บทที่ 674 วิธีที่คุณปกป้องฉัน
ระหว่างทานอาหารทั้งสองก็ไม่พูดคุยกัน
เวินจิ้งกินอาหารที่คุ้นเคยเหล่านี้ด้วยความสบายใจ
ไม่มีความโมโห
เธอนั่งบนโซฟาจนกินเสร็จ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองชายข้างหลังเป็นครั้งคราว
เขากำลังทำอาหาร แผ่นหลังของเขายาวและมีเสน่ห์
ราวกับเขารับรู้การจ้องมองของเวินจิ้ง เขาจึงรีบวางชามทิ้งแล้วเดินไปหาเธอ
เวินจิ้งรีบดึงสายตากลับมา และหมุนตัวกลับมานั่งดีๆ
จนกระทั่งมู่วี่สิงนั่งลงข้างๆ และเขาไม่ได้ทำอะไรถึงเนื้อถึงตัว แต่รังสีอันทรงพลังของเขานั้นก็เกินกว่าจะต้านทาน
“ก่อนหน้านี้หลิงเหยาโทรหาฉัน” เวินจิ้งพูดขึ้น “ฉันรู้ทุกอย่างเมื่อสามปีก่อนแล้ว”
มู่วี่สิงไม่พูดอะไรเลย แต่ดวงตาที่ร้อนแรงของเขายังคงมองไปที่เวินจิ้ง
“วิธีที่คุณปกป้องฉัน คือการแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น มู่วี่สิง … อันที่จริงคุณเคยคิดบ้างไหม ว่าฉันไม่อยากให้คุณทำแบบนี้เลย”
สองวันที่ผ่านมาในห้องขัง นอกเวลาถูกสอบสวน ตอนที่เธออยู่เงียบๆเธอก็คิดอะไรได้หลายๆอย่าง
ในตอนนั้น เธอตั้งใจว่าถึงตัวเองจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ยอมเลิกกับเขา
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง … ไม่ให้เธอเลือกด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้ปกป้องเธอ แต่เขาแค่ทรมานเธอ …
“เวินจิ้ง แค่คุณไม่เป็นไร” เสียงของมู่วี่สิงต่ำและอ่อนโยน “ตราบใดที่คุณไม่เป็นไรก็พอ”
เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก
เวินจิ้งเพียงแค่หัวเราะเยาะ และลดสายตาลง ดวงตาของเธอรื้นขึ้น
ในวินาทีต่อมา มู่วี่สิงก็เดินเข้ามาหาเธอ และดึงเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา เวินจิ้งเอนกายพิงพนักโซฟา เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
เขามองเธอด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง และซับซ้อนในดวงตาของเขา ”เราดีกันเถอะ”
ในตอนนี้ เวินจิ้งตกใจจริงๆ เธอมองเขาอย่างตั้งใจโดยพยายามหาร่องรอยของการหลอกหรือเล่ห์เหลี่ยมจากดวงตาของเขา
แต่เขาก็มองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ และพูดอย่างใจเย็น “เวินจิ้ง อยู่ข้างๆผมเถอะ”
จู่ๆเวินจิ้งก็หัวเราะราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องตลกที่ไม่สามารถตลกไปกว่านี้ได้ และสำลักเป็นระยะๆ “คุณอยากให้ทุกคนรู้ว่าฉันเป็นมือที่สามที่ทำประสบความสำเร็จจริงๆเหรอ”
ทั้งเมืองรู้ว่าวันแต่งงานของมู่วี่สิงและหลิงเหยากำลังใกล้เข้ามา แต่ตอนนี้มู่วี่สิงกลับต้องการให้เธอแต่งงานกับเขา
เขาจะทำแบบนี้จริงๆหรอ
“คุณไม่เคยเป็นมือที่สามจิ้งจิ้ง ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นโจวเซินจะจับมือคุณ และดึงคุณให้มีส่วนร่วมในกิจการของเขาด้วย มีเพียงผมเท่านั้นที่ช่วยให้คุณหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยได้” มู่วี่สิงพูดอย่างอดทน ก่อนจะยื่นมือไปทัดผมให้เธอ
ผู้ชายคนนี้สามารถพูดคำขู่ได้อย่างอ่อนโยนเสมอ
เธอสามารถพึ่งพาเขาได้เท่านั้น มิฉะนั้นชะตากรรมของเธออาจจะเหมือนกับโจวเซิน
หึ
“คุณต้องการอยู่กับผมหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องตอบผมตอนนี้” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นลงเล็กน้อย “ตอนนี้คุณสามารถตั้งเงื่อนไขอะไรกับผมก็ได้”
จู่ๆเวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเย็นชา “ฉันไม่สามารถอยู่กับคุณได้อีกแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ยิ้มอีกครั้ง “ฉันจะไม่ถูกคุกคามจากคุณอีกต่อไป ฉันอยากเข้าคุก”
ดวงตาของมู่วี่สิงเย็นลงและลึกซึ้งขึ้น ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังคงยับยั้งการระเบิดของอารมณ์
เขากล่าวอย่างอบอุ่นว่า “คุณควรพิจารณาคำพูดของผมดีๆ”
เวินจิ้งทำเหมือนไม่ได้ยิน เธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างดื้อดึง
มู่วี่สิงอาจไม่เห็นท่าทางของตัวเองในตอนนั้นแน่ ก่อนหน้านั้นความเฉยชาเป็นเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง เพียงแค่ดึงนิดเดียวก็ฉีกขาดแล้ว
คิ้วของเธอก็เลิกขึ้นเล็กน้อย พร้อมเผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
ในช่วงบ่ายมู่วี่สิงออกไปแล้ว เวินจิ้งจึงอยู่ในบ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง
เธอบอกกับอั้ยเถียนว่าอย่าบอกหลินเวยเกี่ยวกับเรื่องของเธอในหนานเฉิง เธอหวังว่าพ่อแม่ของเธอจะมีความสุขกับช่วงบั้นปลาย และเลิกยุ่งเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้
ทุกเรื่องเธอจะแบกรับมันไว้คนเดียว
เธอโทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นการส่วนตัว เธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถกลับไปและคืนสถานะได้ในเวลาอันสั้น หากโรงพยาบาลไม่สามารถอนุมัติวันหยุดยาวของเธอได้ เธอยินดีที่จะยอมรับผลการลาออก
หลังจากจัดการกับสิ่งเหล่านี้แล้ว เธอก็ง่วงเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะนอนหลับให้สนิทสักพัก
ในสามปีที่ผ่านมาในประเทศ F ไม่ว่าห้องจะอุ่นแค่ไหน เท้าของเธอก็เย็นเสมอเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
แต่ครั้งนี้ เธอนอนหลับอย่างอบอุ่นมาก
เธอขยับขาของเธอเบาๆ สัมผัสนั้นอบอุ่นมาก และเมื่อเธอขยับอีกครั้งเธอก็รู้ว่าเธอวางเท้าไว้บนขาของมู่วี่สิง และร่างของเธอยังคงขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เขาแค่เอามือโอบเอวเธอไว้หลวมๆ อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะแหลก
ท่านี้คงจะไม่ดีนัก
เวินจิ้งง่วงนอนมาก เธอจึงพึมพำออกมา “คุณไปให้พ้น”
เขาเพียงแค่ยิ้มเบาๆ ใจของเขาสั่นน้อยๆ ก่อนที่เขาจะขยับตัวเธอเข้ามาใกล้ และลูบหลังเธอ “เดี๋ยวต้องตื่นแล้ว อาหารเย็นอยากกินอะไร”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และไม่พูดอะไร เพียงแค่พลิกตัวหนีเท่านั้น
มู่วี่สิงไม่ได้รบกวนเธออีก เขาวางมือลงบนท้องน้อยของเธอ และเมื่อเขาแตะลงไป ท้องของเธอก็ขยับเบาๆตามจังหวะหายใจ
เขาก้มศีรษะลง ริมฝีปากบางของเขาลากไล้ไปตามหัวไหล่ของเธอ และลมหายใจร้อนของเขาก็เป่ารดที่ด้านหลังคอของเธอ
เวินจิ้งหลับตาลง หลังจากนั้นไม่นานเสียงของเธอก็พูดผ่านความมืด ด้วยความสับสนเล็กน้อย “ฉันฝันเยอะมาก”
เขากอดเธอแน่นราวกับปลอบเด็กที่ฝันร้าย “คุณฝันถึงอะไร”
“แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ความฝัน … ”
เธอหยุดชั่วคราวและลืมตาขึ้น แต่เธอมองไม่เห็นแสงสว่างเลย มีแต่เหตุการณ์ในอดีตมากมายที่เธอไม่สามารถลืมได้
เธอลืมไม่ได้ว่าเขา ‘แต่งงาน’ กับโจวหย่านเมื่อสามปีก่อน ตอนที่เธออยู่ยุโรปเธอยืนรอเขาอยู่ที่ประตู ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวน เธอรอสามหรือสี่ชั่วโมงจนตัวเปียกโชกไปทั้งตัว เขาถึงยอมให้เธอเข้าไป
เขาเฉยเมยไร้ความปรานี เธอไม่รู้ว่าเขาเกลียดเธอหรือรักเธอกันแน่
เธอไม่ต้องการตรวจสอบทุกอย่างให้ชัดเจนกว่านี้
ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นผู้ชายที่เธอมอบความรักทั้งหมดให้
เวินจิ้งยิ้มออกมาเงียบๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันลืมสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ … จะทำยังไงดี …”
จู่ๆเธอก็ถูกเขายกร่างของเธอพลิกไป ให้หันไปเผชิญหน้ากับผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอ
เธอสามารถมองเห็นจมูกตรงสวยของเขา ดวงตาคมที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้น
ปลายจมูกของเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา หน้าอกของเขาอุ่นและแข็งแกร่ง เวินจิ้งดูเขาเงียบๆอยู่นาน ก่อนจะก้มหน้าลงไปกัดลำคอของเขา
ราวกับเป็นสัตว์ร้ายตัวน้อยที่สิ้นหวัง กำลังต่อสู้เอาตัวรอดครั้งสุดท้ายอย่างไม่ยอมแพ้
ความเจ็บแปลบแผ่ซ่านจนชาไปหมด
แต่ในตอนนี้ มู่วี่สิงแทบจะสังเกตเห็นเพียงอ้อมกอดที่น่าพึงพอใจนี้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เมื่อเขาหาบางอย่างและไม่สามารถหามันได้ เขาก็ลืมที่นี่ไปเสมอ
คงจะเป็นแบบนี้แหละ
กำแพงหนาที่หัวใจของเขาพังทลายลงอย่างกะทันหัน เขาไม่สนใจความเจ็บปวดที่คอของเขา เขาเอื้อมมือออกไปบีบแก้มเธอไว้