บทที่ 70 บริสุทธิ์กระจ่าง
มู่วี่สิงสวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัดกับชุดสูทเรียบสีโทนดำ ช่างสง่าเป็นเลิศดั่งบุรุษหล่อเหลา ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่หัวมุมล่าง เผยกลิ่นอายที่แกร่งกล้าอวบอวยออกมา กลับรู้สึกดั่งถูกดวงดาวมากมายล้อมรอบพระจันทร์ไว้
ข้างกายมีชายหนุ่มอายุอาหนามวัยสูงกลางหลายคนนั่งอยู่ด้วย ล้วนสวมใส่ชุดสูท ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ดีแวกวงสูงส่งกันทั้งนั้น
ตอนเข้าไปเสี้ยงหงเป็นคนเอ่ยทักทายขึ้นก่อน เวินจิ้งได้ยินเขาเอ่ยเรียกนามขึ้นถึงรู้ว่าเป็นผู้ดูแลบริษัทการผลิตยาของเคอเอ่อ
ก่อนหน้าเวินจิ้งตกเป็นผู้ต้องสงสัยผู้รั่วไหลข้อมูลให้กับบริษัทนั้น ก็คือบริษัทการผลิตยาเคอเอ่อนั่นนี่เอง
เวินจิ้งและอั้ยเถียนนั่งลงอย่างเงียบงันอยู่อีกฝั่ง ส่วนหูชิงเป็นเลขาของเสี้ยงหง จึงเป็นคนคอยรินไวน์อยู่ข้าง ๆ เขา
ประธานของบริษัทเคอเอ่อช่างอ่อนเยาว์ อายุสามสิบกว่าไม่เกินสิบ คุยสนทนากับเสี้ยงหงอย่างไม่หยุดหย่อนขึ้น
เอ่ยเกี่ยวกับเรื่องการรั่วไหลข้อมูลแผนโครงการของบริษัทการผลิตยาเทียนอี หูชิงสั่นสะท้านอย่างไม่อาจยับยั้ง และไวน์ในมือก็หกอย่างไม่ตั้งใจ
เสื้อเชิ้ตของเสี้ยงหงสาดหกเปี่ยมไปด้วยคราบไวน์ หูชิงจึงรีบกล่าวขอโทษทันที แต่ก็ทำให่เสี้ยงหงหัวเสียในที่สุด
“มากับผม” เสี้ยงหงด้วยใบหน้าขึงขัง ตอนที่ผ่านอั้ยเถียนนั้น เลยเอ่ยสั่งให้เธอไปจัดการซื้อเสื้อเชิ้ตใหม่มาให้
ภายในห้องคลับส่วนตัวจึงมีเวินจิ้งผู้หญิงเพียงคนเดียวในตอนนั้น แล้วมองสบตาอีกฝ่าย เห็นมู่วี่สิงกำลังคุยเจรจากับชายหนุ่มผู้หนึ่งอยู่ แต่แววจากลับจ้องมองมายังเวินจิ้ง
เธอขมวดคิ้วพันเกลียว หลบเลี่ยงสายตาของเขา
“คุณเวินครับ จะลองลิ้มรสดูมั้ยครับ?” เวลานี้ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งพรวดลงข้างกายเวินจิ้ง คือผู้ชายประธานบริษัทเคอเอ่อเฉินเซิงนั่นเอง
เวินจิ้งมองแล้วมองดูไวน์เหลวสีฟ้าอ่อนแก้วนี้ แม้ว่าจะเป็นไวน์ค็อกเทลก็ตาม แต่ปริมาณแอลกอฮอล์นั้นไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “ฉันดื่มไม่ค่อยเป็นค่ะ”
“อันนี้เป็นค็อกเทลหวานครับ ประธานเสี้ยงพาคุณมา คงไม่ได้เป็นเพียงดั่งเครื่องประดับอย่างเดียวหรอกใช่มั้ยครับ?” น้ำเสียงเฉินเซิงเฉยเมย
เวินจิ้งล้นทะลักไปด้วยความลำบากใจ เสี้ยงหงพาเธอมาทำอะไรกันเนี่ย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำ…….
ซ้ำ มู่วี่สิงยังอยู่อีกด้วย จู่ ๆ เธอก็รู้สึกอ่อนระทวยอึดอัดใจ
“ในเมื่อไม่ไว้หน้ากันแบบนี้แล้ว งั้นก็ช่างเถอะครับ ผมก็คิดว่าคนรอบกายประธานเสี้ยงล้วนเป็นคนเข้ากับคนง่ายสักอีก ไม่คิดว่าจะใสเป็นเพียงแจกันดอกไม้จริง ๆ ด้วย”
คำพูดนี้ จี้ดำใจเวินจิ้งเข้าเสียแล้ว มาถึงที่นี่เลี่ยงไม่ได้ที่จะดื่มด่ำอยู่แล้ว เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรับแก้วไวน์นั้นมา
เฉินเซิงยิ้มแย้ม “ต้องอย่างงี้สิครับ”
ต่อมาเฉินเซิงก็พูดชวนเธอคุยอย่างปะติดปะไม่หยุดหย่อนขึ้นมา เวินจิ้งไม่ค่อยมีอารมณ์สักเท่าไหร่ ความสนใจนั้นถูกมู่วี่สิงดึงดูดไปหมดแล้ว…. แต่กลับไม่ค่อยกล้าสบมองเขามากนัก
เมื่อเสี้ยงหงกลับมานั้นก็เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตสะอาดมาแล้ว แล้วนั่งพรวดลงใหม่อีกครั้ง เพียงแต่คนที่อยู่ข้างกายนั้นเปลี่ยนาเป็นอั้ยเถียนแทน
ส่วนหูชิงนั่งอยู่ข้าง ๆ เวินจิ้ง
เวลานี้ ก็มีผู้ชายรายหนึ่งเข้ามาในห้องคลับส่วนตัวนี้ คือผู้ควบคุมแผนกประชาสัมพันธ์ของบริษัทการผลิตยาเคอเอ่อ พอแลเห็นหูชิง แววตาเขาผุดพรายแปลกใจสงสัยขึ้นมา
“คนเหล่านี้คือเพื่อนร่วมงานควบคุมฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทการผลิตยาเทียนอี แล้วคนที่เคยเกี่ยวพันติดต่อกับคุณคือคนไหนเหรอครับ?” ประธานผู้มากประสบการณ์หรี่ตามอง แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ถูกสื่ออย่างลับมาแล้ว
ชายหนุมขมวดคิ้วมุ่น สายตาจดเจาะอยู่ลงที่ตัวหูชิง แล้วเลื่อนถัดมองคนที่อยู่ข้างๆ อย่างเวินจิ้ง
“คุณเวิน” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา
เวินจิ้งมึนตึบ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้น วันนี้เห็นเป็นครั้งแรก!
“เวินจิ้ง แล้วคุณว่าไงครับ” เสี้ยงหงดูดสูบบุหรี่เข้าปอดฟื๊ดหนึ่ง ดวงตาคมคายหรี่มอง
“ฉันไม่เคยเกี่ยวพันเจรจากับเขามาก่อน แล้วก็ไม่รู้จักเขาด้วยค่ะ!”
ใบหน้าอั้ยเถียนเปี่ยมไปด้วยความกังวลเป็นห่วง อยากเอ่ยพูด แต่กลับถูกเสี้ยงหงรั้งไว้ก่อน
“อาเสิน คุณเล่ารายละเอียดเนื้อเรื่องออกมาเลย”
“วันที่ยี่สิบเดือนก่อน ที่ร้านกาแฟโยวเค่อถนนหลินอาน คุณเอาข้อมูลมาให้กับผม” อาเสินปริปากเอ่ย
“เวินจิ้ง วันนั้นคุณอยู่ที่ไหน” เสี้ยงหงเอ่ยถาม
เวินจิ้งขมวดคิ้ว นี่มันร่วงเลยไปตั้งครึ่งเดือนกว่าแล้ว วันนั้นคือวันหยุดสุดสัปดาห์…..
ถ้าหากจำไม่ผิด เป็นวันที่มู่วี่สิงพาเธอไปดูห้องแต่งงาน…..
แต่ว่า จะพูดกล่าวออกได้มั้ยเนี่ย…..
เธอจ้องมองมู่วี่สิง แล้วนิ่งครู่หนึ่ง “วันนั้นฉันไปดูบ้านใหม่ค่ะ ที่การ์เด้นมู่เจียวาน ไม่ได้ไปแถวถนนหลินอานด้วยซ้ำค่ะ”
“วิดีโอในร้านกาแฟโยวเค่อในวันที่ยี่สิบผมตรวจสอบออกมาแล้ว” เวลานี้ นิ้วมือเรียวยาวของมู่วี่สิงก็จิ้มดำเนินการอยู่กับแท็บเล็ต
คนที่ติดต่อเกี่ยวพันกับอาเสิน คือหูชิง!
หูชิงใบหน้าซีดเซียวขาวเหมือนกระดาษแต่แรกแล้ว ไม่กล้าสบสายตามองวิดีโอ เป็นไปได้ไง…..
“ไม่ใช่ฉันนะค่ะ….” หูชิงรีบเอ่ยตอบปฏิเสธทันที
อาเสินกลับก้มหน้าก้มตา แล้วเดินไปเบื้องหน้าประธานผู้มากประสบหารณ์อย่างเคารพ “นายครับ เพราะผมข่มใจต่อสิ่งล่อใจไม่ได้ เลยทำเรื่องผิดไปแล้วครับ”
เวินจิ้งจึงพรูหายใจออกมาอย่างโล่งอกใหญ่ จ้องมองมู่วี่สิงอย่างตื้นตันใจ
เขาเป็นคนช่วยเธอสืบเองเหรอเนี่ย?
ใบหน้าชายหนุ่มล้นไปด้วยความนิ่งเรียบอบอุ่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย
เขาในแบบนี้ ทำให้คนอื่นยากที่จะเดาออกได้
เรื่องนี้เสี้ยงหงแจ้งความไว้แต่แรกแล้ว ซึ่งหูชิงเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย และได้รวบรวมหลักฐานไว้ในก่อนหน้านี้แล้ว ขาดเหลือเพียงสเต็ปนี้
“ประธานเสี้ยงคะ!” หูชิงวิ่งลิ่วมาอย่างไม่สนใยดีอะไร และคราวนี้ อั้ยเถียนก็ได้ขวางต้านเธอไว้
“ไอ้ผู้หญิงต่ำระยำ อย่าแตะต้องประธานเสี้ยงนะ” อั้ยเถียนแบกางมือออก ท่าทางปกป้องอย่างทะมัดทะแมง
ประธานเสี้ยงยิ้มอย่างไร้ร่องรอย
“ฉัน……เพราะตอนนั้นเวินจิ้งทำฉันหงุดหงิดอารมณ์เสีย ครั้งนี้คุณยกโทษให้ฉันเถอะนะค่ะ…….”
“หูชิง นี่เธออคติกับฉันมาโดยตลอดเลยเหรอ” เวินจิ้งหน้าเปลี่ยน และน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
“ฉันไม่นะ….เวินจิ้ง เธอกล้าพูดเหรอ ว่าเธอไม่เคยอ่อยยั่วประธานเสี้ยง!”
เวินจิ้งตะลึงตะลาน อ่อยยั่วยวนประธานเสี้ยง?
ผู้หญิงคนนี้ดูออกมาได้ยังไงกัน….หัวสมองช่างใหญ่ดีเนอะ!
ณ ตอนนี้ เวินจิ้งรู้สึกถึงแววตารังสีอำมหิตแรงกล้าที่เพ่งมองสาดส่องมาจากด้าน จนเธอแข็งทื่อราวหิน
“ฉันไม่เคย ไม่งั้น เธอก็ลองถามประธานเสี้ยงดูสิ เธอหรือฉันกันแน่ที่อ่อยยั่วเขา?” เวินจิ้งทำปากขมุบขมิบ ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร
ไม่รู้ว่าแขนของประธานเสี้ยงนั้นถูกอั้ยเถียนจับกุมไว้เมื่อไหร่กัน ในเวลานั้นนั้น ความเจ็บระทมบังมา เขาขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ว่าเวินจิ้งจะยั่วหรือไม่ยั่วยวนผมก็ตาม แต่ตอนนี้คุณได้ทำเรื่องผิดกฎหมายไปแล้ว หูชิง ผมจะจัดการอย่างเที่ยงธรรมเอง”
หูชิงกรอกกัดริมฝีปากตัวเองอย่างหนักหน่วง ไม่นานก็ถูกพาตัวไป
ไม่นานผู้คนของเคอเอ่อก็จากไป ครั้งนี้หลังจากเปิดโปงความจริงออกมาได้ ทั้งสองครอบครัวก็จะร่วมมือกันอย่างเป็นทางการเสียที
เวินจิ้งเองก็ยังมึนงงอยู่เล็กน้อย ที่ประธานเสี้ยงกลับไม่เอ่ยอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา?
เธอไม่เคยใกล้ชิดประธานเสี้ยงเลยด้วยซ้ำ จ้องมองเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
แวบนี้ ทำให้ร่างกายของมู่วี่สิงเผยกลิ่นอายเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งหนาวกว่าเดิม
ทันใดนั้นประธานเสี้ยงก็ยิ้มขบขำขึ้น แล้วโบกไม้โบกมือต่อเวินจิ้ง “เวินจิ้ง เขยิบมา”
ศีรษะเวินจิ้งเหน็บชาขึ้นมาทันที ไม่กล้าสบมองมู่วี่สิงและรู้ว่าแววตานั้นแผลงฤทธิ์หดหู่น่ากลัวขนาดไหนเชียว
แต่เสี้ยงหงก็เป็นหัวหน้าเธอ เธอจะเนรคุณต่อเขาไม่ได้
“ประธานเสี้ยงค่ะ ขอบคุณที่เชื่อฉัน และตรวจสอบความจริงเรื่องนี้ค่ะ” เวินจิ้งฉีกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินไปอย่างอ่อนโยน
“ถ้าจะขอบคุณก็ไปขอบคุณไอ้คนโน้น ผมเองก็ใช้เงินจัดการเรื่อง เพื่อช่วยคนอื่นสะส่าง….”
เวินจิ้ง……
เวลานั้น เวินจิ้งอยู่ห่างจากมู่วี่สิงอย่างน้อยประมาณสองเมตร และตอนนี้ผู้คนในคลับก็แยกย้ายไปกันหมดแล้ว ระหว่างของพวกเขาไม่มีใครแทรกอยู่
ดูความไม่เป็นธรรมชาติของเวินจิ้งออก อั้ยเถียนลากพาเสี้ยงหงไปอย่างรู้สนุก ทั้งสองนั้นโอบกอดกัน เวินจิ้งนิ่งงัน นี่สถานะรักครั้งใหม่ล่าสุดของอั้ยเถียนอยู่ในฐานะเดียวกับเธอเหรอเนี่ย?
กำลังขบคิดเช่นนี้อยู่นั้น แววตาเพ่งส่องจากข้างหลังนั้นทวีคูณเย็นเฉียบไปอีก
เวินจิ้งจึงรีบหันหน้าไป จ้องไปมู่วี่สิงที่กำลังฉีกยิ้มอย่างแข็งทื่อรางฝืน แล้วเดินย่างไป เมื่อเว้นระยะห่างประมาณครึ่งก้าวนั้น จึงถูกเขาคว้าจับมือบางไว้ ลำตัวลงพรวดลงไปยังอ้อมกอดอันแสนละมุนของเขา
อบอวลไปด้วยลมหายใจอุ่นที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ใบหน้าเวินจิ้งถูกเขาแนบแน่นไว้ จนรู้สึกเจ็บแป๊บเล็กน้อย