าคุณพูดเรื่องอะไร” เธอเบือนหน้าหนี
“สถานการณ์ของบริษัทหลินซื่อตอนนี้เป็นที่โจษจันกันทั่วบ้านทั่วเมือง หลินเวยได้ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาล บริษัทตระกูลโจวก็ถูกโจวเซินควบคุม ไม่มีทางที่จะให้ความช่วยเหลือได้ แค่เธอคนเดียวจะสามารถประคองบริษัทหลินซื่อได้หรือ” แต่ละคำของมู่วี่สิงได้สะกิดเข้าก้นบึ้งหัวใจของเวินจิ้ง
เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว คิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงจะรู้เรื่องราวอย่างละเอียดได้เพียงนี้
“คุณต้องการผม จิ้งจิ้ง แค่ยอมรับมันยากมากขนาดนั้นหรือ” เขาช่วยเธอล้างแผลแล้วติดยาปิดแผลให้ จากนั้นเขาก็เหยียดลำตัวยาวเข้าไปใกล้เวินจิ้งแล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
เธอปิดตาลงพร้อมกำหมัดแน่นด้วยความสั่นเทา
“ฉันไม่ต้องการคุณ” เวินจิ้งพูดประโยคนี้ออกมาเบาๆ แล้วบังคับตัวเองให้เบือนหน้าหนี
เธอจะไม่ขอความช่วยเหลือจากมู่วี่สิงเด็ดขาด
“คุณติดค้างบุญคุณผมตั้งแต่ตอนที่อยู่ยุโรปแล้วไม่ใช่หรือ”
เวินจิ้งค่อยๆเงยหน้าขึ้น น้ำตาคลอเบ้า
ใช่สิ ถ้าไม่มีมู่วี่สิงเธอยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับประเทศเมื่อไร
เป็นเขาเองที่จัดเตรียมเครื่องบินให้เธอ
“เพราะอย่างนั้น ฉันจึงไม่อยากที่จะติดค้างอะไรคุณอีก”
“พวกเราสามารถเจรจาตกลงเงื่อนไขกันได้” มู่วี่สิงที่ค่อยๆผลักเบาๆแล้วนั่งยืดตัวตรง
บรรยากาศที่อึมครึมเริ่มผ่อนคลายลง แต่เวินจิ้งกลับไม่รู้สึกถึงความโล่งอกโล่งใจแต่อย่างใด
เธอครุ่นคิด สถานการณ์ตอนนี้ถ้าได้ความช่วยเหลือจากมู่วี่สิง บริษัทหลินซื่ออาจมีโอกาสพลิกผัน
ตอนนี้อำนาจของโจวเซินกำลังแผ่ขยายขึ้น มีน้อยคนนักที่จะสามารถต้านทานเขาได้ สำหรับมู่วี่สิงนั้นเขามีความสามารถพอที่จะต่อต้านกับเขาได้ ข้อนี้เวินจิ้งทราบดี
“คุณต้องการอะไร” เธอถามพึมพำขึ้น
เธอรู้สึกว่าตัวเธอตอนนี้ไม่มีปัญญาที่จะสามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขใดๆกับมู่วี่สิงได้
“สิ่งที่ผมต้องการคุณก็ทราบมาตลอดมิใช่หรือ” แววตาของเขาขณะนี้ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นความปรารถนาที่อยากเป็นเจ้าข้าเจ้าของในตัวเธอ
เขาต้องการเธอ
นี่คือสิ่งที่เวินจิ้งอ่านได้จากแววตามู่วี่สิงในขณะนี้
เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว แม้แต่ใบหน้าก็ขาวจนซีดด้วยความตกใจ
“ไม่ ——” เธอลุกขึ้นฉับพลัน ด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนก
ทำไมถึง……
“มู่วี่สิง ข้างกายคุณก็มีหลิงเหยาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ อีกทั้งพวกคุณมีลูกด้วยกันหนึ่งคน คุณต้องการให้ฉันไปเป็นมือที่สามหรืออย่างไร” น้ำเสียงเวินจิ้งที่เยือกเย็นและหวาดกลัว
เธอรู้สึกว่ามู่วี่สิงนั้นบ้าไปแล้ว…..เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
เพียงแต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ต่อให้ฟ้าทลายถล่มลงมา ท่าทีของเขายังคงสงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านใดๆ
สิ่งที่เธอหวังในตอนนี้ ก็คือขอให้เธอนั้นแค่เข้าใจผิดไป
ได้ยินดังนั้นแล้ว มู่วี่สิงค่อยๆขมวดคิ้ว ลูกรึ
เขาเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก แล้วมองดูเวินจิ้ง “คุณไม่พอใจหรือ”
“ใช่ ฉันไม่พอใจ!” เมื่อเวินจิ้งพูดจบประโยคก็พลางหมุนตัวไปบิดประตู
เธอไม่ต้องการที่จะอยู่ร่วมพื้นที่เดียวกันกับคนบ้าอย่างมู่วี่สิงอีก!
มู่วี่สิงส่งสายตาลึกล้ำจ้องไปที่เรือนร่างของเธอ และไม่ได้ห้ามเธอแต่อย่างใด
ลูก…..
เขาหัวเราะขึ้นเบาๆ
เมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์ เวินจิ้งยืนพิงติดผนัง แทบจะไม่สามารถยืนให้ตรงได้
เธอไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับมู่วี่สิงอีกต่อไป
เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เวินจิ้งก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว โดยเธอไม่ทันระวังว่ามีชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ไม่ไกล และแล้วเธอนั้นก็ชนเข้าที่ทรวงอกของชายผู้นั้นเต็มๆ
“ขอโทษค่ะ” เธอที่ก้มหน้าตลอด ไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นใคร
แต่เธอไม่สามารถผลักชายคนนั้นออกได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับหน้าตาอันหล่อเหลาของหยูจิ่งห้วนเธอถึงกับตะลึงงัน
ดวงตาเธอที่แดงก่ำ แม้แต่เสื้อผ้าก็ปนเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่น ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิง เป็นอะไรที่น่าอายจริงๆ
และภาพเหล่านี้ก็ถูกหยูจิ่งห้วนเห็นเข้าหมดแล้ว
“คุณ…..คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…..” เวินจิ้งถามด้วยความสับสน
“ผมมาหาคุณหมอมู่เพื่อคุยเรื่องงาน” หยูจิ่งห้วนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าจะมาเห็นเวินจิ้งวิ่งออกมา
เห็นได้ชัดเจนว่าเธอนั้นวิ่งออกมาจากคอนโดของมู่วี่สิง
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้แล้ว เขาควรที่จะโกรธ
แต่เมื่อเห็นเธอที่ตะลีตะลานว้าวุ่นใจ ความโกรธทั้งหมดก็ได้มลายหายไปในทันที