บทที่ 719 ชีวิตของผมคือเวินจิ้ง
เวินจิ้งยิ้มเยาะ ลูกของเธอก็ไม่อยู่แล้ว เขายังเก็บมู่ซีไว้ เธออดคิดไม่ได้ว่า เขาคิดจะให้เธอกลายเป็นมู่ซี จริงๆ หรือว่าตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้กันแน่
พลันใบหน้าของมู่วี่สิงก็เย็นชาขึ้น สายตาเขาที่มองตรงมาทางเธอ ทำให้มู่ซีรู้สึกเหมือนถูกฆ่าทางสายตาได้ ความหนาวเย็นแทรกซึมไปทุกอณูของร่างกาย
“เวินจิ้ง” มู่เฉิงพูดทำลายบรรยากาศอึดอัดขึ้นมา
น้ำเสียงน่าสงสารปนหวาดกลัวพูดขอร้องขึ้นมาว่า “พี่สะใภ้ ฉันรู้ว่าฉันพูดคำที่ไม่ควรพูดออกไป แต่ว่าฉันไม่ได้ผลักพี่จริงๆ พี่ช่วยอธิบายกับพี่วี่สิงให้หน่อยได้ไหมว่าฉันไม่ได้ผลักพี่ และไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็กคนนั้น… … ”
“มู่ซี หุบปากเดี๋ยวนี้” เสียงคำรามของชายหนุ่มดังขึ้น ทำให้มู่ซีรวมถึงมู่เฉิง เสียงของมู่วี่สิงทำให้พวกเขาตกใจอย่างรุนแรง
สายตาของเขาเคร่งขรึมเด็ดขาดราวกับอยากจะฆ่าให้ตาย “ฉันจำได้นะว่าฉันเคยบอกไว้ ว่าฉันไม่อนุญาตให้เธอมาเจอเวินจิ้งอีก”
ไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็กคนนั้น… …
เมื่อคำพูดนั้นลอยเข้าหูเวินจิ้ง คิ้วเธอสั่นระริก คำนี้ทำให้หัวใจเธอยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม
มีหลายเรื่องที่แบบเธอรู้อยู่แก่ใจแต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด จะพูดหรือไม่พูด แต่ก็รู้สึกว่ายังไงผลลัพธ์มันก็ออกมาเหมือนกันอยู่ดี
เธอรู้สึกใจลอย
เมื่อมู่เฉิงถูกหลานชายตำหนิแบบนี้บ่อยๆเข้า ทำให้จิตใจเขาขุ่นมัว แต่ก็พยายามคุมสีหน้าตัวเองให้ใจเย็นลงก่อนพูด “ฉันมาขอโทษแก แล้วแกจะต้องพูดแบบนี้เหรอ?”
ใบหน้ามู่วี่สิงยังคงเย็นชา “ออกไปให้พ้น”
เวลานี้มู่เฉิงเข้าใจแล้วว่า มู่วี่สิงนำความเจ็บปวดจากความโกรธที่สูญเสียลูกไปจำฝังหัวพวกเขาไปแล้ว
ถึงแม้ว่าเวินจิ้งจะถูกมู่ซีผลักตกลงไปจริงๆ แต่ว่า เขาเข้าใจถ้าเธอไม่มีคุณปู่คอยหนุนหลังมู่ซีก็ไม่กล้าทำขนาดนี้หรอก แม้เขาจะตำหนิเธอก็ตาม
พวกเขาสูญเสียลูก เขาก็สูญเสียหลานชายไป
พอเข้าใจแบบนี้กลับทำให้ใจเขาเย็นลง ความรู้สึกหมดแรงก็ได้แผ่ขยายออกไป
มู่ซีกระวนกระวายใจ แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมู่วี่สิงไม่ไล่เธอไป แค่เธอรู้สึกได้ชัดเจนว่าเขาเกลียดเธอเข้ากระดูกไปแล้ว
ตอนนี้เขาก็ยิ่งเชื่อไปอีกว่าเธอเป็นคนผลักเวินจิ้งลงมา ดังนั้น เขาจะเริ่มลงมือตอนไหนก็ได้
มู่เฉิงมองตรงไปยังเวินจิ้งที่ยังคงนิ่งเงียบ “จะทำอย่างไรเธอถึงจะยอมอภัยให้มู่ซี”
ใบหน้าขาวซีดของเวินจิ้งส่งรอยยิ้มว่างเปล่ามาทางเขา เสียงเธอแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “ฉันไม่มีวันอภัยให้พวกคุณ”
หลังจากพวกเขาสองคนออกไปได้ไม่นาน มีคนโทรมาหามู่วี่สิง ปลายสายพูดคล้ายว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ เขาโน้มตัวลงไปพูดกับเธอว่า “จิ้งจิ้ง ฉันมีเรื่องต้องออกไปจัดการ อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว อยู่นี่ดูแลตัวเองดีๆนะ”
มีคนของเขาเฝ้าอยู่ข้างนอก เขายังจะกลัวเธอหนีไปอีกเหรอ?
เธอไม่ได้ตอบกลับไป แต่เขาไม่ได้ถือสา กำชับเธอให้รอหมอเข้ามาตรวจ
เมื่อบรรยากาศรอบข้างเงียบสงบลง เวินจิ้งกระพริบตา เธอวางมือบนหน้าท้องเบาๆ ความรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจกลับมาทิ่มแทงหัวใจเธออีกครั้ง
เธอนอนลงอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆขดตัวลง เสียงของเธอแหบต่ำสั่นไหว ก่อนจะหลับตาลง ดวงตาสวยเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
“ขอโทษนะ… …ขอโทษ”
ขอโทษ ที่ทำให้ลูกไม่ได้ออกมาเผชิญกับโลกใบนี้
เป็นความผิดของแม่เอง
เป็นความผิดของแม่
เมื่อมู่วี่สิงมาที่บ้านส่วนตัวของเขา หญิงสาวงามหมดจดท่าทางอ่อนโยนนั่งรออยู่ที่โซฟา
คือเขาเองที่นำเธอออกมา แต่เวยอานดูเหมือนว่าไม่ยินยอมที่จะพบเขา ดังนั้นจึงเสียความพยายามนั้นไป
“ทำไมคุณถึงต้องทำร้ายหลินยี่” เวยอานเสียงสั่นเครือ
ผู้ชายที่เธอเคยบูชาราวกับเป็นเทพเจ้าคนนี้ ไม่คิดเลยว่าจริงๆแล้วจะเป็นคนที่ทำร้ายคนที่เธอรักเธอด้วยน้ำมือของเขา
“นี่มันเป็นเรื่องราวระหว่างเขากับฉัน เธอไม่จำเป็นต้องรู้” รังสีของมู่วี่สิงรอบตัวดูเงียบงันและมืดมน
“ถ้าคุณยังต้องการที่จะกำจัดตระกูลนิ่งก็ไปเจอกันในศาลตามที่ผมขอแล้วกัน “
เวยอานก้มหน้าลง ตามองพื้น เปล่งเสียงนิ่งสงบออกมา “ลูกน้องของนายไม่เต็มใจที่จะบอกกับฉัน … …เขาคนนั้น ตายไปแล้วหรือยัง?”
ไม่กี่วันมานี้ข่าวจากข้างนอกเธอรู้ทุกเรื่อง แต่พอเป็นข่าวของ หลินยี่ เธอกลับรู้อะไรน้อยมาก
เธอถามแม้กระทั่งกับโม่ถิงเซิน แต่เขากลับไม่ได้บอกอะไร
“เขาถูกยิง ตกลงไปทะเล” น้ำเสียงของมู่วี่สิงยังคงเย็นชา
ได้รับรู้ข่าวแบบนี้คร่าวๆกับได้ยินกับหูตัวเอง มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เวยอานคิดอย่างงุนงง ทั้งร่างของเธอไร้เรี่ยวแรงเหมือนถูกพรากไปในพริบตา ความเจ็บปวดทำให้ทั่วทั้งร่างไร้กำลัง
เธอหลับตาลง ก่อนถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา “คิดไม่ถึงว่าคุณจะให้ฉันช่วยคุณจัดการกับโม่ถิงเซิน”
เวยอานยิ้มอย่างเย้ยหยัน “มู่วี่สิง คุณพรากผู้ชายที่ฉันรักที่สุดไป คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอให้ฉันช่วย!”
สักพักเธอก็คิดขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง เวินจิ้งยังคงอยู่กับเขาใช่หรือไม่
“คู่อริของหลินยี่ มีไม่น้อยเลย สำหรับคุณ กำจัดไปหนึ่งก็คือหายไปหนึ่ง แม้กระทั่งฉัน ชีวิตของฉันเป็นของเวินจิ้ง”
… …
เมื่อมู่วี่สิงออกมาจากอพาร์ตเมนต์ เขาก็รีบกลับไปห้องหนังสือที่บ้านใหญ่หลังเก่า มีเอกสารที่หล่นไว้อยู่เขาต้องรีบไปจัดการ
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือนั้น เขาเห็นมู่ซี ลากเด็กสาวคนหนึ่งมาทางเขา
“เธอ… …เธอมากับฉันนี่ ฉันแค่อยากให้เธออธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
สีหน้าของมู่วี่สิงเบื่อหน่าย เมื่อเจอมู่ซีพลันใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นมืดมนขึ้น
ถึงแม้ว่ามู่ซีจะกลัวขนาดไหน แต่เธอรวบรวมความกล้ามาหาเขาก่อนจะพูดว่า “พี่วี่สิง ฉันเจอพยานแล้ว เธอบอกว่าเธอเห็นกับตาว่าเวินจิ้งเป็นคนตกลงไปเอง……”
“เสี่ยวเหมย เธอรีบบอกคุณชายไปสิ! ว่าตอนนั้นเธอเห็นอะไร”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว สายตาเย็นชามองตรงไปยังหญิงรับใช้ที่กำลังถูนิ้วอย่างประหม่า “เธอเห็นอะไร?”
“คุณชายคะ… …วันนั้นดิฉันกำลังจะขึ้นมาถูพื้น ฉันเห็นจริงๆว่าตอนนั้นคุณผู้หญิงกับคุณมู่ซีกำลังมีปากเสียงกันที่บันได”
หญิงรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวเหมยพูดตะกุกตะกัก เธอกลัวสายตาที่มองมาอย่างเย็นชาของมู่วี่สิง “ดิฉันไม่ทราบว่าพวกเขาทะเลาะอะไรกัน แต่ดิฉันมั่นใจค่ะ …… ดิฉันเห็นด้วยตาตัวเองเลยว่าคุณผู้หญิงเป็นคนจับมือคุณมู่ซี หลังจากนั้นก็ตกลงไป ……”
เธอไม่กล้าเงยหน้าไปมองชายหนุ่ม “ดิฉันไม่เห็นว่าคุณมู่ซีจะไปแตะต้องคุณผู้หญิงตรงไหนเลยค่ะ… …”
บรรยากาศรอบข้างอึดอัดจนเสี่ยวเหมยหายใจไม่ออก เธอยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่ม ความคิดในสมองตีกันวุ่นวายงุนงงไปหมด “คุณชาย บางทีดิฉันอยู่ไกลเลยอาจจะให้มองผิด… …”
มู่ซีรีบพูดแทรกอย่างร้อนรนทันที “เธอพูดแบบนี้ได้ยังไง เธอก็เห็นชัดแล้วนี่ ว่าเวินจิ้งเป็นคนตกลงไปเอง ฉันไม่ได้แตะต้องอะไรเธอ!”
ในตอนนั้นเองที่มู่เฉิงพยุงตัวเองด้วยไม้เท้าออกมา เขามุ่นคิ้วก่อนพูด “วี่สิงเสี่ยวเหมยทำงานให้ที่บ้านเรามาตั้งแต่ยังเล็ก เธอไม่พูดโกหก ถ้าแกไม่เชื่อมู่ซีหรือฉันก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อเธอ เด็กคนนี้ซื่อสัตย์ เธอไม่พูดโกหกหรอก”
มู่ซีรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนเสริม “เป็นแบบนี้… …พี่วี่สิง ฉันไม่ได้ผลักเธอลงไปจริงๆ ฉันจะไปกล้าผลักคุณผู้หญิงของตระกูลมู่ได้อย่างไร… …”
ดวงตาของมู่วี่สิงสายตาดุเดือด ก่อนที่จะทิ้งประโยคอย่างเย็นชาว่า “มู่ซี ถึงเวินจิ้งจะตกลงมาเองก็ตาม แต่เธอก็ยังสมควรตาย”