flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 65 โดนพักงาน

บทที่ 65 โดนพักงาน

เอวบางถูกทับเพิ่มด้วยมือหนามาคู่หนึ่ง เวินจิ้งสั่นระริกรัว ใบหน้าถูกมู่วี่สิงเชยหน้าหันกลับมา รอยจูบที่คุ้นเคยดีตีตราลง

“อุ้ย…”

เวินจิ้งสัมผัสทรวงอกเขาไว้อยากจะผลักดันร่างเขาออก แม่บ้านที่อยู่ข้างนอกก็แลเห็นแล้วนะ…..

มู่วี่สิงไม่สนไม่แคร์โลกแต่อย่างใด ซ้ำยังผลักดันไปประชิดผนังอีก ยิ่งจุมพิตยิ่งดุเดือดเร่าร้อนอย่างรัญจวนใจ

เวินจิ้งใจหายหอบติดขัด หายใจไม่เต็มปอดจ้องมองเขา

อารมณ์ใครบางคนเปี่ยมไปความสุขสมดั่งใจ ช่วยเวินจิ้งยกจานอาหารออกไป

“หลานสะใภ้ฉันได้ยินมู่วี่สิงว่า หนูเติบโตมากับแม่เหรอ?” มู่เฉิงเอ่ยถามอย่างสนิทสนม

ใบหน้าเวินจิ้งแดงก่ำเล็กน้อย พยักหน้าหงึก ๆ “คุณพ่อกับคุณแม่หย่ากันตั้งแต่หนูยังเด็กแล้วค่ะ ตลอดหลายปีมานี้หนูใช้ชีวิตอยู่กับคุณแม่ค่ะ

“หนูกับวี่สิงก็แต่งงานกันมาได้สักพักแล้ว หาเวลาให้เราสองครอบครัวได้พบปะกันบ้าง แกว่ามั้ย?” มู่เฉิงมองไปยังมู่วี่สิง

แต่เขากลับเย็นชา อารมณ์เฉยเมย

“ผมจะเป็นคนจัดการให้เองครับ” น้ำเสียงมู่วี่สิงเย็นวาบลง

เวินจิ้งขมวดคิ้ว หลังจากที่แต่งงานกับมู่วี่สิง ญาติฝ่ายมู่วี่สิงเธอก็เคยเห็นแต่คุณปู่คนเดียว แล้วพ่อแม่ของเขาหละ?

และนี่มันก็เป็นเรื่องตัวของเขา เวินจิ้งเลยไม่กล้าเอ่ยถามหรอก

……

………

บริษัทการผลิตยาเทียนอี

เสี้ยงหงมองดูไฟล์รายงานจากแผนกด้านล่างที่ส่งมาให้ คิ้วเล็กยาวขมวดมุ่นขึ้น

ไม่นาน หูชิงก็เดินขึ้นมาด้วยตนเอง

“ประธานเสี้ยงคะ ถึงแม้ว่าตอนนี้เวินจิ้งจะลาพักอยู่ก็ตาม แต่ว่าเรื่องนี้มันกระทบต่อฉัน หรือไม่เรียกเธอมาสอบถามดูดีค่ะ?” หูชิงเอ่ยอย่างนุ่มนวล

เธอสวมใส่ชุดรัดรูปทรงทรวงไว้ บวกกับหุ่นที่เพรียวสวยชวนสะดุดสายตาคน

เพียงแต่ว่าเสี้ยงหงไม่เลี้ยวมองเธอเอาเลยสักนิด

“คุณออกไปก่อน”

“ประธานเสี้ยงค่ะ คงไม่ใช่เพราะว่าคุณเชื่อเวินจิ้งนะคะ?” ชูชิงขมวดคิ้ว ขยับเยื้องกายเข้าไปเล็กน้อย

“เรื่องนี้ผมรู้จะตัดสินใจเอง ออกไปได้แล้ว” เสี้ยงหงอย่างไม่สบ

หูชิงไม่กล้าพูดเอ่ยต่อ อย่างไรก็ตามเรื่องที่เวินจิ้งทำเอกสารรั่วไหลนั้น มันค่อย ๆ แพร่กระจายในบริษัทผลิตยาเทียนอีขึ้นแล้ว

พอได้รับสายจากทางบริษัท เวินจิ้งก็รีบกลับมา

มุ่งหน้ามายังตึกสูงตระหง่านระฟ้า และในใจเวินจิ้งก็ผุดลางสังหรณ์ไม่ดี

“เวินจิ้ง แผนโครงการนี้เป็นฝีมือของคุณเองเหรอ?” เสี้ยงหงยื่นเอกสารให้เธอ

เวินจิ้งดูมันอย่างตั้งอกตั้งใจ พยักหน้า

“ตอนนี้แผนโครงการนี้ได้แพร่ออกไปแล้ว ถูกบริษัทคู่แข่งเอาไปประกาศใช้แล้ว” น้ำเสียงเสี้ยงหงเยือกเย็นเล็กน้อย

เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าซีดเซียวราวไก่ต้ม

นี่คือแผนโครงการประชาสัมพันธ์ยาใหม่ของเทียนอีในซีซั่นนี้ ล้วนเป็นน้ำพักน้ำแรงของแผนกนี้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน แม้ว่าจะทำแผนโครงการใหม่ขึ้นมาอีก มันก็ไม่ทันการแล้ว

“ฉันไม่เคยทำอะไรที่ทำลายผลประโยชน์ของบริษัทเลยนะค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยเสียงเรียบเย็น

“ในระหว่างการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ คุณพักงานไปก่อนละกัน” เสี้ยงหงเอ่ย

“ค่ะ”

เดินออกจากห้องท่านประธาน อั้ยเถียนก็เดินลิ่วขึ้นมา “จิ้งจิ้ง”

“ฉันต้องพักงานไปแล้ว” เวินจิ้งขมวดคิ้ว

เหตุการณ์เรื่องในวันนี้ทำให้เธอประหลาดใจคาดคิดไม่ถึงเอาสักเลย

อั้ยเถียนถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เป็นแบบนี้ไปได้ไงอะ วันนี้ประธานเสี้ยงได้รับข่าวรายงานแต่เช้าตรู่เลย และหลักฐานเชิงลบทั้งหมดก็โยงชี้ไปยังเธอทั้งนั้นเลยอะ”

“ฉันว่ามีคนไปแอบเปิดคอมพิวเตอร์ฉัน เรื่องนี้ น่าจะเป็นฝีมือของคนในบริษัทนี่แหละ” เวินจิ้งเอ่ยเสียงเรียบ

“คอมของแกถูกเอาไปตรวจสอบแล้วนะ”

อั้ยเถียนหน้าสลด “แกว่าใช่ฝีมือหูชิงมั้ย?”

หูชิงเป็นผู้ที่มีอคติกับเธอที่สุดมาโดยตลอด

“อย่าเพิ่งพูดมั่วไป ฉันเชื่อว่าประธานเสี้ยงต้องตรวจหาความจริงได้”

อั้ยเถียนกลับไม่อาจวางใจลงได้ เลยเดินเข้าไปยังห้องท่านประธาน

“ประธานเสี้ยงคะ เรื่องนี้เวินจิ้งบริสุทธิ์นะค่ะ” อั้ยเถียนจ้องมองเขา

เสี้ยงหงเงยหน้าขึ้น “มีนิสัยเสียมารยาทตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาถึงได้ไม่เคาะประตูก่อน?”

ประโยคสิ้นสุดลง ก็เรียกผู้เป็นเลขาเข้ามาต่อว่ารอบหนึ่ง “มีคนเข้ามาทำไมถึงไม่แจ้ง?”

ผู้เป็นเลขาก้มหน้างุดไม่กล้าโต้กลับ

ช่วงนี้อั้ยเถียนขึ้นมาเกือบทุกวันเลย เธอนึกว่าเธอมีสิทธิพิเศษหรือไงกัน

“ความผิดของฉันเองค่ะ ประธานเสี้ยง คุณอย่าโกรธ…..” ใบหน้าเล็กเรียวของอั้ยเถียนสลด มองดูเสี้ยงหงอย่างเด็กตาดำ ๆ ผู้น่าสงสาร

แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับแข็งทื่อไม่อ่อนค้อ “ออกไป”

อั้ยเถียนกัดริมฝีปากบาง จ้องมองเสี้ยงหงอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง

ขย่ำเหยียบส้นสูงออกไป ทีนี้เสี้ยงหงถึงเงยหน้าขึ้น แววตาทอประกายเสี้ยงอย่างจมปัญญา

เขากดโทรสายให้กับมู่วี่สิง

“เมียแกเกิดเรื่องแล้ว” น้ำเสียงเสี้ยงหงแฝงตึงเครียดอยู่เล็กน้อย

“งั้นก็จัดการแก้” มู่วี่สิงหน้าเย็นลง

“ตอนนี้เธอถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนปล่อยความลับของบริษัทออกไป มีคนในบริษัทต่อต้านไม่น้อยเลยนะ ฉันว่าเธอคงยากแน่”

“แกเป็นประธาน แก้ไขเรื่องของบริษัทไม่เป็นเหรอ?” มู่วี่สิงย้อนใส่เขา

เพราะทั้งสองสนิทสนมซี้กันมาก ถึงพูดจากันแบบนี้ได้

“ฉันแก้ไขแล้วแต่มันไร้ประโยชน์เว้ย แต่ว่าปัญหารอบนี้ไม่ค่อยใหญ่มาก ว่าแต่บอสใหญ่ ตอนนี้ฉันขอเพิ่มเงินเดือนหน่อย นี่ก็ไม่รู้ว่าช่วยเมียแกแก้ไขวิกฤติไปตั้งเท่าไหร่แล้วนะ” เสี้ยงหงเอ่ยเย็นชา

“นี่มันเป็นสิ่งที่แกควรทำอยู่แล้ว และคราวนี้ ก็ดูที่ผลงานนาย จะเพิ่มเงินโบนัสยี่สิบเปอร์เซ็น” มู่วี่สิมาในแนวสบายใจ

“นี่สิค่อยว่ากันง่ายหน่อย อย่างไรก็ตาม ฉันว่าแกให้เธออยู่ข้างกายแกไว้ดีกว่า ช่วงนี้บริษัทมีตำแหน่งที่ต้องย้ายอยู่ตำแหน่งหนึ่งก็ย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลแกแหละ”

เสี้ยงหงไม่อยากนำปัญหามาสู่ตัวเอง และยังเต็มใจยกผลักปัญหานี้ออกไปให้

มี่วี่สิงรู้ใจเขาดี เสี้ยงหงทำมาจนถึงจุดนี้ได้ ก็ขอบคุณเพื่อนรักอย่างเขามากแล้ว

จัดเก็บข้าวของอย่างเรียบง่าย เวินจิ้งไปจากบริษัทผลิตยาเทียนอี

ในลานใหญ่บริษัท หูชิงมุ่งตรงดิ่งเดินเข้ามา จ้องมองเวินจิ้งอย่างเยาะเย้ย “อุ้ย เวินจิ้ง นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ ทำไมถึงไปแล้วอะ?”

“ไม่เกี่ยวกับเธอ” เวินจิ้งเอ่ยอย่างเย็นเฉียบ ต่อบุคคลรังเกียจจงชัง เธอไม่อยากเอ่ยพูดมากกว่านี้ด้วยซ้ำ

“ทำไมจะไม่เกี่ยวกับฉันหละ ยังไงเราก็เป็นเพื่อร่วมงานกันนะ หรือว่า เธอถูกไล่ออกไปแล้ว” หูชิงเสแสร้งทำเป็นตระหนกประหลาดใจ

เวินจิ้งไม่สนไม่แลมองเธอ เบือนหน้าแล้วเดินไป

หูชิงจงเกลียดจงชังเข้าไส้กับท่าทางเยือกเย็นเฉยเมยแบบนี้ของเวินจิ้งที่สุด ราวกับว่าไม่มีใครในสายตา

“เวินจิ้ง รอบนี้เธออย่าหวังที่จะได้อยู่เทียนอีอีกเลย!” หูชิงเกรี้ยวกราดเอ่ย

“ดูเหมือนว่าที่เธอทำเพื่อขับไล่ฉันออกเนี่ย ทำเรื่องลับหลังอยู่ไม่น้อยเลยเชียวนะ” เวินจิ้งชะงักเท้าหยุดนิ่ง หรี่ตามอง

แววตาหวาดหวั่นของหูชิงผุดพรายขึ้น ลำตัวชะงักนิ่ง “เธอพูดอะไรนะ!”

“ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะ แต่ว่าเธอทำอะไรไว้อะ รู้อยู่แก่ใจเองดี” เวินจิ้งเอ่ยเสียงเรียบเฉย

“ฉันไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว เวินจิ้ง ว่าแต่เธอสิ คิดไม่ถึงว่านอกจากชีวิตส่วนตัวเธอที่วุ่นวายเละเทะแล้ว การประพฤติตัวของเธอยังห่วยย่ำแย่แบบนี้อีก” หูชิงเอ่ยยิ้มหยัน

“จำคำพูดของตัวเธอเองไว้ให้ดีละกัน ถึงเวลานั้นอย่าตบหน้าตัวเองเองละกัน” เวินจิ้งยิ้มเย็น หันเดินจากไป

ทันทีที่เดินออกไปหน้าประตูนั้น ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งแล่นจอดลง

หูชิงตะลึงค้างตั้งนานแล้ว รถคันนั้น ดูก็รู้ว่ามูลค่าแพงหรูมากขนาดไหน

ทว่าข่าวลือที่ว่าเวินจิ้งเป็นมือที่สามต้องเป็นเรื่องจริงแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นกับพนักงานเงินเดือนแค่ไม่กี่พันอย่างเธอ จะมีปัญญาซื้อได้ที่ไหนกัน

ครุ่นคิดถึงนี่ หูชิงก็แอบถ่ายรูปไว้

ทว่าเพิ่งเซฟเก็บบันทึกรูปเสร็จ ก็มีชายหนุ่มสองรายที่สวมใส่ชุดสูทเดินมา มุ่งมาแย่งมือถือหูชิงไป แล้วรูปภาพนั้นอย่างรวดเร็ว

หูชูอึ้งค้างราวน้ำแข็ง “นี่พวกคุณเป็นใครกัน อย่ามายุ่งกับมือถือฉันนะ!”

“คนที่คุณไม่ควรยุ่งด้วยไง” ชายหนุ่มปริปากอย่างเยือกเย็นดั่งน้ำเย็น

ภายในรถยนต์นั้น เวินจิ้งจ้องมองมู่วี่สิงอย่างประหลาดใจ

“คุณรู้ได้ไงค่ะว่าฉันอยู่ที่นี่?”

ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนว่าจะรู้ดีไปหมดว่าเธออยู่ที่ไหนเสมอ

“ผมจัดให้คนค่อยปกป้องดูแลคุณแล้ว”

ปกป้องคุ้มครอง?

เวินจิ้งขมวดคิ้ว งั้นฉันก็ถูกสะกดรอยตามอยู่ตลอดสิ?

เธอไม่พึงพอใจเล็กน้อย “นี่มันจับตามองกันชัด ๆ มู่วี่สิง ทำไมคุณถึงมาไม้นี้ตลอดเลยอะ!”

“ผมชอบคุณ” มู่วี่สิงเอ่ยเย็นชา

เพื่อความปลอดภัยของเวินจิ้ง เขาจึงจำต้องทำเช่นนี้

เวินจิ้งขุ่นเคืองไม่สบอารมณ์ แต่พอขบคิดถึงช่วงนี้ที่มักจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอติดกันมาไม่ขาดสายอย่างสามวันดีสี่วันไข้แล้ว จึงไม่ปริเอ่ยอะไรอีก

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset