บทที่ 679 แค่เธอปลอดภัยก็พอ
รถสีดำยังคงจอดอยู่ในถิ่นทุรกันดาร มู่วี่สิงเบรกอย่างแรง เขาได้กลิ่นคาวเลือดที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ
ลี่หนานเฉิงนำลงจากรถ และรีบวิ่งอย่างรวดเร็วไปที่ศพทั้งสองที่นอนบนพื้น เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่ต้องกังวลผู้หญิงของนายไม่ได้อยู่ที่นี่”
การไม่เห็นศพก็ไม่ใช่ว่าจะดี
มู่วี่สิงเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าสงบ เหล่มองคนทั้งสองที่พื้นและพูดอย่างเย็นชาว่า “คนขององค์กรหยินเฟิงทำ”
การซุ่มยิงที่สะอาด และระยะไกล เทคนิคดังกล่าวเป็นขององค์กรลับ——องค์กรหยินเฟิง
แม้แต่มู่วี่สิงก็ยังไม่สามารถหาฐานขององค์กรนี้ได้
“ องค์กรหยินเฟิง ดูเหมือนจะเป็นกองกำลังทหาร” ลี่หนานเฉิงก้มตัวลงเพื่อดูศพที่พื้น “เพื่อน ไม่ใช่ว่านายทำให้ใครขุ่นเคือง จนเขาต้องลงมือเวินจิ้งหรอกใช่ไหม”
มู่วี่สิงรีบหันกลับ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เป็นมิตร “สั่งปิดสนามบินและเส้นทางการจราจรหลักๆด่วน และแจ้งให้เป็นวาระแห่งชาติด้วย”
มุมปากของลี่หนานเฉิงกระตุก ชายคนนี้จะใช้อำนาจของตัวเองเก่งจริงๆ
เวินจิ้งถูกบังคับให้นั่งบนเบาะหลัง โดยที่ประตูล็อกไว้ แลมโบกินี่กำลังขับรถกลับเข้าเมืองแล้ว เธอฟังชายที่ชื่อ อู๋ชิงรายงานชายคนนั้นทางโทรศัพท์
“นายบอกว่าตาแก่ตระกูลมู่ต้องการฆ่าเวินจิ้งหรอ” เพราะความโมโห เสียงของชายคนนั้นจึงเย็นยะเยือกขึ้น “เธอเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้เธออยู่ในรถ และถ้าเราไม่ได้ตามเธอ ป่านนี้เธอคงนอนเป็นปุ๋ยอยู่ในป่ารกร้างแล้ว”
อู๋ชิงพูดอย่างสบายๆ “ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารจริงๆ คุณยังมีโอกาส รีบกลับมาไถ่โทษสิ จะอยู่ข้างนอกอีกนานแค่ไหน”
โอกาสที่ดีเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าเจ้านายกำลังจะทำอะไรกันแน่ นอกจากคุยโทรศัพท์ทุกวัน เขาจึงไม่ได้ตามเจ้านายไป
“พาเธอกลับมา และดูแลเธอ ถ้าเธอไม่พอใจแค่นิดเดียว นายรอลดตำแหน่งได้เลย”
อู๋ชิงรู้สึกไม่เป็นธรรม “ผมไม่เคยดูแลผู้หญิงมาก่อน ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าจะดูแลยังไง …นี่ไม่ให้ความลำบากกับผมเกินไปหรอ”
ผู้หญิงของคุณแต่ให้ผมดูแล ล้อเล่นรึเปล่า
ไม่ได้ยินหรอ ที่เธอเพิ่งบอกว่ามู่วี่สิงมักจะมาด้วยตัวเองตลอด
จิตใจของผู้หญิงอ่อนไหว และละเอียดอ่อนมากๆ เจ้านายของเขาเป็นคนที่มีความสามารถมาก แต่ทำไมไม่มีเหตุผลแบบนี้
“อย่าปล่อยให้มู่วี่สิงเข้าใกล้เธอ” ชายคนนั้นพูดอย่างไม่แยแส “ถ้าตาแก่ตระกูลมู่กล้าที่จะทำอะไรเธออีกครั้ง ฉันจะฆ่าซะ”
เขาพูดอย่างไร้ความปรานีและตรงไปตรงมา ”คุณแน่ใจหรือว่าต้องการทำอย่างนี้ แย่งผู้หญิงมาจากคนอื่น แถมยังฆ่าคุณปู่ของเขา คุณว่าองค์กรหยินเฟิงจะถูกตามล่าขนาดไหน”
ลูกน้องอย่างเขา ต้องการบอกว่าเขาไม่อยากถูกตามล่ากับเจ้านาย
นั่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอย่างแน่นอน ยิ่งต้องต่อสู้กับมู่วี่สิงอีก เขายิ่งไม่กล้า….
เวินจิ้งไม่เข้าใจคำพูดก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเธอได้ยินประโยคหลัง เธอก็รีบพูดทันที “คุณจะทำอะไรคุณปู่ไม่ได้”
ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นหนี้ตระกูลมู่ แต่เธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุการตายของคุณปู่ของมู่วี่สิง
ทำไม่ได้….
ชายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ได้ยินเช่นกัน เขานิ่งไป และเปลี่ยนคำพูดโดยไม่ลังเล “โอเค ไม่ฆ่าก็ไม่ฆ่า อย่าตระหนกไป”
อู๋ชิงถ่ายทอดคำพูดของเจ้านายของเขากับเวินจิ้งอย่างใจเย็น “เจ้านายของเรารักคุณมากที่สุด ถ้าคุณยืนยันไม่ฆ่า เราก็จะไม่ฆ่า”
เวินจิ้งเม้มริมฝีปากของเธอโดยที่ยังมีอาการตื่นตัวเล็กน้อย
เธอถูกชอบด้วยคนใหญ่โตขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน
ในหนานเฉิงใครจะกล้าลักพาตัวคนจากมู่วี่สิงอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้กัน
แถมยังกล้าบอกว่าจะฆ่าคุณปู่มู่แห่งตระกูลมู่
ตอนนี้ ณ.บ้านเก่าตระกูลมู่
มู่วี่สิงสวมเสื้อคลุมสีเทาอ่อน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ดุดัน แผ่รังสีฆ่าอย่างน่ากลัว
คนรับใช้ที่พบเขาระหว่างทาง ต่างกลัวที่จะทักทายเขา
จนกระทั่งมาถึงสวน ก็พบกับมู่เฉิงที่นั่งบนวีลแชร์และรดน้ำดอกไม้ที่เพิ่งบาน
เขาเตะไปที่กระถางดอกเดซี่จนมันร่วงเป็นชิ้นๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “คุณส่งคนมาฆ่าผู้หญิงของผมหรือเปล่า”
มู่เฉิงมองไปที่ดอกเดซี่ที่หัก และค่อยๆลุกจากรถเข็นด้วยไม้เท้า พร้อมกับรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของเขา “ดูจากสภาพแกสิ ถ้าฉันฆ่าจริงๆ ถ้าเธอโดนฉันฆ่าแล้วจริงๆ แกจะฆ่าปู่ตัวเองเพื่อนแก้แค้นให้เธอมั้ยล่ะ”
มู่วี่สิงยืนนิ่งราวกับรูปปั้นที่ไม่มีอารมณ์ “ซือซือตายแล้ว คุณยังอยากให้ผมใช้ชีวิตอย่างคนตายทั้งเป็นอีกหรอ”
มู่เฉิงตกตะลึง ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจะค่อยๆจางลง เขามองไปที่หลานชายของเขา “แกกำลังบอกฉันว่า ถ้าเธอตายไปแล้ว แกจะสามารถมีชีวิตเหมือนคนตายได้เท่านั้นหรอ”
มู่วี่สิงเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นก็ตะโกนว่า “ใช่ ผมรักเธอ ถ้างั้นผมสมควรตายมั้ย หรือจะบอกว่าผมอกตัญญู แล้วจะให้ทำยังไง ถึงจากนี้ผมจะตาย จะต้องตกนรก ผมก็ยังรักเธออยู่ดี”
เขายิ้ม แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และการถากถาง
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาปล่อยให้ตัวเองมีชีวิตที่สมเหตุสมผล แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนี้ต่อไปได้อีก
เขาทรมานตัวเองแค่นั้นไม่พออีกหรอ
เวลากว่าสามปีที่สูญเสียหัวใจของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ถ้าตอนนี้เขายังไม่ก้าวออกมาจากอดีต ก็เหมือนจะทรมานตัวเองไปด้วย
เขาไม่สนใจว่าเขาอาจจะติดกับ แต่เวินจิ้งต้องอยู่กับเขา
เขาทอดทิ้งน้องสาว ปู่และความหมกมุ่นของเขาตลอดสามปีที่ผ่านมา เหลือเพียงเวินจิ้ง
เขาต้องการเธอเท่านั้น
เมื่อเห็นสภาพเขาเช่นนี้ มู่เฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาพูดไม่ออก
มู่วี่สิงพูดเบาๆว่า “ผมหวังว่านี่จะเป็นครั้งเดียวที่คุณจะฆ่าเธอ สิ่งที่เธอเป็นหนี้เรา เธอได้รับการชดใช้ไปแล้ว คุณปู่ ถ้าปู่ต้องการให้ตระกูลมู่ไม่มีคนสืบสกุล ก็จงฆ่าเธอซะ”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที
เสื้อคลุมสีเทาถูกพัดด้วยคลื่นลมที่รุนแรง
ลี่หนานเฉิงกำลังรอเขาอยู่นอกบ้านหลังเก่า ในที่สุดเขาก็โล่งใจ เมื่อเห็นเขาออกมา ตอนนี้มู่วี่สิงมีท่าทางที่น่ากลัวมาก เขากังวลจริงๆ
ตั้งแต่เจอกับเวินจิ้ง อารมณ์ของเขาก็ไม่เคยควบคุมได้เลย
แม้ว่าพวกเขาจะสนิทกัน แต่เขาก็ไม่สามารถปลอบโยนได้ ได้แต่กัดฟันพูดได้เพียงประโยคเดียวว่า “เพื่อน ในเมื่อเวินจิ้งถูกพาตัวไป แสดงว่าเธอต้องไม่เป็นอะไร แถมนานขนาดนี้ก็ยังไม่มีคนโทรมา อาจจะไม่ใช่คนบ้านแกก็ได้”
มู่วี่สิงนิ่งเงียบตลอดเวลาที่ขับรถออกไป เขาจ้องมองตรงไปข้างหน้า สิ่งที่เขากลัวที่สุดไม่ใช่ว่าจะมีใครมาพรากเธอไป … แต่เป็นเธอไม่ต้องการกลับมาอีกแล้ว