บทที่ 668 ยังไม่เชื่อฟังอีกเหรอ
บนโต๊ะหินอ่อนหรูหรา พ่อครัวระดับสูงทำอาหารที่เวินจิ้งชอบแบบเมื่อก่อน
แต่เธอไม่อยาก สีหน้าไม่ค่อยดี
“ไม่สบายเหรอ?”โจวเซินถามด้วยความเป็นห่วง
“ใช่”เวินจิ้งขมวดคิ้ว
กินข้าวกับโจวเซิน สามารถสบายได้เหรอ?
“ฉันพาไปหาหมอ”
“ไม่ต้อง ไม่สบายใจ”เวินจิ้งพูดเสียงต่ำ
สีหน้าโจวเซินก็เคร่งขรึม แล้วฟังเวินจิ้งต่อ“ฉันสามารถออกไปข้างนอกได้เมื่อไหร่”
“ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเองตอนนั้น”
“ทำไม คุณกลัวฉันวิ่งหนีเหรอ?”เธอพูดประชด
โจวเซินเม้มริมฝีปากบาง สักพักถึงพูด “ใช่”
“อยู่ในภายใต้สายตาคุณ ฉันสามารถหนีได้เหรอ?” โจวเซินพูดอย่างเยือกเย็น
“เวินจิ้ง เธออยากออกไปตอนไหน ฉันจะไปเป็นเพื่อนเธอ”
“มันต่างอะไรจากที่คุณคุมขังฉัน?”เธอวางตะเกียบ ข้าวแม้แต่คำเดียวไม่กินอีก
“ถ้าเธอเชื่อฟังสักหน่อย ฉันจะพิจารณาให้อิสระเอมากกว่านี้”
ดูท่าทางที่เหนื่อยกว่าของโจวเซิน เวินจิ้งหงุดหงิดอย่างมาก
ตอนนี้ที่เธออยู่ต่อหน้าเขา ยังไม่เชื่อฟังพออีกเหรอ?
“ฉันกินอิ่มแล้ว”ไม่อยากพูดกับชายคนนี้มากกว่านี้ เวินจิ้งหมุนตัวกลับไปที่ห้อง
เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกไปหลายวัน โจวเซินออกไปดูงาน หลินเวยมาแล้ว เวินจิ้งถึงได้ออกจากห้อง
อาทิตย์หน้าโจวเซิ่งก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แถมยังคงอยู่บ้านพักอีกหลัง หลินเวยอยากจะรับเวินจิ้งไปด้วย
“แม่ แม่อยู่บ้านทางใต้กับพ่อเถอะ หนูอยู่ตรงนี้ไม่เป็นไร”
ไม่ได้เจอโจวเซิน เธอรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
เพียงแค่ไม่ได้ออกไปข้างนอก
“เสี่ยวจิ้ง แม่จะคิดหาวิธีส่งลูกกลับเมืองหนาน”
“ถึงแม้จะกลับไปแล้ว กลัวว่าโจวเซินจะไม่ยุติกรณีพิพาทลงด้วยดี แม่ แม่ไปอยู่กับพ่อที่โน่นเถอะ โจวเซินชอบหนู เขาไม่ทำร้ายหนูหรอก มีเพียงแค่หนูจะไล่เขา”เวินจิ้งขมวดคิ้ว
เธอรังเกียจเขามาก รังเกียจการกระทำเขาทุกอย่าง
“แต่ว่า แม่ไม่อยากให้ลูกได้รับความไม่เป็นธรรม”หลินเวยถอนหายใจ
“หนูไม่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยค่ะ แม่ หนูเต็มอกเต็มใจ”
“บริษัทหลินซื่อทางนั้น ช่วงนี้หนูจับตาดูอยู่ แม่ แม่คิดจะทำอย่างไงต่อ?”เวินจิ้งถาม
หซู่เฟินบอกเธอว่าช่วงนี้ หลินเวยคิดจะขายบริษัทหลินซื่อแล้ว หลินเวยไม่รับช่วงต่อบริษัทหลินซื่อ แถมหลินเวยไม่อยากให้โจวเซินรับช่วงต่อ ก็เลยเป็นแบบนี้
ตอนนี้มีบริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัทติดต่อเข้ามา แต่ยังรอหลินเวยตัดสินใจ
“จากที่ดูตอนนี้ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปแม่คิดว่ามีกำลังที่จะซื้อกิจการ”
เวินจิ้งตกตะลึง เรื่องนี้มู่วี่สิงเคยพูดกับเธอตั้งแต่แรก เพียงแต่เธอไม่ได้เอามาใส่ใจ
แต่ตอนนี้ บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปยื่นคำขอมาแบบนี้แล้ว
แถมแม่ก็พิจารณาอย่างนี้
แต่ว่าคนที่กุมอำนาจเบื้องหลังของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปคือมู่วี่สิง เธอ…..ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกแล้ว
“นี่คือการเลือกจากมุมมองการค้า เสี่ยวจิ้ง ลูกก็เป็นหุ้นส่วนของบริษัทหลินซื่อ เรื่องนี้ลูกสามารถมีความเป็นของตัวเอง”หลินเวยมองออกว่าเวินจิ้งลังเล
“แม่ ในเมื่อแม่ตัดสินใจดีแล้ว นั้นก็คือการทำดีที่สุดต่อบริษัทหลินซื่อ หนูไม่มีความคิดเห็นค่ะ”
“แม่ไม่ได้กลับไปเมืองหนานชั่วคราว ถึงเวลาเซ็นสัญญารับช่วงต่อ แม่ก็คงส่งให้ลูก”
เวินจิ้งพยักหน้า
ตอนนี้ประธานของบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปคือส้งวี่ เธอคิด ไม่แน่อาจจะไม่เจอมู่วี่สิง
ไม่แน่
หลังจากหนึ่งอาทิตย์โจวเซินถึงได้กลับมา ช่วงเวลางานแต่งยังห่างไปอีกครึ่งเดือน
เวินจิ้งอยู่ห้องสมุดอ่านหนังสือ แสงอบอุ่นสาดเข้ามาทางหน้าต่าง รู้สึกอบอุ่น
ฝีเท้าของโจวเซินนิ่งอยู่ที่หน้าประตู มองด้านข้างใบหน้าที่นุ่มนวลของเวินจิ้ง ในใจแพร่กระจายไปด้วยความรู้สึกสงบ
แบบนี้ มันดีมาก
เพียงแต่เขาก็รู้ดี เวินจิ้งมองเห็นเขา กลับทำท่าเยือกเย็นเหมือนเคย
เขาชอบเวลาที่เธอยิ้ม เพียงแต่ที่เธอยิ้มไม่ใช่เพราะเขา
เวินจิ้งใส่หูฟัง ดังนั้นก็เลยไม่รู้ว่าโจวเซินเข้ามา จนกระทั่งผ่านไปนาน เธอรู้สึกเหนื่อยล้ายืดเอวด้วยความขี้เกียจ ถึงได้พบว่าโจวเซินนั่งอยู่บนโซฟา
ใบหน้าสีขาวของเธอ เปลี่ยนเป็นระมัดระวังอารมณ์อย่างมาก
“คนใช้บอกว่าเธอยังไม่กินข้าวเที่ยง”โจวเซินสีหน้าบึ้งตึง
“อืม สักพักค่อยกิน”เวินจิ้งตอบอย่างเย็นชา
เพราะโจวเซินเข้ามา ทั้งตัวเธอไม่เป็นอิสระ และก็ไม่มีความคิดอยากอ่านหนังสือต่อ
“กินข้าวเสร็จพวกเราไปร้ายชุดแต่งงาน ชุดเจ้าสาวเธอมาถึงแล้ว”
“ไม่สามารถส่งมาที่บ้านได้เหรอ?”เวินจิ้งขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว แต่ยังออกไปข้างนอกด้วยกันกับโจวเซินอีก
อย่างน้องอยู่ที่นี่ ก็เงียบสงบ
“ไม่ได้”
“อืม”เวินจิ้งตอบกลับ
เธอกินข้าวกลางวันคนเดียว โจวเซินกินเสร็จเมื่อกี้ก็ไปแล้ว รถเก๋งรออยู่ด้านนอก เวินจิ้งมองจากนอกหน้าต่างอย่างสงบ
ด้านนอกก่อสร้างอย่างสวยงาม เพียงแต่เวินจิ้งไม่มีอารมณ์ชื่นชมแม้แต่นิดเดียว
จริงๆแล้วการลองชุดแต่งงานนั้นควรเป็นเรื่องน่ายินดี เพียงแต่บนหน้าของเวินจิ้ง มองไม่เห็นความสุขแม้แต่น้อย
ผู้จัดการต้อนรับทั้งสองคนนั้น สังเกตได้ชัดว่ามีปัญหา
โจวเซินรออยู่ที่ชั้นหนึ่ง เวินจิ้งตามหนังงานไปห้องลองชุด
ชุดแต่งงานโจวเซินสั่งล่วงหน้า เธอไม่รู้แบบก่อนหน้านี้ พอมองเห็นชุดแต่งงานที่ออกแบบเรียบง่ายแต่กลับสวยสดงดงามนั้น เวินจิ้งยังรู้สึกแปลกใจ
ถ้าไม่ใช่แต่งงานกับโจวเซิน เธอจะชอบชุดแต่งงานนี้มาก
ใส่บนตัวเองนั้น ในสมองของเวินจิ้งแว๊บถึงหน้ามู่วี่สิง ยืนอยู่กระจกด้านหน้า เธอจินตนาการถึงมู่วี่สิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เรียกสติกลับคืนมาได้นั้น เป็นโจวเซินใส่ชุดสูท
ไม่รู้ว่าเขามายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมเปลี่ยนเป็นสูทสั่งตัดมือ เห็นได้ชัดว่าคนนั้นหล่อมาก
แต่ในสายตาเวินจิ้ง ผู้ชายคนนี้เป็นปีศาจ
“คุณโจวกับคุณเวินเหมาะสมกันมาก!”พนักงานข้างๆมองทั้งสองคน อดไม่ได้ที่จะอุทาน
“ใช่แล้ว ชุดแต่งงานนี้เข้ากับร่างของคุณเวินได้พอดี โดดเด่นอย่างมาก!”
สีหน้าของเวินจิ้งที่นิ่งเงียบนั้น สีหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยน เพียงแค่ถามโจวเซิน “คุณเวินพอใจละก็ ฉันก็จะเปลี่ยนให้”
“อืม สวยมา ชอบไหม?”เขาถามด้วยเสียงเคร่งขรึม
สายตาแพร่กระจายด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
แต่เวินจิ้งมองไม่เห็น หรือบางที เธอไม่อยากมอง
“อืม ชอบ”เวินจิ้งพยักหน้า
ชอบชุดแต่งงานนี้จริงแต่ เพียงแต่ไม่ชอบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า
“ชอบก็ดีแล้ว”
เวินจิ้งเปลี่ยนชุดเจ้าสาว มองการเย็บที่สวยงามตรงหน้า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอใส่ชุดเจ้าสาว แต่เป็นครั้งแรกที่อยากขับไล่เช่นนี้
ไม่รู้ตัว เธอเกือบจะฉีกชุดแต่งงานนี้ แต่สุดท้ายยังคงสงบแล้วเดินออกมา
แต่เวลานี้ เวินจิ้งไม่รู้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งสองได้ลองชุดแต่งงานที่ร้านเจ้าสาว อุตสาหกรรมของตระกูลโจวมีอยู่ทั่วโลก การกระทำช่วงนี้ของโจวเซินนั้นสูงมาก ข่าวเกี่ยวกับเขาดึงดูดมากเลยทีเดียว