บทที่ 647 รู้ดีว่าเขาคิดจะทำอะไร
มู่วี่สิงวางผักกาดขาวลงบนรถเข็นที่มีของมากมายกองอยู่เต็ม จากนั้นก็เหลือบมองเวินจิ้ง แล้วพูดยิ้มๆว่า “จิ้งจิ้ง ทางที่ดีคุณอย่าทำให้ผมอารมณ์เสียเลยน่า”
เวินจิ้งกัดริมฝีปาก มองเขาที่กำลังเลือกซื้อของที่ไม่จำเป็นอย่าง “อารมณ์ดีถึงขั้นสุด” อย่างเงียบๆ
เครื่องคิดเงินเปิดใช้งานแค่เครื่องเดียว มีพนักงานและผู้ชายคนเมื่อครู่ที่ท่าทางเหมือนจะเป็นผู้จัดการยืนรออยู่อย่างนอบน้อม เมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินมา จึงเอ่ยพูดเชิงขอโทษขึ้นมา “อาจจะต้องเสียเวลาพวกคุณสักหน่อยนะครับ ของพวกนี้ต้องแสกนบาร์โค๊ด ไม่อย่างนั้นตัวเลขมันจะไม่ตรงกับสต๊อก”
มู่วี่สิงยิ้มอย่างเป็นมิตร “ยังไงก็ต้องจ่ายเงินอยู่แล้วนี่”
พนักงานรีบรับรถเข็นมา จากนั้นก็ทำการแสกนบาร์โค๊ด เสียงติ๊ดๆจากเครื่องคิดเงินดังขึ้นมาในบรรยากาศโล่งๆจนเกิดเสียงดังชัดเจน สุดท้ายหน้าจอก็แสดงจำนวนตัวเลขสรุปยอด
ในตอนที่มู่วี่สิงกำลังจะหยิบกระเป๋าเงินออกมา ก็พบว่ากระเป๋าเงินอยู่กับเกาเชียน ไม่ได้อยู่กับตัวเอง
เขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันหน้าไปหาเวินจิ้ง “พกเงินมาด้วยไหม?”
“ไม่” เวินจิ้งตอบในทันที หลังจากพูดจบถึงได้รู้สึกแปลกๆ ทำไมรู้สึกเหมือนทั้งสองมาซื้อของแล้วไม่มีเงินจ่ายเลย……
พนักงานวัยรุ่นหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
“คุณมู่ ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ของพวกนี้แค่เช็คยอดเอาก็ได้” ผู้จัดการรีบพูดเพื่อทำลายความกระอักกระอ่วนในครั้งนี้ “ผมไปส่งพวกคุณดีกว่าครับ”
สุดท้ายก็ต้องบันทึกลงในบัญชี มู่วี่สิงเข็นรถเข็นมาถึงลานจอดรถ จากนั้นก็ขนย้ายของไปใส่ไว้ในรถ แล้วก็กลับไปที่คอนโด
เพราะคอนโดของมู่วี่สิงมีคนมาดูแลอยู่ตลอด ดังนั้นเลยไม่มีฝุ่นเหรอ
แต่ว่าในตอนที่นำสิ่งของที่เอามาจากหมู่บ้านกับของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาวางไว้ในครัว ก็ค่อนข้างจะเกะกะ
ในเมื่อมู่วี่สิงอยากกินอาหารที่เธอทำ เวินจิ้งจึงไม่ได้พูดขัดอะไร ก็แค่ตอกไข่พร้อมทั้งตีไข่ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่น จากนั้นก็หั่นหมูตากแห้งที่ผ่านการต้มมาแล้วเพื่อตุ๋นกับข้าวสวย เมื่อมองเวลาก็พบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มพอดี
เธอไม่มีอารมณ์จะทำอาหารมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่ทำให้มันผ่านๆไปพอเป็นพิธี
“ไข่ตุ๋น? เนื้อตากแห้ง?” เสียงของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังดังขึ้นมา “จิ้งจิ้ง คุณคิดจะให้ผมแค่ส่งๆพอใช่ไหม?”
เวินจิ้งไม่สนใจเขา นั่งยองๆลงบนพื้นเพื่อเก็บเศษอาหาร แต่ทันใดนั้นก็ถูกเขารวบเอวกระชากลุกขึ้นมา เธอถูกเขากอดเอาไว้จากด้านหลัง จากนั้นสัมผัสเย็นๆก็ประทับลงบนหลังคอของเธอ
ไข่ตุ๋นสุกจนไอน้ำดันฝาหม้อ เวินจิ้งรีบดิ้นออกจากมู่วี่สิงเพื่อไปเปิดฝาหม้อออก
ชายหนุ่มด้านหลังหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นก็จับเอาเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง เสียงแหบพร่าที่แฝงไปด้วยความรักใคร่ดังขึ้นมา “ช่างมันเถอะน่า”
เขากอดเธอไว้แน่น เวินจิ้งจึงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่กำลังเปลี่ยนไปของมู่วี่สิงได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้…..สำหรับมู่วี่สิงแล้ว การกินข้าวดูเหมือนจะไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เธอรู้ดีว่าเขาคิดจะทำอะไร
มือของเขาสอดเข้ามาแล้ว ร่างกายของเวินจิ้งสั่นระริกขึ้นมาในทันที เธอช้อนตาขึ้นไปมองเขาอย่างเรียบนิ่ง “มู่วี่สิง คุณทำอย่างนี้แล้วมีความสุขเหรอ? หลิงเหยามีลูกกับคุณแล้วไม่ใช่หรือไง? คุณไม่…..ไม่รู้สึกผิดต่อคนในครอบครัวของตัวเองแม้สักนิดเลยเหรอ?”
จิตใต้สำนึกของเวินจิ้งมันบอกว่า หลิงเหยากับมู่วี่สิง แล้วก็เด็กคนนั้น เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว
ได้ยินดังนั้น การกระทำของมู่วี่สิงก็หยุดชะงักลง เสียงเดือดของไอน้ำยังคงดังอยู่อย่างนั้น แถมยังดังขึ้นเรื่อยๆด้วย
เวินจิ้งถือโอกาสในช่วงที่เขากำลังนิ่งไป รีบผลักเขาออก แล้วไปปิดไฟ เธอมองไปที่เขาอย่างประชดประชัน “อาหารเสร็จแล้ว ตอนนี้คุณอยากกินให้อิ่มท้องหรืออยากไปทำเรื่องแบบนั้นก่อนล่ะ ฉันได้หมด”
ส่วนสูงของเขาสูงกว่าเธอราวครึ่งตัว ดังนั้นสายตาของเขาจึงทอดมองลงมาที่เธออย่างอึมครึม ใบหน้าหล่อเหลาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
เวินจิ้งไม่รอคำตอบของเขา ทำเพียงแค่ยิ้มเยาะออกมา แล้วก็พูดขึ้นต่อว่า “ถ้าจะกินข้าวฉันจะไปจัดจาน แต่ถ้าจะทำเรื่องแบบนั้น……ฉันจะไปอาบน้ำรอ”
ในดวงตาดำมืดของชายหนุ่มเริ่มมีพายุเกาะกลุ่มขึ้นมา แต่กระนั้นเวินจิ้งก็ยังคงยิ้มออกมา มากไปกว่านั้น เมื่อเห็นว่ามู่วี่สิงเหมือนจะโกรธ เธอก็ยิ่งรู้สึกสะใจแปลกๆ
ผ่านไปนาน ในที่สุดเวินจิ้งก็ได้ยินคำตอบแสนเรียบนิ่งของเขาว่า “ผมเลือกอย่างหลัง”
“เอาสิ” เวินจิ้งยิ้มออกมาจางๆ จากนั้นก็หันหลังไปเปิดฝาหม้อ เธอหยิบถ้วยไข่ตุ๋นออกมา ไม่รู้สึกร้อนมือเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ทิ้งถ้วยลงในซิงค์ล้างจาน “ไปกัน”
ถ้วยราคาแพงตกลงในซิงค์จนเกิดเสียงดังเพล้ง เวินจิ้งไม่ได้สนใจ เดินผ่านช่องว่างระหว่างเขากับตู้ออกไป มุ่งตรงไปยังห้องนอน
ห้องครัวเป็นแบบเปิดโล่ง เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงห้องโถงรับแขกแล้ว มู่วี่สิงเดินตามเธอมา แล้วจับกุมข้อมือของเธอเอาไว้ พร้อมพูดเสียงหนักว่า “รอเดี๋ยว”
เวินจิ้งหยุดฝีเท้าลงอย่างเชื่อฟัง ขนตาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับพายุฝนกำลังจะตามมา
เสียงของมู่วี่สิงที่อยู่ข้างหลังดังขึ้นมาอย่างเย็นชา “จิ้งจิ้ง วันนี้คุณต้องทำให้ผมอารมณ์เสียให้ได้เลยใช่ไหม? หือ?”
“นั่นสิ” เวินจิ้งยิ้มถากถางออกมา ดวงตาสวยก้มมองพรมเช็ดเท้าเหมือนคิดอะไรแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร “คุณอยากทำตรงนี้เหรอ?”
ชายหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็เอื้อมมือมาปลดคอเสื้ออย่างเงียบๆ รังสีที่แผ่ออกมาจากร่างกายดูน่ากลัวเอามากๆ
แต่วันนี้เวินจิ้งใจกล้ามาก คำพูดคำจาก็ยังคงกวนอารมณ์ของมู่วี่สิงได้เหมือนเดิม “มู่วี่สิง ฉันตามใจคุณอย่างไม่ปริปากบ่น คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ? คุณ….ต้องเกลียดฉันมากถึงขนาดไหนนะ?”
“ที่คุณทำอยู่ตอนนี้ คือตามใจผมแล้วเหรอ?” มู่วี่สิงหยิบซองบุหรี่ออกมาอย่างหงุดหงิด เมื่อสูบบุหรี่เข้าไปและพ่นควันออกมา ดวงตาก็ถูกควันบุหรี่ขวางกั้นเอาไว้
“ฉันคิดว่า…..มันถึงขีดจำกัดความอดทนของฉันแล้ว” ดวงตาใสแจ๋วของเวินจิ้งมองเขาเขม็ง แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมา
เธอรู้ดี ว่ามู่วี่สิงให้บริษัทหลินซื่อกู้เงินทุนหมุนเวียน ดังนั้นตอนนี้เธอจึงกำลังตอบแทนบุญคุณเขาอยู่
เธอพูดปลอบใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เธอเคยรักอย่างไม่คิดเผื่อใจ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน ความรู้สึกมันเจ็บจนใจแทบขาด
“การอยู่กับผม มันทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” มู่วี่สิงดับบุหรี่ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วเรียวยาวบีบคางของเวินจิ้งเอาไว้
เธอจำต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาในทันที
เธอกัดริมฝีปากแน่น จากนั้นก็ส่ายหน้าแรงๆ
มู่วี่สิงแอบรู้สึกสงสารเธออยู่ข้างใน รู้สึกร้อนรนใจไปหมด เขาไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้เลยสักนิด
วินาทีต่อมา เขาก็ปล่อยมือ ในตอนที่สายตาทอดมองลงไป ก็เห็นได้ชัดว่ามือของเวินจิ้งถูกน้ำร้อนลวกจนแดงเป็นกระจุก
เขาเม้มริมฝีปาก จากนั้นก็เดินหยิบกุญแจไปทางประตูอย่างไม่พูดไม่จา แต่ก็หยุดในตอนที่เดินผ่านตู้กับข้าว จากนั้นก็หันไปหยิบเอาอะไรบางอย่างในนั้น แล้วก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมา
เมื่อประตูถูกปิดลงอย่างแรง ร่างกายของเวินจิ้งก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ความแสบร้อนบนมือไม่ได้หนักหนาขนาดนั้น เธอเปิดก๊อกน้ำ จากนั้นก็ยื่นมือไปแช่น้ำประมาณสิบนาที จากนั้นก็เริ่มพยายามนึกว่ากล่องปฐมพยาบาลวางไว้ตรงไหน
น่าจะในห้องนอน…..เธอสะบัดมือที่เปียกน้ำ ในตอนนี้ตู้กับข้าวข้างโต๊ะอาหารยังคงเปิดอยู่ จากนั้นเธอก็พบว่ามีกล่องปฐมพยาบาลวางอยู่ในนั้น
เวินจิ้งเดินมาหยุดอยู่หน้าตู้ จากนั้นก็หยิบยาทาแผลน้ำร้อนลวกมาทาลงบนแผล