บทที่ 688 ทันทีที่ตกหลุมรัก ไอคิวจึงติดลบ
เวินจิ้งซบไหล่พี่ชายร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างอึดอัดใจ ทว่าปลายนิ้วกลับสัมผัสลงบนรอยแผลเป็นที่อยู่บนซีกหน้าด้านขวาของเขา “ฉันร้องไห้ให้ใบหน้า…”
เธอมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาอย่างเจ็บปวด แพขนตาถูกฉาบทับด้วยหยาดน้ำตา จากนั้นก็ยู่ปากบ่นว่า “ถึงแม้ว่ารอบแผลเป็นแค่นี้จะไม่มีผลกระทบกับความหล่อของพี่ แต่ฉันก็ยังปวดใจอยู่ดี พี่ไปทำอะไรมากัน”
นัยน์ตาของหลินยี่ดำลึก เขาไม่ได้บอกเธอว่าเขาเคยติดคุกมาก่อน
เขาไม่ต้องการให้น้องสาวที่สะอาดบริสุทธิ์เหยียบเข้ามาในโลกของเขา
พอเห็นว่าหลินยี่ไม่ตอบ เวินจิ้งก็ไม่ได้ถามต่อ บางทีอาจจะเป็นเรื่องเจ็บปวดที่พี่ชายของเธอไม่อยากนึกถึงอีก
“พี่รู้ไหมว่าฉันตามหาพี่อยู่นานขนาดไหน ฉันกับแม่เป็นห่วงพี่…”
หลินยี่ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เพียงแต่ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “พี่ไม่ดีเอง…หลังจากนี้พี่ชายจะดูแลเธอเอง หยุดร้องได้แล้วโอเคไหม”
เธอตอบเบา ๆ จากนั้นกัดริมฝีปากและหยุดปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างเชื่อฟัง
หลินยี่มองเธออย่างเป็นห่วง “มู่วี่สิงเอาแต่รังแกเธออยู่ตลอดเลยใช่ไหม เดี๋ยวพี่ชายจะช่วยเธอสั่งสอนเขา”
เวินจิ้งจับแขนเขาเอาไว้แล้วส่ายหน้า “หลังจากนี้พวกเราเลิกพูดถึงเขาเถอะนะ ฉันกับเขาไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกแล้ว”
หลินยี่มองแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเวินจิ้ง เธอเป็นน้องสาวของเขา เขาย่อมรักและเอ็นดูเธอ จึงไม่ได้โต้แย้งกลับไป
“พี่คะ พวกเรากลับลอนดอนกันเถอะ แม่คิดถึงพี่มากนะคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา” หลินยี่เอ่ยเสียงขรึม
เวินจิ้งตามหลินยี่กลับไปที่คอนโดที่อู๋ชิงเคยพาเธอมา “ฉันจะส่งคนมาคอยดูแลเธอ ต้องการอะไรก็บอกอู๋ชิงได้ เขาจะช่วยเธอจัดการ”
หลังจากหลินยี่ส่งเธอกลับ เขาก็เปลี่ยนชุดเตรียมตัวออกไปข้างนอก
“วางใจได้ คราวนี้ไม่มีใครพาตัวเธอไปได้อีกแน่ นอนหลับพักผ่อนให้สบายใจเถอะ”
เวินจิ้งพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอมองท่าทางรีบเร่งของพี่ชายแล้วถามขึ้นอย่างสงสัย “นั่นพี่จะไปไหนคะ”
“ไปหาพี่สะใภ้ของเธอ”
เวินจิ้ง “…”
“ถ้าอย่างนั้นก็พาเธอมาให้ฉันดูหน่อยนะคะ” เวินจิ้งกะพริบตา
เธออยากรู้อยากเห็นเรื่องคนรักของพี่ชายเป็นพิเศษ
หลินยี่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก ยังมีนิสัยเฉพาะตัวนั่นอีก เธอไม่คิดว่าผู้หญิงที่ไหนคู่ควรกับพี่ชายของเธอด้วยซ้ำ
“เธอรู้จักอยู่แล้ว” หลินยี่ตอบกลับ
“อะไรนะ” ตอนที่เวินจิ้งยังไม่ทันจะได้ดึงสติกลับมา หลินยี่ก็ออกไปแล้ว
คนที่เธอรู้จักอย่างนั้นเหรอ
เวินจิ้งคิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่…
เหลือเธออยู่ในคอนโดคนเดียว ถึงแม้ว่าจะมีอู๋ชิงอยู่ด้วย แต่เขาเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นมากกว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่มีปรากฏตัวให้เธอเห็น
ตอนที่กำลังคิดว่าจะดูทีวี ยังไม่ทันจะได้หยิบรีโมท โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน
มือของเธอแข็งค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนหน้านี้มู่วี่สิงดูท่าทางผิดปกติเป็นอย่างมาก แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็อนุญาตให้ติดต่อเขาได้เพียงคนเดียว
เธอก้มหน้ามองมือสะอาดของตัวเอง เมื่อกี้ตอนที่กำลังอยู่บนรถเธอเช็ดมันจนสะอาดแล้ว เธอยังคงจำความเหนอะหนะและอุ่นร้อนตอนที่มือของเธอเต็มไปด้วยเลือดได้อย่างชัดเจน ในชั่วพริบตานั้น เธอก็เผลอกดลงบนปุ่มรับสาย
เธอกลั้นหายใจ เอนนอนขดตัวบนโซฟา แล้วกอดหมอนไว้ในมือ
น้ำเสียงแหบพร่าของผู้ชายค่อย ๆ ดังขึ้น แฝงด้วยอารมณ์หยอกล้ออยู่หลายส่วน “ยอมรับโทรศัพท์ฉันแบบนี้เพราะเผลอกดผิดปุ่มใช่ไหม”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของมู่วี่สิงเอามาก ๆ ตอบออกไปอย่างไม่ใส่ใจ “มือลื่น”
ทันใดนั้นเสียงลมหายใจจากปลายสายก็หนักขึ้นหลายส่วน
เธอปิดตาแล้วพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “มีเรื่องอะไร ถ้าไม่มีอะไรจะวางแล้วนะ”
มู่วี่สิงกลับเปิดปากแบบเย็น ๆ น้ำเสียงมืดครึ้มคล้ายได้รับบาดเจ็บ ลมหายใจสับสนวุ่นวาย “จิ้งจิ้ง ถ้าหากเด็กคนนั้นมีชีวิตขึ้นมาแล้ว เธอจะยังไปกับหลินยี่อยู่อีกไหม”
จากบ้านตระกูลมู่มาที่คอนโดแห่งนี้ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณครึ่งชั่วโมง มู่วี่สิงน่าจะยังไม่ผ่านตัดเอากระสุนออกสินะ
เขาบ้าไปแล้วจริง ๆ …ตอนนี้ยังโทรศัพท์มาหาเธออีก…
ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกเจ็บ แต่เวินจิ้งก็ตอบกลับไปอย่างไม่แม้แต่จะคิด คำที่พ่นออกมานั้นชัดเจน “มู่วี่สิง ไม่มีคำว่าถ้าหาก เช่นเดียวกันที่ไม่มีถ้าหากมู่ซือซือไม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่มีถ้าหากโจวหย่านไม่ใส่ร้ายฉัน พวกเราจะไม่ทรมานกันและกันอยู่แบบนี้ใช่ไหม”
ผ่านไปนานมู่วี่สิงก็ไม่พูดอะไรออกมา ตอนที่เวินจิ้งกำลังคิดจะวางสายโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ ๆ อีกครั้ง “จิ้งจิ้งไม่คิดถึงฉันเหรอ”
หมอนี่คงไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วหรอกนะ เขาเพิ่งไม่เจอเธอแค่ครึ่งชั่วโมง…ให้เอาอะไรไปถึง
เธอไม่ตอบ เหมือนเขาเองก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงแต่พูดต่อว่า “จิ้งจิ้ง ฉันคิดถึงเธอ”
เขาคิดถึงเธอ คิดถึงเธอมาก ๆ ดังนั้นเลยเธอโทรหาเธอก่อนจะทำการผ่าตัด
เขาจะต้องพาเธอกลับมาให้ได้ ไม่ว่าเธอจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
“คุณมู่ เชิญวางสายโทรศัพท์ด้วยค่ะ จะเริ่มดำเนินการผ่าตัดแล้ว” หมอและพยาบาลในเสื้อคลุมสีขาวข้าง ๆ มองไปที่ชายที่ยังคงยืนกรานที่จะโทรศัพท์อย่างหมดคำพูด
ยังคิดว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนอะไร สรุปคือเป็นคำพูดแค่ไม่กี่คำพวกนั้น นี่ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ที่ถึงแก่ชีวิตอะไรนั่นเสียหน่อย ก่อนเข้าไปยังถามว่ามีคิดถึงไม่คิดถึงพวกนี้อีกเหรอ…
ลี่หนานเฉิงที่อยู่ข้าง ๆ กับกลอกตามองฟ้า รู้สึกเกลียดเขามากจริง ๆ
หยุดทำตัวเสแสร้งแบบนี้สักทีได้ไหม
ผู้ชายคนนี้พอได้ตกอยู่ในห้วงรักแล้วไอคิวก็ติดลบไปเลยสินะ
มือของมู่วี่สิงกำลังคลายออก เสียงของเวินจิ้งดังชัดเจนขึ้นอีกครั้ง “มู่วี่สิง คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงอยากจะจากคุณไปให้ได้ พูดจริง ๆ แล้ว ตอนที่คุณถูกพี่ชายฉันยิงแล้วยังไม่ยอมปล่อยฉัน ฉันประทับใจมาก ที่จริงก่อนหน้านี้ฉันก็เคยรักคุณมากขนาดนั้นเหมือนกัน”
“เพียงแต่ไม่ใช่ทุกสิ่งในโลกนี้ที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ”
เธอรู้แล้วว่ามู่วี่สิงรู้ว่าพี่ชายของเธออยู่ที่ไหนตั้งนานแล้ว แต่เขาแค่ไม่ยอมบอกเธอ
มู่วี่สิงเพียงพูดออกมาหนึ่งประโยค “จิ้งจิ้ง คำว่า ‘เคย’ นี่มันไม่เข้าหูจริง ๆ ”
พูดจบเขาก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว
เขาส่งโทรศัพท์ให้พยาบาลอย่างเย็นชา “รีบผ่าตัดเร็วหน่อย”
เขาต้องรีบไปเธอกลับมาอยู่ข้างกายเขา
ลี่หนานเฉิงเห็นใบหน้าที่เฉยเมยของเขายิ่งรู้สึกรังเกียจ น้องนายสิเร็ว!
ใครที่เมื่อกี้นี้แสร้งทำเป็นให้ตายยังก็ต้องโทรศัพท์ให้ได้หา
เขาอดที่จะมีความคิดชั่วร้ายไม่ได้ เมียนายวิ่งหนีเพราะนิสัยแบบนี้ไง
…
ในขณะนี้เอง บนท้องถนนที่มีรถวิ่งกันขวักไขว่ตลอดเวลา เวยอานขับรถไปโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้างดงามดำมืดและหดหู่
วันนี้ตอนเช้าหลินยี่รับโทรศัพท์ โยนคำพูดออกมาไม่กี่คำก่อนจะออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกี้เธอส่งข้อความหาเขาก็ไม่ตอบกลับ
ดูจากเวลาก็ดึกมากแล้ว เขาน่าจะอยู่ที่บ้านแล้วหรือเปล่า
เมื่อนึกได้แบบนี้ ก็เร่งความเร็วขึ้นอีกหลายกี่วินาที ทว่าจู่ ๆ กลับรถคันหนึ่งก็จอดอยู่ข้างหน้า เวยอานรีบเหยียบเบรกทันที แต่ก็หลบไม่ทันแล้ว รถของเธอจึงชนเข้าอย่างแรง
เวยอานขมวดคิ้ว รีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ หน้ารถของเธอชนท้ายของอีกฝ่าย ส่วนท้ายทั้งหมดยุบเข้าไป ไฟรถแตกละเอียด
เธอมองไปที่สัญลักษณ์ของรถคันนั้นอีกครั้ง แล้วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งหัวใจ
มันคือรถปอร์เช่