บทที่633 เขารู้ดี
สองวันมานี้เวินจิ้งก็อยู่แต่ที่บริษัทหลินซื่อ ยามง่วงก็พักงีบที่ห้องรับรอง เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเคลียร์เอกสารต่างๆ
จนกระทั่งวันที่สาม เวินจิ้งได้รับโทรศัพท์จากหยูจิ่งห้วน
“เวินจิ้ง ขอโทษนะที่ช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการผ่าตัดคนไข้ ไม่มีเวลาติดต่อมาหาคุณ” น้ำเสียงหยูจิ่งห้วนที่แหบและเหนื่อยล้า
“ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งมากเช่นกัน” เวินจิ้งหลับตาลง แต่สมองกลับวนเวียนไปด้วยตัวอักษรและข้อมูลต่างๆ
ฉับพลันนั้นรู้สึกได้ว่าการรับมือกับผู้ป่วยเป็นอะไรที่ง่ายกว่าเยอะเลย
“เกิดอะไรขึ้น”
“พักนี้ฉันอยู่แต่บริษัทหลินซื่อเพื่อจัดการงานต่างๆค่ะ”
เสียงจากฝั่งหยูจิ่งห้วน ได้หยุดชะงัก ดูเหมือนจะเปลี่ยนสถานที่
“ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องเงิน ผมสามารถช่วยเหลือ…..”
“จิ่งห้วน ฉันรบกวนคุณมามากพอแล้ว ไม่เป็นไรจริงๆ” เวินจิ้งได้ขัดคำพูดของหยูจิ่งห้วนขึ้น
“ผมถูกส่งไปต่างประเทศสักระยะเวลาหนึ่ง” น้ำเสียงหยูจิ่งห้วน ที่ค่อนข้างหดหู่
ได้ยินดังนั้น อารมณ์เวินจิ้งค่อนข้างจะเงียบสงบ
ก็ดีเหมือนกันเพราะช่วงนี้เธอก็ไม่มีเวลานัดเจอเขาเช่นกัน
อีกทั้งตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าหยูจิ่งห้วน ได้อย่างไร
เธอไม่รู้ว่าจะสานต่ออย่างไรดีกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ เธอคิดว่าเธอจะสามารถทรยศความรู้สึกตัวเองให้พยายามไปชอบเขา เธอคิดว่าเธอจะสามารถทำได้
แต่เมื่อใดที่มู่วี่สิงปรากฏกายต่อหน้าเธอ เธอถึงรู้ได้อย่างชัดเจนว่าผู้ชายที่ทำให้เธอกระวนกระวายใจได้นั้นมีเพียงแต่มู่วี่สิงผู้เดียวมาตลอด
“อย่างนั้นรอผมกลับมาแล้วเราค่อยคุยกันนะ”
“ผมอาจต้องไปหลายเดือน ผมไปเขตขั้วโลกเหนือน่ะ”
“ไกลจัง” เวินจิ้งประหลาดใจ
“ใช่ครับ ผมไม่อยากจากคุณไปเลย” หยูจิ่งห้วนพึมพำ
“จิ่งห้วน พวกเราเลิกกันเถอะ” เวินจิ้งพูดอย่างใจแข็ง
“ไม่ ผมไม่เลิก! เวินจิ้งผมจะไม่เลิกเด็ดขาด! คุณรอผมกลับมานะ!” น้ำเสียงหยูจิ่งห้วนที่ค่อนข้างจะตีโพยตีพาย
เวินจิ้งเม้มปาก “ได้ ฉันจะรอคุณกลับมา”
เมื่อวางสายลง หยูจิ่งห้วนได้ออกจากห้องตรวจโรค และตรงไปที่ห้องสำนักที่อยู่ชั้นบน
แต่ว่ามู่วี่สิงวันนี้ติดภารกิจผ่าตัด ดังนั้นเขาจึงต้องรออยู่สักพักถึงจะได้เจอกับเขา
“ผมไม่ไปเขตขั้วโลกเหนือแล้ว”
ได้ยินดังนั้นสีหน้ามู่วี่สิงก็ยังคงเฉยเมยเช่นเคยตั้งแต่ไหนแต่ไรมา “คุณไม่ไป อย่างนั้นการวิจัยและพัฒนานี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ คุณต้องทราบว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่มีความสามารถพอและเพียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์”
“จิ่งห้วน การวิจัยและพัฒนานี้คุณเป็นคนรับปากที่จะทำเองตั้งแต่แรก” มู่วี่สิงเตือนสติเขา
หยูจิ่งห้วนที่หน้าตาเคร่งเครียด หยุดพูดไปชั่วขณะ
มู่วี่สิงพูดถูก
ถ้าหากเขาไม่ไปเขตขั้วโลกเหนือ การวิจัยและพัฒนานี้ก็คงต้องหยุดชะงัก
อย่างนั้นสิ่งที่โรงพยาบาลทุ่มเทและบริษัทที่ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ก็คงได้รับความเสียหาย แล้วใครเล่าจะเป็นผู้แบกรับความรับผิดชอบนี้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ดังนั้นเขาไม่ไปไม่ได้
เพียงแต่เวลานี้ เขาคิดว่ามันเร็วเกินไป
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ” หยูจิ่งห้วนกุมขมับด้วยความหงุดหงิด
“หรือบางที ถ้าคุณจะลาออก” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่มีทาง” หยูจิ่งห้วนพูดอย่างหนักแน่น
เขาเคยสาบานต่อหน้าครอบครัวตระกูลหยูว่า เขาจะอยู่ที่โรงพยาบาลหนานเฉิงพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาก็เป็นหมอที่มีความสามารถ
ตอนนี้ความสำเร็จยังไม่เกิดก็คิดจะท้อถอย เหมือนเป็นการตบหน้าตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“ผมทราบแล้วครับ”
มู่วี่สิงมองดูหยูจิ่งห้วนจากไป คิ้วค่อยๆขมวดขึ้น ความพะวงในแววตาค่อยๆจางหายไป
ตรงหน้าคือเอกสารที่ตรวจสอบเกี่ยวกับบริษัทหลินซื่อ สายตาของเขาจดจ่อไปที่รายชื่อของโจวเซิน จ้องอยู่นานโดยไม่ได้ละสายตา
ตอนพลบค่ำขณะที่เวินจิ้งเพิ่งทำการประชุมเสร็จ เธอถึงกับวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย
ถ้าหากไม่มีหซู่เฟินอยู่เคียงข้าง เธอคงไม่มีทางที่จะจัดการเรื่องต่างๆให้ดีได้
“คุณเวินคะ คุณแค่ขาดประสบการณ์ ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ค่อยเป็นค่อยไปแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเองค่ะ “หซู่เฟินพูดปลอบประโลม
อันที่จริงประสิทธิภาพที่เวินจิ้งได้แสดงออกมาดีเกินกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก อย่างน้อยๆก็มีการจัดการเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็วมีปฏิญาณไหวพริบและมีความคิดเป็นของตัวเอง
“ก็เพราะมีผู้จัดการหซู่อย่างคุณคอยแนะนำไงคะ ไม่เช่นนั้นฉันคงต้องมือไม้อ่อนทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลยค่ะ” เวินจิ้งยิ้ม
“วันนี้คุณรีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะค่ะ ช่วงนี้ทุกคนต่างทำงานหนักมามากแล้ว”
“อืม ฉันดูเอกสารเหล่านี้เสร็จแล้วก็จะกลับ” เวินจิ้งหยิบแฟ้มงานที่อยู่ตรงหน้าขึ้น
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสี่ทุ่มกว่าเวินจิ้งถึงได้ออกจากที่นี่ไป นี่เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่เธอก้าวออกมาจากบริษัทหลินซื่อ อากาศเริ่มร้อนขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว เป็นอากาศที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อเล็กน้อย
ท้องเริ่มร้องเรียกหาอาหาร แต่เธอไม่อยากขับรถ จึงได้เดินไปที่ร้านอาหารที่เธอมักจะไปทานประจำ
แต่ว่าแค่เดินถึงระเบียงทางเดิน ก็มีร่างที่คุ้นเคยสองคนกำลังเดินตรงมา
ดูเหมือนเท้าของเธอจะหยุดชะงัก ก้าวไม่ออก
“คุณเวิน” ไป๋ซียังจำเวินจิ้งได้ จึงได้ทักทายกับเธอขึ้น
ใบหน้าเวินจิ้งที่ไม่มีรอยยิ้มใดๆ แค่พยักหน้ารับเบาๆ
สายตาของมู่วี่สิงจ้องมองมาที่เธออย่างมิอาจปิดบังได้ เมื่อเดินผ่านเวินจิ้งจึงถามขึ้นทันทีว่า “ทานข้าวคนเดียวหรือ”
“ใช่ค่ะ”
เวินจิ้งรีบเดินเข้าร้านอาหารไปหลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ
สายตามู่วี่สิงยังคงจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา เมื่อเดินออกมาจากร้านอาหาร มู่วี่สิงได้สั่งคนขับรถให้ส่งคุณไป๋ซีกลับไปก่อน
“คุณมู่ คุณมีธุระหรือ”
“ครับ” มู่วี่สิงพยักหน้าเบาๆ
แต่ไป๋ซีอ่านออกความรู้สึกลึกๆบางอย่างจากแววตาของเขาได้
เธอหันกลับไปมองร้านอาหารอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เวินจิ้งออกจากร้านอาหารหลังทานอาหารเสร็จ
รูปร่างสูงยาวที่อยู่หน้าประตูได้สะดุดเข้ามาในดวงตา
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงยาวสีดำ ลักษณะผู้ดีท่าทีที่สง่า ดึงดูดสายตาจากผู้คนให้เหลียวมองโดยอัตโนมัติ
เมื่อเขาเหลียวหันมา เวินจิ้งก็รีบดึงสายตากลับแล้วเดินไปทางอื่นแทน
แต่ว่ามู่วี่สิงกลับเดินติดอยู่ข้างๆเธอ แทบจะไม่มีช่วงระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคน
“คุณตามฉันมาทำไม” เธอหยุดเดินด้วยความไม่พอใจ
“ผมก็จะเดินไปทางนี้เช่นกัน” มู่วี่สิงพูดขึ้น
เวินจิ้งไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
เมื่อสักครู่ไป๋ซีไม่ใช่อยู่กับเขาหรือ
ไปไหนเสียแล้วตอนนี้
“เธอกลับไปแล้ว” มู่วี่สิงที่ดูเหมือนจะรู้ทันความคิดเธอ
“ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” เวินจิ้งพูดอย่างปากไม่ตรงกับใจ
“ใช่หรือ” มู่วี่สิงเผยอริมฝีปากขึ้น
“สาวข้างคุณนี่ไม่น้อยเลยจริงๆ” คำพูดเวินจิ้งพกความโกรธนิดๆ
เมื่อสักครู่ตอนทานข้าวอยู่ในสมองก็คิดฟุ้งซ่านความสัมพันธ์ระหว่างมู่วี่สิงกับไป๋ซี
มีเพียงพวกเขาแค่สองคน และไป๋ซีคงไม่ใช่ลูกน้องของมู่วี่สิง หรือว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคือความสัมพันธ์แบบนั้นที่ไม่อาจจะอธิบายได้
ด้วยมู่วี่สิงมีหน้าการงานที่ดี ข้างกายเขาจึงมักมีผู้หญิงรายล้อมตลอดเวลา
เพียงแต่ เขากับหลิงเหยา…..
“คุณกำลังหึงหรือ” มู่วี่สิงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณคิดมากไปแล้วค่ะ” เวินจิ้งโต้กลับทันใด
“คุณอยากทราบอะไร ถามผมได้เลยนะ” ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงคืนนี้จะใจดีเป็นพิเศษ
ทั้งสองคนเดินไปอย่างช้าๆราวกับว่ากำลังเดินเล่นกัน
แต่เวินจิ้งกลับรู้สึกว่าเขาเดินชิดเกินจนแม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะแคบลงราวกับว่าต้องแย่งกันสูด
“ฉันไม่มีอะไรที่อยากถาม รบกวนคุณมู่ได้โปรดอย่าเดินตามฉันอีก”
เห็นว่ากำลังจะเดินถึงคอนโดตัวเอง เวินจิ้งที่ไม่อยากชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้านอีก
“จิ้งจิ้ง ผมเคยให้โอกาสคุณ” มู่วี่สิงทิ้งประโยคสุดฉงนใจ ทำให้เธอถึงกับชะงักเดิน