บทที่ 66 แอบรักหลายปี
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปตกอยู่ในความวุ่นวายชุลมุน ในที่ประชุมใหญ่เหล่าผู้หุ้นที่อยากกำจัดฉืออี้เหิงมาโดยตลอด แต่ท้ายแล้วผลลัพธ์คือฉืออี้เหิงก็ได้อยู่ต่อ
มีนักข่าวเผยว่าฉินเฟยยอมประนีประนอมเพื่อลูก สุดท้ายก็เลือกที่จะเชื่อใจฉืออี้เหิง
และฉืออี้เหิงก็จัดการแถลงข่าวในที่สุด เพื่อชี้แจงตัวเองก่อนหน้าที่เมาเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด แต่ว่า เขากลับจงใจเอ่ยถึงเวินจิ้งขึ้น
“สำหรับมือที่สามที่พวกคุณเห็นนั้น เป็นผู้หญิงที่แอบรักผมมานานครับ”
เวินจิ้งหน้าสลดลงทันที มองดูใบหน้าคมคายของฉืออี่เหิง เขาในเวลานี้ เป็นราวคนแปลกหน้าที่น่าเกรงกลัวไปแล้ว
แอบรักงั้นเหรอ?
ตอนที่ฉืออี้เหิงไล่ตามจีบเธอเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วโรงเรียน
“แล้วตอนนี้พวกคุณยังเกี่ยวข้องกันอยู่มั้ยคะ?” นักข่าวรายหนึ่งเอ่ยถาม
“ผมไม่อนุญาตให้เธอมารังควานผมอีกแล้วครับ” ฉืออี้เหิงเอ่ยโยนความ
เวินจิ้งกรุ่นโกรธจนทนดูไม่ไหวต่อไป “พลุบ” ปิดทีวี
มองดูเวลาแล้ว ก็ได้เวลาที่ควรไปซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อผักแล้ว
ช่วงนี้เธอไม่ต้องไปทำงานแล้ว จึงเป็นคนรับหน้าที่จัดเตรียมอาหารมื้อเย็นแทน เลยไม่น่าเบื่อเกินไป
ยามเย็น ผู้คนในซุปเปอร์มาเก็ตไม่ค่อยมากนัก คิดไม่ถึงว่าบนหน้าจอนั้นจะฉายการแถลงข่าวของฉืออี้เหิงไว้ เวินจิ้งคือผู้แกร่งเผชิญสู้ฟ้า แต่ว่าบนหน้าจอขยายภาพเธอใหญ่เหมือนจานดาวเทียมไปหน่อย เมื่อเธอย่านเข้ามายังซุปเปอร์มาเก็ตนั้น เวินจิ้งจึงถูกจับตามองด้วยสายตาหลากหลายจากคนรอบข้าง ที่กำลังเอ่ยซุบซิบกันอยู่
จึงรีบซื้อข้าวของแล้วชำระเงินให้เรียบร้อย ยังไม่ทันพ้นออกจาซุปเปอร์มาเก็ตก็มีเหล่านักข่าวแห่รุมกันมา
เวินจิ้งจึงจำต้องชะงักฝีเท้าหยุด เพราะโดนรายล้อมรุมหมดหนทางหนีแล้ว
“คุณเวินจิ้งคะ คุณฉือบอกว่าคุณแอบรักเขามานาน คุณแทรกเป็นมือที่สามระหว่างเขากับคุณฉินใช่มั้ยคะ?”
“คุณจ้องจับคิดทำลายงานแต่งของฉืออี้เหิงมาโดยตลอดใช่มั้ยคะ?”
“เราสืบทราบมาว่าคุณกับคุณฉือนั้นล้วนเป็นเฟิร์สเลิฟของกันและกัน หรือว่าพวกคุณจะรื้อฟื้นถ่านไฟเก่าคะ?”
จ้องมองแสงแฟรชระยิบระยับของกล้องตรงหน้า เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่นชนกัน รู้สึกน่ารำคาญวุ่นวาย
แต่มู่วี่สิงสั่งย้ำให้บอดี้การ์ดค่อยคุ้มครองเธออยู่โดยตลอด จึงมาจัดการดันเหล่านักข่าวให้ถอยห่างอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่เธอในวันนี้ เมื่อต้องขึ้นกล้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เลยหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง เวินจิ้งก็ขัดขวางหยุดบอดี้การ์ดไว้ แล้วสู้เผชิญหน้ากับเหล่านักข่าวอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ฉันแต่งงานแล้วค่ะ และงานแต่งงานก็ราบรื่นมีความสุขมากค่ะ ฉันหวังว่าทุกคนจะช่วยส่งข่าวไปบอกคุณฉือด้วยนะคะ ว่าไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับชีวติสมรสฉันอีก และอย่ามารังควานฉันไม่ปล่อยอีกนะคะ”
สิ้นสุดประโยค เหล่านักข่าวถึงกับเงิบตะลึง ซ้ำหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ฉืออี้เหิงเพิ่งบอกไปว่าเวินจิ้งเป็นคนตอแยเขา แต่ตอนนี้เวินจิ้งกลับบอกว่าฉืออี้เหิงเป็นคนตอแยเธอเอง
มีนักข่าวคนหนึ่งสายตาดีเลิศเป็นพิเศษแลเห็นแหวนแต่งงานบนมือของเธอ และแล้วมุมกล้องก็ถูกซูมใหญ่ขึ้น ไม่นาน เวินจิ้งก็ถูกพาดขึ้นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้ง
บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป
ฉินเฟยผู้ที่กำลังดูข่าวอยู่นั้น ใบหน้าบูดบึ้งเย็นชา
เวินจิ้งอธิบายตอบข้อสงสัยต่อหน้านักข่าวอย่างเปิดเผยพูดตบหน้าฉืออี้เหิงต่อสาธารณะชน ว่าเธอแต่งงานแล้ว และมีนักข่าวเผยแหวนแต่งงานในมือเธอออกมา มูลค่าสามร้อยล้าน
และสถานที่ที่ถ่ายภาพของเวินจิ้งได้อยู่ในระแวกการ์เด้นการ์เด้นจินไห่ การ์เด้นการ์เด้นจินไห่ส่วนตัว มีเงินก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าไปได้
เธอแต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ไปแล้ว และชีวิตคู่ราบรื่นเป็นสุข แล้วจะเป็นมือที่สามได้อย่างไร
ทว่าบทสัมภาษณ์ทั้งหมดล้วนถูกตีกลับไปยังฉืออี้เหิงในทันที ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนไม่ยอมตัดขาดกับเวินจิ้งเอง
“ฉืออี้เหิง ทำไมคุณถึงเลวระยำขนาดนี้” ฉินเฟยกรุ่นโกรธเอ่ย เดิมทีที่ยกโทษอภัยผู้ชายคนนี้ไปแล้ว พอมาตอนนี้ เธอจะกลืนน้ำลายก้อนนี้ลงได้อย่างไร
หลายปีมานี้ เธอคิดมาโดยตลอดว่าเธอมีความสุขมากกว่าเวินจิ้ง แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้……
เธอรู้ว่ามู่วี่สิงเป็นแค่หมอคนหนึ่ง แล้วทำไมเธอถึงพักอยู่ที่การ์เด้นการ์เด้นจินไห่ยักษ์ใหญ่อลังการระดับแถวหน้าได้
“ผมขอโทษครับ เฟยเฟย คุณอย่าไปหลงเชื่อคำพูดข่าวมั่วทั้งเพบนโซเชียลพวกนั้นเลยนะครับ ผมจะจัดการเองไกล่เลี้ยเอง” ฉืออี้เหิงโอบกอดเธอ ก้มหน้าอย่างรับประกัน
“ทางที่ดีมันต้องแบบนี้อยู่แล้ว” ฉินเฟยเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
เธอไม่มีทางให้เวินจิ้งได้เปรียบได้ดีไปกว่าเธอแน่
……
………
เมื่อออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ต ก็มีเหล่าบอดี้การ์ดค่อยพาเวินจิ้งเดินมุ่งไปยังรถอีกคัน
ที่เวินจิ้งไม่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ รถยนต์หรูหรารุ่นเมอร์เซเดสไมบัค
ทำเอานักข่าวนิ่งอึ้งตะลึงตะลานแต่ต้นแล้ว แล้วมุ่งเป้าหมายรุมถ่ายรถคันนนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ก็ทำได้เพียงแอบถ่ายอยู่ไกล ๆ ไม่สามารถเข้าใกล้ชิดได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่นั้นบนรถคือใครกันแน่
“คุณมาได้ไงคะ?” เวินจิ้งมองเขาอย่างประหลาดใจ
วันนี้เขาคงไม่ได้ไปโรงพยาบาลแน่ สวมใส่ชุดสูทขาวทั้งชุด ดูดีสง่างามไปทั้งตัว
เป็นดั่งไม้แขวนเสื้อ ที่สวมใส่อะไรก็ดูมีออร์ล่าหล่อเหล่าไม่มีที่ติ
เวินจิ้งเบิกตาโตวาววับ
“ต้องการให้ผมออกไปมั้ย?” มู่วี่สิงไม่ตอบที่เธอถาม แต่กลับแทรกถามเธอกลับ
เวินจิ้งรีบส่ายหน้าไปมา “ไม่ค่ะ คุณไม่ชอบให้นักข่าวถ่ายรูปเหมือนกันไม่ใช่เหรอะคะ?”
“แต่ได้ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งกับคุณ ก็ไม่แย่นะ” มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก
“คุณมู่วี่สิง คุณอย่ามาเล่นตลกนะคะ!” เวินจิ้งหน้าเปลี่ยน วันนี้เธอหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถึงได้ออกมากล่าวต่อหน้านักข่าวให้ชัดเจนสักที
จะให้ฉืออี้เหิงมาทำลายชื่อเสียงเธออีกไม่ได้แล้ว
“ฉันเล่นตลกอะไรเหรอ? คุณหญิงมู่?” เขาเขยิบประชิดใกล้เข้ามา ปลายนิ้วเรียวเชยคางเธอขึ้นมา นัยน์ตาทอประกายวาววับ
เวินจิ้งหัวใจโยกย้ายเต้นตึกตักกระเจิดกระเจิง แล้วก้มหน้าลง
“คุณอย่ามาใกล้ฉันนะค่ะ” เธอขยับเคลื่อนร่างบางระหงเธอ พอเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีนักข่าวแห่กันมาเต็ม
แม้จะรู้ว่านักข่าวไม่อาจมองเห็นถึงคนในรถได้ แต่เวินจิ้งก็ยังตกตระหนกกลัวขึ้นมา
โชคดีที่คนขับรถเคลื่อนรถออกได้เร็วกว่า พอเวินจิ้งเห็นว่านักข่าวไล่ตามไม่ทันแล้ว ถึงพรูหายใจโล่งอกออกมาเฮือกหนึ่ง
เมื่อหันหน้าไป มู่วี่สิงก็ประชิดใกล้เข้ามาอีกแล้ว รัดเธอไว้ข้างกายเขา จนเวินจิ้งหมดหนทางหนี
“คุณผู้หญิงมู่ คุณกลัวผมเหรอ?” มู่วี่สิงพลางเอ่ยถาม
หลายครั้ง เวินจิ้งมักจากหลบผลักไสความใกล้ชิดของเขา ซึ่งเขาไม่ชอบเป็นอย่างมากมาย
“ไม่ใช่นะค่ะ” เวินจิ้งเอ่ยอย่างปากแข็งทื่อ
“งั้นคุณก็เขยิบเข้ามาสิ” ริมฝีปากบางเบาและรอยยิ้มที่ชวนหลงใหลของมู่วี่สิง
“ไม่เอาค่ะ” เวินจิ้งเบือนหน้าหนี
มู่วี่สิงมองดูท่าทางปากแข็งใจแข็งของเธอ มือยาวเชยคางเรียวเวินจิ้งไว้ เธอยังไม่ทันได้ตั้งสตาตางค์ริมฝีปากบางอวบอิ่มก็ถูกเขาบล็อกเอาไว้เสียแล้ว กับลมหายใจอุ่นที่คุ้นเคยแผ่ซ่าเข้ามา จนเวินจิ้งนิ่งตะลึงตะลาน
“ยังฝึกจังหวะหายใจไม่คล่องอีกเหรอ?” มู่วี่สิงเอ่ยเสียงแหบเหี่ยวอยู่ในลำคอ
เวินจิ้งหายใจหอบ ๆ ในขนาดที่เขาจะจุมพิตเธออีกนั้น เลยกัดเขาเสียก่อน
“โอ้ย”มู่วี่สิงหรี่ตาแผลงฤทธ์อย่างอันตราย “คุณหญิงมู่ คุณจะย้อนใช่มั้ย?”
“คุณบังคับฉันเองนะคะ!” เวินจิ้งเบือนหันหน้าอย่างภาคภูมิใจมากโข
ใครใช้ให้เขามักมาไม้จูบกับฉันหละ!
“ผมบังคับคุณที่ไหนกัน ผมกำลังสอนคุณอยู่ต่างหาก”
“ฉันไม่ต้องการค่ะ! มู่วี่สิง เราต้องทำข้อตกกันสามหน้าค่ะ คุณห้ามมาแอบจูบฉันไปเรื่อย” เวินจิ้งจ้องมองเขาอย่างแผลงรังสีเตือนภัย
ตอนนี้ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ไหนมู่วี่สิงก็จะจูบเธอไม่ได้อีกแล้ว ทั้งที่ทั้งสองนั้นเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมาย ในขนาดที่ไม่มีใครนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแสดงอีกหนิ
ชายหนุ่มหน้าสลดเปลี่ยนในทันที ข้อตกลงสามหน้า?
ตกลงกันแล้วเขาก็มีวิธีทำลายมันอยู่ดี
“ผมจริงจังนะที่จูบคุณอะ” มู่วี่สิงเอ่ยอย่างเป็นเหตุเป็นผล
เวินจิ้ง…….
ผู้ชายคนนี้มักได้เปรียบตลอดเลยนะ
“นอกจากสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ หรือไม่เมื่อตตอนอยู่กันแค่เราสองคน ก็ควรรักษาระยะห่างไว้จะดีกว่าค่ะ!” เวินจิ้งเอ่ยอย่างจริงจัง
ช่วงนี้เธอและมู่วี่สิงนั้นช่างใกล้ชิดสนิทสนมเกินไปแล้ว เช่นนี้ต่อไป……เธอเกรงกลัวว่าตัวเองจะติดงอมแงมเข้าไป
“อืม ก็ดีเหมือนกันที่เว้นระยะห่าง” มู่วี่สืงหรี่ตา
เวินจิ้งมึนงง ตั้งนานกว่าเธอจะเข้าใจความหมายของมู่วี่สิงสักที…..
ผู้ชายคนนี้ขบคิดอะไรของเขาอยู่!
เมื่อกลับมาถึงบ้าน มู่เฉิงกลับมาถึงบ้านแล้ว กำลังดูข่าวของเวินจิ้งที่เอ่ยตอบนักข่าวบนโทรทัศน์อยู่
“หลานสะใภ้ฉัน ช่างแกร่งจริง ผู้ชายมันเลวก็สมควรจัดการแบบนี้แหละ!” มู่เฉิงเอ่ยอย่างเป็นสุข