บทที่ 718 เธอจะยิ่งเศร้าเมื่อมองมาที่ฉัน
เวินจิ้งลืมตาขึ้นช้าๆ ขนตาอ่อนนุ่มของเธอสั่นไหว ใบหน้ายังคงซีดขาว ดวงตาสีดำขลับยังคงนิ่งสงบ
“มู่วี่สิง พวกเราหย่ากันเถอะ”
มู่วี่สิงมองเธอจากล่างขึ้นบน ก่อนจะปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดว่า “ไม่”
เวินจิ้งหลับตาลง ดูเหมือนว่าบทสนทนาครั้งนี้จะกินแรงเธออย่างมาก หรือว่าจะทำให้ฉีกทึ้งบาดแผลบนร่างกายตัวเองบ่อยๆ “คุณบอกว่าสามเดือน ถ้าฉันอยากจะไป คุณจะเซ็นให้”
“จิ้งจิ้ง” เขาตะโกนเรียกชื่อเธอ มือกดอยู่บนใบหน้านุ่มของเธอ “ผมจะไม่หย่ากับคุณ”
แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยคิดที่จะวางแผนหย่ากับเธออยู่แล้ว
เวินจิ้งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนพูดเสียงเบาว่า “ฉันไม่คิดที่จะเป็นภรรยาของคุณ แม้เพียงจะเป็นแค่ในนาม มู่วี่สิง ฉันทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว !”
เธอแหงนหน้าไปมองบนฝ้าเพดาน ริมฝีปากสีซีดเหยียดยิ้มเย็นชาก่อนพูดว่า “ที่คุณพูดมันถูก ฉันกลับมาเพื่อที่จะทรมานทุกคน แต่ตอนนี้ฉันรับอะไรไม่ไหวแล้ว มู่วี่สิง ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะ”
ร่างกายของเธอที่เสียลูกไปทั้งสองคนนั้นทั้งอ่อนแอและซีดเซียวราวกับว่าจะพรากชีวิตเธอไปด้วย
เธอที่นอนอยู่เตียงนั้นทำให้เขารู้สึกคล้ายกับเธอกำลังปิดตาลง และจะไม่ลืมขึ้นมาอีก
ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกกลัวและทำอะไรไม่ถูก และยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น
เวินจิ้งหันหน้ากลับมา ค่อยๆยื่นมือออกมาไล้แสงยามเย็นที่สาดทอเข้ามา นิ้วมือของเธอขาวสะอาดราวกับจะโปร่งแสงได้
น้ำตาร่วงหล่นลงบนหมอนจนเปียกไปทั้งใบ
เธอพรากชีวิตลูกของเธอด้วยสองมือของเธอเอง
น้องชายของเธอตายไปแล้ว ส่วนลูกของเธอก็ไม่อยู่ตรงนี้แล้วเหมือนกัน
เธอยังเหลืออะไรอีก
ใช่ ยังมีแม่ เธอยังมีพ่อแล้วก็แม่
แต่ถ้าแม่เธอรู้ข่าวการตายของพี่ชายแล้วล่ะก็ เธอคงรับมันไม่ไหวแน่ๆ
ร่างกายของแม่นับวันจะยิ่งทรุดลงไปเรื่อยๆ เธอจะทนได้ยังไงถ้าหากได้รู้ข่าวร้ายเช่นนี้
นิ้วมืออุ่นร้อนของเขายื่นเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธออย่างช้าๆ มู่วี่สิงรู้สึกว่าหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงตรงนี้ดูเปราะบางราวกับแก้วที่แตกสลายได้เพียงแค่แตะเบาๆ
“จิ้งจิ้ง” เขาไม่รู้ว่าเธอร้องไห้ทำไม ตอนที่หลินยี่ตายเธอยังไม่มีน้ำตาสักหยด แต่เขาเข้าใจว่าตอนนี้เธอเศร้ามาก เศร้าจนอยากจะตาย
เธอแค่เพียงมองตรงไปยังนิ้วของเธอเท่านั้น ไม่มีเสียงสะอื้นเลยสักนิด
ความเงียบงันนี้เผยให้เห็นความสิ้นหวังอย่างสุดซึ้ง
ของเหลวใสไหลลงมาจากดวงตาของเธอ ภายในห้องมีแต่ความเศร้าแผ่ขยายไปทั่ว เป็นความเจ็บที่อยู่ข้างในลึกๆ แต่กลับทำให้คนเศร้าจนแทบจะหยุดหายใจจากความเจ็บปวด
ใบหน้าที่ดูโกรธ แต่ไม่มีความเกลียด มีเพียงแค่ความเศร้า แต่กลับไม่มีคำพูดไหนที่จะบรรยายออกมาได้
ก็เหมือนกับเวินจิ้งในตอนนี้ ที่ไม่มีคำพูดไหนที่จะมาบรรยายความเศร้าของเธอได้
เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรที่จะเข้าไปแตะต้องเธอ ท่าทางของเธอแบบนี้มันทำให้เขาตกใจ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่จูบที่ใบหน้าของเธอพลางพูด “จิ้งจิ้ง เธอรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เขาไม่กล้าถามเธอด้วยซ้ำ ว่าตอนนี้เธอรู้รึยังว่าลูกของเธอไม่อยู่แล้ว
ถ้าเธอไม่รู้ เขาก็ยินยอมที่จะไม่บอกเธอดีกว่า
อึดอัด?
ใช่ เธอรู้สึกอึดอัดตรงไหนล่ะ?
มู่วี่สิงเรียกหมอให้เข้ามาพบ เมื่อหมอเห็นเธอตื่นขึ้นมา กลับถูกชายหนุ่มจ้องเมื่อเวินจิ้งถูกตรวจร่างกาย แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม อารมณ์ความรู้สึกเธอยังคงเศร้าใจเหมือนเดิม
เวินจิ้งหลับตาลง แม้แต่แรงที่ใช้เกลียดเธอก็ยังไม่มี
“มู่วี่สิง หย่าเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าเธอดูอ่อนแรงมาก แต่ความมุ่งมั่นของเธอก็ฉายฉัดออกมา มันกลับดูตัดเยื่อใยเหลือเกิน
น้ำตายังคงหลงเหลืออยู่บนใบหน้า แต่เธอก็ยังคงหัวเราะออกมา “คุณไม่เข้าใจ ฉันแค่คิดว่าตัวเองถูกคุณใช้ให้ไปทำร้ายพี่ชาย แค่คิดว่าฉันเป็นคนที่ฆ่าภรรยาของพี่ชายคนนั้นด้วยมือตัวเอง ฉันก็เกลียดตัวเองจนแทบอยากจะฆ่าตัวเอง”
มู่วี่สิงทำได้แค่โอบกอดเธอ ถ้าหากเขาไม่กอดเธอไว้เขารู้สึกได้ว่าจะต้องได้สูญเสียเธอไปแน่ๆ
เขาแบกรับความรู้สึกว่างเปล่านี้ไม่ไหว
“ไม่ให้หย่า… ….”เขาพึมพำ “ผมไม่ได้ใช้ประโยชน์จากคุณเลย ผมจะใช้คุณได้อย่างไร… ….”
เขาพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะเหนี่ยวรั้งเธอไว้ เขาจะหลอกใช้เธอได้อย่างไรกัน
ถ้าหากว่าไม่ใช่คนพวกนั้น ……เขาและเธอคงไม่ต้องก้าวมาถึงจุดนี้
เธอตั้งครรภ์แล้ว อนาคตของพวกเขา ……ต้องมีแต่ความสุขอย่างแน่นอน
เขากอดเธอแน่นริมฝีปากของเขากดลงแนบหูของเธอ น้ำเสียงของเขาราวกับความบ้าคลั่งที่เยือกเย็น “ถ้าคุณเกลียดที่ผมทำร้ายพี่ชายคุณ ชีวิตของผม ผมยกให้คุณ”
ฟังจบ เวินจิ้งก็หยุดชะงักอยู่ในอ้อมแขนของเขา
นาทีต่อมา เธอลืมตาขึ้นมา และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ได้เหรอ ถ้าอย่างนั้นคุณเอาปืนหรือมีดมาให้ฉันสิ”
มู่วี่สิงกอดเธอ เขายิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ รอผมจัดการทุกอย่างให้จบ ถ้าคุณต้องการมีดหรือปืนผมให้คุณได้เลย พอผมตายคุณก็สามารถไปจากผมได้ … …” เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะกดริมฝีปากของเขาลงที่คางของเธอ ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นลงที่คอของเธอ “ถ้าคุณไม่ฆ่าผม คุณก็จะต้องอยู่กับผมตลอดไป”
เวินจิ้งรู้สึกเพียงว่าเส้นประสาททั่วร่างกายของเธอสั่นระริก ใบหน้าเย็นชาสงบนิ่ง เธอคิดว่ามันน่าขันนัก เขารักเธอขนาดนี้ แล้วทำไมจะต้องใช้เธอเพื่อที่จะการฆ่าพี่ชายเธอด้วย
เขาเป็นคนที่ลงมือเองด้วยซ้ำ
“พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”เขาโอบแขนรอบเอวเธอเพื่อพยุงให้ลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจัดแจงวางหมอนหนุนหลังให้เธออย่างระมัดระวังเวินจิ้งเลี่ยงสัมผัสของเขา เพราะว่าเธอขยับมากเกินไป ทำให้กระทบบาดแผลบนร่างกายของ และก็ทำให้เธอบาดเจ็บแผลบนศีรษะด้วย แต่เธอยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดใดออกไป มู่วี่สิงไม่กล้าแตะต้องเธออีก เขาเพียงแต่หยิบซุปที่เตรียมไว้ขึ้นมาจากกล่องใส่อาหาร
มู่วี่สิงหยิบช้อนขึ้นเพื่อที่จะป้อนเธอ แต่เวินจิ้งกลับไม่ยอมให้ทำแบบนั้น ดวงตาของเธอแลดูห่างเหินเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
เขาทำได้เพียงพูดอย่างอบอุ่นว่า “จิ้งจิ้ง คุณยังบาดเจ็บอยู่นะ ให้ผมป้อนเถอะ”
เธอหลับตาลงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังต่อต้าน
เมื่อก่อนเธอแค่เมินเฉยใส่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอเย็นชาเข้ากระดูกเสียแล้ว
ทั้งสองยังคงยืนกรานไม่ยอมอ่อนข้อกันเป็นเวลานาน สักนิดเธอก็ไม่ยอมลืมตา ตอนนี้อะไรเธอก็ไม่สนแล้ว ไม่สนความหิว ไม่สนความเจ็บปวด เหมือนกับว่าไม่หลงเหลือความรู้สึกใดใดอยู่เลย
มู่วี่สิงพูดเบา ๆ ว่า “ผมจะให้เวยอานมาอยู่เป็นเพื่อน”
เขาลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะโทรและสั่งให้คนปล่อยเวยอานออกมา แต่ทว่าเสียงที่อ่อนแรงเรียบเฉยของเวินจิ้งกลับดังขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอก เขาเห็นฉันจะทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ ไม่ต้องเรียกมา”
เมื่อเวยอานเห็นเธอจะต้องนึกถึงทุกๆคน ตอนนี้ถ้าเห็นเธออยู่ในอาการแบบนี้ ต้องเสียใจแน่ๆ
ถ้าเป็นแบบนั้น ไม่ให้มาจะดีกว่า
“โอเค” ใจเขาคล้ายกับถูกรถบดจนละเอียด “ถ้าอย่างนั้นฉันเรียกหยูจิ่งห้วน ”
เวินจิ้งหลับตาลง “ถ้าหมอหยูมาเห็นก็ต้องเสียใจ คุณให้นางพยาบาลเข้ามาป้อนฉันก็ได้ ”
สิ้นเสียง ทันใดประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดออก เป็นมู่ซีที่กำลังช่วยพยุงมู่เฉิงเดินเข้ามา