บทที่ 678 อย่างน้อยเขาก็จะปกป้องเธอ
“เวินจิ้งหายไปหรอ” มู่วี่สิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ใบหน้าของเขาซีดเผือด “มีคนจำนวนมากเฝ้าอยู่ข้างนอก เธอจะหายไปได้ยังไง”
เธอหนีออกจากบ้านด้วยตัวเองไม่ได้แน่ แถมเธอไม่สามารถยอมจากไปอย่างง่ายดายโดยไม่มีข่าวของหลินยี่
พ่อบ้านตกใจเล็กน้อยกับการตะโกนของเขา เขาตัวสั่นและพูดว่า “เมื่อสักครู่ผมถามคนคุ้มกัน … พวกเขาบอกว่าคุณมู่มาที่นี่ … เป็นไปได้ไหม …”
คุณปู่
ใบหน้าของมู่วี่สิงมืดลงในทันที เขาวางสายโทรศัพท์ และโทรออกอีกโทรศัพท์ทันที พร้อมหยิบกุญแจรถ และเดินออกไปข้างนอก “คุณปู่พาเวินจิ้งออกไปแล้ว ส่งคนตามไปเร็ว”
เวินจิ้งไปกับมู่เฉิงได้ยังไง เธอรู้อยู่แล้วว่ามู่เฉิงไม่ชอบหน้าเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของมู่เฉิงนั้นรุนแรง เขารู้ว่าจะกำจัดคนคนหนึ่งยังไง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้มู่วี่สิงก็ไม่สามารถสงบลงได้อีก
เมื่อเปิดประตูออกมา เวินจิ้งก็รู้ทันทีว่าคราวนี้เธอก้าวผิด
ที่รกร้างว่างเปล่า เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
เป็นสถานที่ที่ดีในการฆ่าคน และฝังศพ
ที่ผ่านมามู่เฉิงเพียงขอให้เธอไปจากมู่วี่สิง แต่ตอนนี้เขาต้องการให้เธอตาย ถ้าเธอตายอาจจะทำให้มู่วี่สิงปล่อยใจได้จริงๆ
เธอค่อยๆออกจากรถ มองไปที่ชายในชุดดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วยังมีอารมณ์ยิ้มออกมา
เธอถามด้วยเสียงต่ำ “คุณปู่มู่ต้องการให้คุณฆ่าฉันหรอ”
ชายคนนั้นยังคงไม่แสดงออก “คุณมู่ต้องการให้ผมบอกอะไรคุณหนึ่งประโยค ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่าคุณจะไม่จากไป แต่เขาเชื่อว่ามู่วี่สิงจะไม่ปล่อยให้คุณจากไป”
ทันทีที่พูดจบ ปากกระบอกปืนสีดำก็หันเข้าหาคิ้วของเธอ
เวินจิ้งตัวตาวาบ เธอตั้งใจจะยกมือขึ้นต่อสู้และหลบหนี แต่ก็มีเสียงผู้ชายดังมาจากข้างหลังอีกครั้ง “อย่าทำให้เสียเวลาเลย พวกเราจะยอมไม่ฝังคุณไว้ในป่าที่เงียบเหงานี้ก็ได้”
เธอไม่มีทักษะมากนัก แม้ว่าเธอจะสามารถต้านทานได้ในตอนนี้ แต่เธอก็รู้ว่ามันไร้ผล
เธอกัดริมฝีปากแน่น แผ่นหลังของเธอเย็นเฉียบ
เธอไม่อยากอยู่กับมู่วี่สิงอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะเดาไม่ได้ว่ามู่เฉิงเกลียดชังเธอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะตั้งใจฆ่าเธอ
“ถ้าฆ่าฉันแล้ว มู่วี่สิงจะไม่มีทางยกโทษให้คุณปู่มู่ และถ้าคุณฆ่าฉัน มู่วี่สิงก็จะไม่ปล่อยคุณไปเหมือนกัน” เวินจิ้งมองไปที่ดวงตาของชายตรงหน้า พร้อมพูดออกมา
นิ้วของอีกฝ่ายที่เหนี่ยวไกสั่นเล็กน้อย แต่ครู่เดียวใบหน้าของเขาก็ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม “นี่เป็นความรับผิดชอบของเราเรื่องอื่นไม่อยู่ในคำสั่ง”
จากนั้นนิ้วของเขาก็ออกแรงเหมือนเดิม
เวินจิ้งกัดริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง เธอเคยถูกลักพาตัวหลายครั้งก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่ตาย แต่ตอนนี้เธอกำลังจะตายในที่อย่างนี้หรือ
กว่ามู่วี่สิงจะเจอศพของเธอ สภาพก็คงดูไม่ได้แล้ว
“ปัง” เสียงปืนดังท่ามกลางป่ารกร้างที่เงียบสงบ
มันเร็วเกินไป เวินจิ้งไม่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับการตายอย่างกะทันหันนี้เลย เธอทำได้เพียงจ้องมองที่ปากกระบอกปืนที่หันเข้าหาเธออย่างว่างเปล่า
แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิด
เวินจิ้งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งชายคนนั้นล้มลงต่อหน้าเธอ
ในไม่ช้าเลือดก็ไหลเปื้อนลงบนหญ้าสีเหลือง
เวินจิ้งก้าวถอยหลังเล็กน้อย ทันใดนั้นก็จำได้ว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ข้างหลัง เมื่อหันตัวกลับมา ก็เจอกับคนแปลกหน้า แต่ค่อนข้างหล่อเหลาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
เขาเตะชายที่เขาเพิ่งฆ่าที่พื้นอย่างแรง “ฉันกลัวแทบตาย โชคดีที่เวลานั้นเหมาะสม”
เวินจิ้งก้าวกลับมาอีกครั้ง มองไปที่ผู้ชายสองสามคนที่ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน แล้วขมวดคิ้ว และถามว่า “คุณเป็นใคร”
อู๋ชิงสังเกตดูเด็กผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้าที่บอบบางของเธอนั้นสวยงามมาก และผิวขาวของเธอก็เหมือนกับไข่ที่ปอกเปลือก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ประเภทที่ดูน่าตะลึงในทันทีที่มองเพียงแวบเดียว แต่ก็ยังสวยพอที่จะมอง
ตัวจริงเจ้าอารมณ์มากกว่าในรูปมาก
ผสมกับอารมณ์ที่แตกต่างของผู้หญิงตะวันออกระหว่างเด็กผู้หญิงและผู้หญิง
เวินจิ้งรีบขอบคุณผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอ “ขอบคุณพวกคุณมาก”
เมื่อสิ้นคำ เธอก็โค้งคำนับ
อู๋ชิงผงะและนิ่งไป ช่างเป็นเรื่องตลกที่เขาทนรับการโค้งคำนับนี้ไม่ได้
“ไม่ต้องขอบคุณ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องช่วยคุณ ถ้าไม่ช่วยมันคงจะมีปัญหาขึ้นมาจริงๆ”
เขามองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาที่ยังคงตกใจเล็กน้อย เธอยิ้มอ่อนๆ เขาไม่ละความพยายามที่จะช่วยเจ้านายของเขาให้ร้ายมู่วี่สิง “คุณเวินจิ้งสามีของคุณขู่คุณ คุณปู่ของเขาก็กำลังจะฆ่าคุณ คุณปล่อยผู้ชายคนนี้ไปเถอะ มีผู้ชายดีๆกำลังรอคุณอยู่”
เวินจิ้งกลอกตา “คุณรู้จักฉันไหม”
ไม่ไกลออกไป มีรถลัมโบร์กีนีสีน้ำเงินขับขึ้นมา “คุณเวินจิ้งโปรดขึ้นรถมากับเราเถอะ เราไม่รู้จักคุณ แต่เจ้านายของเราคือคนที่ชื่นชมคุณ และเราได้รับมอบหมายให้ปกป้องคุณ”
เวินจิ้งขมวดคิ้วคิดอยู่นาน แต่ก็คิดไม่ออกว่าเจ้านายของคนเหล่านี้คือใคร …
ไม่ใช่โจวเซิน เพราะตอนนี้โจวเซินอยู่ในคุก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
“พวกคุณมาจากตระกูลหยูหรอ” เวินจิ้งถามขึ้นมา
“ไม่ใช่” ชายคนนั้นส่ายหัว
เวินจิ้งกะพริบตาปริบๆ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็หม่นลง ก่อนที่เธอจะเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ”คุณบอกว่าเจ้านายของคุณชื่นชมฉัน แล้วตัวเขาล่ะ ฉันกำลังจะตาย เขาจะไม่ปรากฏตัวหน่อยหรอ นี่เรียกว่าชื่นชมแล้วหรอ ถึงมู่วี่สิงจะทำไม่ดีกับฉัน แต่ตอนที่เขามาช่วยฉันเขาก็จะมาด้วยตัวเองเสมอ”
อู๋ชิงรู้สึกขบขันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเวินจิ้งจะคิดว่าพวกเขาเป็นคนเลว
เขากำลังจะพูด แต่ชายคนหนึ่งคนของเขากลับวิ่งมาอย่างรวดเร็ว “มู่วี่สิงตามมาแล้ว เราต้องออกไปตอนนี้”
“คุณเวินจิ้งรีบขึ้นไปเถอะ เราต้องรีบไปแล้ว” อู๋ชิงคว้าข้อมือเวินจิ้งไว้ และลูกน้องก็เปิดประตูรถเพื่อให้เขาขึ้นไปทันที
เวินจิ้งเบิกตากว้าง แล้วพูดประชด “ถ้าฉันไม่ขึ้น คุณจะตีฉันมั้ย”
เธอต้องการไปจากมู่วี่สิงก็จริง แต่เธอได้ทำพลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว ตอนที่เธอออกมากับมู่เฉิงในวันนี้ เธอจึงไม่กล้าที่จะไปกับคนที่เธอไม่รู้จักอีก
มู่วี่สิงยังคงรักเธออยู่ อย่างน้อยเขาก็จะปกป้องเธอ
เธอสะเพร่า เธอรู้สึกว่าความฉลาดของเธอนั้นลดลง
อู๋ชิงยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน พร้อมลากเวินจิ้งขึ้นรถ “ไม่ต้องอาลัยมู่วี่สิง ผมรับรองว่าเจ้านายของเราจะรักคุณมากกว่าเขา สบายใจเถอะ”
ประตูถูกปิดลง และลัมโบร์กีนีก็ออกไปทันทีด้วยความรวดเร็ว
มู่วี่สิงจับพวงมาลัยแน่น ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม และดุดัน เขาไม่ได้จำกัดเสรีภาพในการเข้าออกของเวินจิ้ง แต่จะจัดให้มีคนมาคุ้มกันเธอ ก็เพียงเพราะกลัวว่ามู่เฉิงจะทำอะไรไม่ดีกับเธอ
แต่คาดไม่ถึงว่าเวินจิ้งจะยอมหนีไปกับเขา
ลี่หนานเฉิงนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ โดยที่ชายข้างๆเขาก็กำลังขับรถอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่ถนนที่เป็นทางออกไปจากเมือง พร้อมขมวดคิ้วและพูดว่า “เห้ๆ ที่นี่ดูจะอันตรายไป…”
“หุบปาก!” มู่วี่สิงตะคอกอย่างเย็นชา เส้นเลือดบนหน้าผากและหัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้นไม่หยุด