บทที่ 673 เขายังจำได้
เมื่อเวินจิ้งตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็มืดแล้ว
อั้ยเถียนกลับมานานแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจในทันทีที่เห็นเวินจิ้งตื่นขึ้นมาในที่สุด
“จิ้งจิ้ง เธอทำฉันตกใจแทบตาย”
เวินจิ้งยกรอยยิ้มจางๆ ออกมา “ฉันไม่เป็นไร”
“หมอบอกว่าเธอน้ำตาลในเลือดต่ำ เธอไม่กินข้าวใช่ไหม” อั้ยเถียนพูดน้ำเสียงดุๆ
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก และก้มศีรษะลงด้วยความวุ่นวายใจ
นิสัยไม่กินตรงเวลาค่อยๆเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“เธอนี่นะ” อั้ยเถียนเคาะที่หน้าผากของเวินจิ้งอย่างไม่พอใจ
“โจวเซินอยู่ที่ไหน” อั้ยเถียนถามอย่างกะทันหัน
หลังจากที่เธอกลับมา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เห็นโจวเซิน และแม้แต่ท่าทีของคนรับใช้ก็แปลกไป
“เขาถูกตำรวจจับไปแล้ว”
“ทำไมเร็วจัง ฉันยังไม่ได้ส่งหลักฐานไปเลย” อั้ยเถียนตะลึง
แม้แต่เวินจิ้งก็ยังประหลาดใจ “ฉันคิดว่าเป็นเธอ … ”
“ฉันยังมีข้อมูลบางอย่างที่ต้องจัดการ ดังนั้นฉันจึงเสียเวลาพอสมควร” อั้ยเถียนขมวดคิ้ว
“ไม่แน่ โจวเซินอาจจะมีศัตรูไว้มากก็ได้ และดูเหมือนว่าจะมีหลายคนที่อยากให้เขามีปัญหา” อั้ยเถียนยิ้มอย่างรวดเร็ว
“มันก็ดีที่เขาจะเข้าไป แต่ตอนนี้เขาอยู่ต่างประเทศ จะลงโทษหรือส่งกลับประเทศกัน”
“อืม ไว้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ ฉันจะแจ้งให้เธอทราบถ้ามีข่าว เธอพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง” อั้ยเถียนพูดอย่างกังวล
“ขอบคุณนะอั้ยเถียน” เวินจิ้งกล่าวอย่างซาบซึ้ง
“ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริงๆ ก็รีบไปดูแลร่างกายของเธอ ฉันคิดว่าโจวเซินคงไม่ได้ออกมาช่วงนี้ และงานแต่งงานควรจะถูกยกเลิก”
เวินจิ้งพยักหน้าช้าๆ ข่าวกระจายไปยังหลินเวยอย่างรวดเร็ว เธอจึงรีบมาทันทีในคืนนั้น
อั้ยเถียนบอกหลินเวยเรื่องทั้งหมด และมันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของเวินจิ้ง หลินเวยยังมีอิทธิพลอยู่บ้างที่นี่ และเธอก็รู้เรื่องของโจวเซินอย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องนี้ร้ายแรง เธอจึงจะกลับมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคงจะมีการสอบสวนในประเทศ F
เวินจิ้งที่อยู่ลอนดอนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้ตระกูลหลินได้เสนอให้ยกเลิกงานแต่งงาน เมื่อโจวเซินถูกจับ งานแต่งงานก็พังลง
หลินเวยและโจวเซินอยู่ลอนดอน และจะไม่กลับประเทศในตอนนี้ เวินจิ้งตั้งใจจะกลับไปที่ประเทศ F เพื่อขอคืนสถานะ อั้ยเถียนกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไปด้วย
หลังจากลงจากเครื่องบิน ตำรวจก็มาหยุดเวินจิ้งไว้
“คุณเวินจิ้ง พวกเราต้องขอให้คุณไปสถานีตำรวจ และให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเกี่ยวกับการติดสินบนของโจวเซินที่ถูกกล่าวหา”
“เกิดอะไรขึ้น” หลิงเหยาถาม ก่อนที่เวินจิ้งจะทันได้พูดอะไร
“ขออภัยด้วย เราต้องการเพียงแค่คุณเวินจิ้งเท่านั้น ที่จะให้ปากคำ” ตำรวจกล่าวอย่างเป็นทางการ
เวินจิ้งยิ้มให้อั้ยเถียน “เธอไปที่อพาร์ตเมนต์ของฉันก่อน ฉันไม่เป็นไร”
แต่อั้ยเถียนไม่รู้สึกสบายใจ จึงตามเวินจิ้งไปที่สถานีตำรวจ และมันเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว ที่เวินจิ้งยังไม่ได้รับการปล่อยตัว
เธอเดินไปรอบๆประตูอย่างกระวนกระวาย จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากระยะไกลจนไปใกล้เธอเรื่อยๆ เธอก็เห็นมู่วี่สิงทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น
เธอเดินไปหาเขาในทันที
เธอรู้ว่าเขาจะช่วยเวินจิ้งออกมาอย่างแน่นอน
“คุณอั้ยเถียน” มู่วี่สิงมองเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เวินจิ้งถูกนำตัวมาที่นี่ทันทีที่เธอลงจากเครื่องบิน และเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น …” อั้ยเถียนกังวลมาก เธอจึงรีบพูดจนแทบจับคำไม่ได้
แต่มู่วี่สิงก็เข้าใจ
ครั้งนี้เขามาที่นี่เพื่อช่วยสืบเรื่องของโจวเซิน และเขาก็อยากมาหาเวินจิ้งด้วย
“ไม่ต้องกังวล” มู่วี่สิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คุณช่วยเวินจิ้งออกมาได้ไหม” อั้ยเถียนถามอย่างกังวล
“อืม คุณกลับไปก่อน ผมจะไม่ปล่อยให้เวินจิ้งเป็นอะไร”
อั้ยเถียนมองไปที่ชายตรงหน้า คำพูดของเขาเหมือนมีเวทมนตร์ที่ทำให้เชื่อเสมอ
“มู่วี่สิงฉันเชื่อคุณ คุณอย่าทำให้เวินจิ้งผิดหวังอีก” เธอพูด
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก และก้าวเท้าเข้าไป
กว่าเวินจิ้งจะออกมา ก็ใช้เวลาสองวันแล้ว โจวเซินถูกสงสัยว่ายักยอกเงินสาธารณะ และการดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมาย เวินจิ้งถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นเธอจึงถูกสอบสวนเป็นเวลานาน
ตอนนั้นตระกูลโจวกับตระกูลหลินทำธุรกิจร่วมกัน โดยเวินจิ้งเป็นผู้ถือหุ้นของหลิน และต่อมาดำรงตำแหน่งประธาน ในช่วงระยะเวลานั้นเธอทำเอกสารจำนวนมาก และในเวลานั้นเองที่โจวเซินเข้ามาดูแลเธอ
เธอไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้เธอถูกมองว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของโจวเซิน และมู่วี่สิงได้ประกันตัวเธอชั่วคราว
เวินจิ้งรู้สึกเหนื่อยล้ามากหลังจากถูกถาม เธอไม่สามารถพักผ่อนได้ดีในห้องเลย ดังนั้นเมื่อเธอออกมาใบหน้าของเธอจึงซีดเซียว
วันนั้นเพิ่งรุ่งเช้า และยังไม่มีแสงแดด สายตาของเวินจิ้งจึงพร่ามัวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะโซเซออกไปข้างนอก เธอก้มหน้าลงจึงทำให้ชนกับอกแกร่งของคนคนหนึ่ง เธอจึงรีบขอโทษทันที “ขอโทษค่ะ”
แต่มือของชายคนนั้นกลับจับเอวบางของเธอไว้แน่น เวินจิ้งจึงเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบกับใบหน้าที่คุ้นเคย
หัวใจของเธอเต้นแรง และรู้สึกว่าร่างทั้งร่างของเธอมีพลังขึ้นมา
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่”
“รอคุณอยู่” เสียงของมู่วี่สิงทุ้มต่ำมาก และขอบตาของเขาก็ดำคล้ำ ราวกับไม่ได้พักผ่อนมาเป็นเวลานาน
ในรถเวินจิ้งเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า ความเหนื่อยล้าจากสองวันที่ผ่านมาหมักหมมจนถึงตอนนี้ จึงทำให้เธอง่วงเป็นอย่างมาก
แต่เธอก็ยังคงลืมตา “คุณไปส่งฉันที่อพาร์ทเม้นท์หนานซานก็พอ”
แต่มู่วี่สิงไม่ฟัง เขาสั่งให้คนขับรถไปส่งที่การ์เด้นมูเจียวานแทน
เขาเข้าไปในรถ โดยมีเวินจิ้งอยู่ในอ้อมแขนของเขา และสิ่งอยู่ที่ในสายตาของเขาตอนนี้ คือใบหน้ายามหลับที่สงบและสวยงามของเธอ
เขาเดินช้ามาก เพราะเขากลัวว่าเวินจิ้งจะตื่น หลังจากวางเธอลงบนเตียงแล้ว เขาก็นั่งข้างๆเธอ มองดูเธอเป็นเวลานาน
หลังจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบริมฝีปากสีแดงสดนั้น แต่ในขณะนั้นเวินจิ้งก็ลืมตาขึ้น
หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาไม่นาน เธอก็ไม่คาดคิดว่า …
มู่วี่สิงเพียงแค่จูบลงครู่เดียว เวินจิ้งก็หันไปด้านข้างทันที ตอนนี้เธอมีสติมากแล้ว เธอมองไปที่สภาพแวดล้อมที่อยู่ในตอนนี้ของเธอ และก็พบกับสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” มู่วี่สิงยื่นชุดใหม่ให้
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ในขณะนี้สมองของเธอดูเหมือนจะหยุดทำงาน เธอทำได้เพียงฟังคำพูดของมู่วี่สิงอย่างมึนงง และยอมทำตามคำสั่งของเขา
หลังจากอาบน้ำสบายตัวแล้ว เธอก็เดินออกจากห้องนอนไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะพบว่าบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารจานเด็ดและอร่อย
เธอชอบกินทั้งหมด
เขายังคงจำได้
ตอนนี้มู่วี่สิงยังคงยุ่งอยู่ในห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาก็หันกลับมา เมื่อมองไปที่ชายที่ยุ่งอยู่กับผ้ากันเปื้อนมุมปากของเวินจิ้งค่อยๆยกยิ้มขึ้น
เวลาดูเหมือนจะย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน
แต่เวินจิ้งก็รู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าทุกอย่างไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
เธอนั่งที่ข้างโต๊ะอาหารเงียบๆ รอให้มู่วี่สิงทอดอาหารจานสุดท้ายและเสิร์ฟ
“มู่วี่สิงทำไมคุณถึงทำแบบนี้” เมื่อเขานั่งลงเวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณเหนื่อยและหิวไม่ใช่เหรอ” มู่วี่สิงคีบซี่โครงให้เธออย่างอ่อนโยน
เวินจิ้งไม่ขยับ เธอยังคงจ้องมองไปที่มู่วี่สิงโดยไม่กะพริบตา พยายามอ่านใจเขา