บทที่ 726 ปกป้องผู้ชายอีกคนหนึ่งจนสุดกำลัง
ขณะที่เวินจิ้งกำลังสับสน เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็ดังขึ้น เธอก้มหน้าลงมอง เป็นป้าหลี่ของบ้านตระกูลมู่
ปลายนิ้วมือของเธอสั่นระริก มองชื่อที่กำลังกะพริบอยู่อย่างตกตะลึง สุดท้ายก็ไม่ได้รับสาย
คนขับรถด้านหน้ารู้สึกว่าท่าทีของเธอแปลกประหลาดเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณผู้หญิง ถ้าเป็นโทรศัพท์จากที่บ้านก็รีบรับเถอะ คนที่บ้านคงจะเป็นห่วงมากแล้ว”
มือของเธอสั่น แต่ยังคงกดรับสายโทรศัพท์ “คุณนายคะ”
เสียงของป้าหลี่คล้ายกำลังร้องไห้ “เกิดอะไรขึ้นกับคุณและคุณผู้ชายกันแน่ ทำไมถึงได้ทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้”
เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรออกมา
“คุณนายคะ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน รีบกลับมาได้ไหมคะ นี่…เป็นเรื่องเป็นตายแล้วจริง ๆ ”
เธอถามด้วยเสียงกระซิบ “ส่งเขาไปโรงพยาบาลหรือยัง”
เธอคงจะ…ไม่ได้แทงลงไปตรงตำแหน่งสำคัญใช่ไหม
ครั้งนี้ป้าหลี่ร้องไห้ออกมาแล้วจริง ๆ “ไปโรงพยาบาลอะไรกันล่ะคะ คุณชายมู่ไม่ยอมให้พวกเราพาเขาไป…”
หัวใจของเธอบีบรัดแน่นในทันที ได้ยินเสียงร้องไห้ของป้าหลี่หนักมากขึ้นเรื่อย ๆ “…คุณผู้ชายพยายามพาตัวเองขับรถไล่ตามคุณ สภาพของเขาในตอนนี้จะขับรถได้ยังไง…คุณนาย ฉันขอร้องเถอะค่ะ คุณรีบกลับมาเถอะนะคะ ไม่อย่างนั้นได้มีคนตายจริง ๆ แน่…”
เขาถูกแทงจนเลือดออกมาขนาดนั้น…ยังจะขับรถไล่ตามเธอมาอีกหรือ
โทรศัพท์ของเธอร่วงหล่นจากมือ น้ำตาก็ไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอกัดเม้มริมฝีปากแน่น พูดออกมาอย่างไร้หัวใจ “คุณโทรหาคุณปู่มู่เถอะ วันนี้ฉันจะนั่งเครื่องบินไปจากที่นี่แล้ว ฉันกลับไปไม่ได้แล้ว”
เดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ตอนนี้เธอไม่สามารถใจอ่อน
เธอรีบวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว พูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจน “คุณคนขับคะ รบกวนเร็วขึ้นอีกหน่อยด้วยค่ะ”
คนขับรถยิ้ม “คุณผู้หญิงจะรีบบินเหรอครับ ผมไปถึงสนามบินเร็วขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถบินก่อนได้หรอกนะ”
เวินจิ้งไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเพียงยกมือขึ้นเปิดหน้าต่าง ลมหนาวในยามเช้าพัดเข้ามา ทำให้ผมกระจัดกระจายบนใบหน้าของเธอ
ตอนที่เธอลงจากรถ ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว
ความจริงแล้วเที่ยวบินของเธอไม่ได้เช้าขนาดนี้ เพียงแต่เธออยากที่จะหนีออกไปจนแทบรอไม่ไหวแล้ว หยูจิ่งห้วนรีบมาให้เร็วขึ้นหน่อยเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด พวกเขาปลอมบัตรประชาชนกับพาสปอร์ต มู่วี่สิงจะได้ตรวจสอบไม่ได้
“เวินจิ้ง” เมื่อหยูจิ่งห้วนมองเห็นเธอก็รีบทักทายเธอทันที มองขึ้นลงแล้วก้รู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าเธอยังคงสบายดี
เทคนิคการปลอมตัวของเขา แม้แต่เวินจิ้งก็ไม่สามารถมองออก เขาสวมแว่นตากรอบดำ ทั้งยังมีหนวดเคราอยู่เต็มใบหน้า ไม่ได้แต่งชุดลำลองหรูหราเหมือนเมื่อก่อน
หยูจิ่งห้วนขมวดคิ้วและมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวและท่าทีที่ล่องลอยของเวินจิ้ง “เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม มู่วี่สิงรู้ไหมว่าเธอหนีมาแล้ว”
ตามที่เขารู้เกี่ยวกับเจ้านายเก่าของตัวเอง คนคนนั้นไม่น่าจะปล่อยเวินจิ้งออกมาง่าย ๆ ถึงจะถูก
เธอฝืนยิ้มออกมา นิ้วมือเกี่ยวสายสะพายแล้วเสียดสีมันไม่หยุด ท่าทางไม่สงบเช่นนี้ หยูจิ่งห้วน ย่อมที่จะดูออก
แต่ในเมื่อเธอไม่อยากพูด เขาก็ไม่อยากจะถามเยอะ
ท้องฟ้าสว่างไปทั่วแล้ว ลี่หนานเฉิงรีบขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ตอนนี้ยังคงเป็นเวลาเช้ามาก คนกับรถที่อยู่บนถนนจึงยังคงมีไม่มาก
เขาขับรถไปพลางคุยโทรศัพท์ไปพลาง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “นายอย่าทำให้ฉันกลัวสิ ฉันสัญญาว่าจะช่วยนายพาตัวเวินจิ้งกลับมา นายไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม ฉันขอร้องล่ะ ไม่อย่างนั้นนายก็หยุดรถ ฉันจะให้คนไปส่งที่โรงพยาบาล”
ให้ตายเถอะ เขาไปคบหากับเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง ไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลยสักนิด บาดเจ็บอยู่ยังจะขับรถไล่ตามคนอยู่อีก
เขาควรพูดว่าเวินจิ้งจะต้องใจอ่อน ดังนั้นก็เลยไม่รู้สึกเจ็บมาอย่างนั้นเหรอ
น้ำเสียงของมู่วี่สิงยังคงเย็นชา ถึงแม้ว่าจะฟังดูรู้สึกถึงความอ่อนแรงอยู่หลายส่วนก็ตาม “ให้คนไปดูที่สนามบิน จะปล่อยให้เธอไปจากเมืองหนานไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว” ลี่หนานเฉิงรู้สึกเหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว “แต่นายช่วยไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม ฉันจะสกัดกั้นเครื่องบินทั้งหมด จะไม่ปล่อยให้เวินจิ้งขึ้นเครื่องได้ เชื่อในความสามารถของฉัน…”
ลี่หนานเฉิงรู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วจริง ๆ เอาแต่พูดไม่หยุดเพียงหวังว่าผู้ชายที่กำลังขับรถไล่ตามภรรยาคนนั้นจะทำตัวมีเหตุผลขึ้นมาหน่อย…
‘โครม…’ เสียงเบรกที่คมผิดปกติดังมาจากโทรศัพท์ ลี่หนานเฉิงยังไม่ทันได้ตอบสนองว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงชนดังขึ้นมาติดต่อกันหลายครั้ง
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว ตอบสนองโดยการกระทืบเบรกรถทันที
“นาย…” หัวใจของลี่หนานเฉิงเต้นแรง ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากปลายสาย เขาตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที “มู่วี่สิง!”
…
“เวินจิ้ง ดื่มน้ำหน่อยเถอะ” หยูจิ่งห้วนยื่นขวดน้ำแร่ให้เธอ “เธออย่าได้กังวลนักเลย”
เวินจิ้งพยักหน้า รับขวดน้ำมาอย่างใจลอย เธอนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับรอง ก้มหน้าเปิดขวดน้ำ
ทันใดนั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็มาจากหัวใจของเธอทันที มือลื่นจนขวดน้ำที่ถูกเปิดตกลงไปบนพื้น น้ำจึงหกรดกางเกง
“ขอโทษ…” เธอรีบพูดขอโทษทันที หลังจากนั้นก็ก้มลงเก็บขวดน้ำ
แต่หยูจิ่งห้วนเก็บมันขึ้นมาก่อนแล้ว “ไม่เป็นไร เวินจิ้ง”
เธอฝืนยิ้มออกมา ดวงตาจมอยู่ในภวังค์ ใบหน้าซีดเซียวค่อย ๆ เป็นไม่สงบ คล้ายเต็มไปด้วยความกังวล
หยูจิ่งห้วนพูดปลอบ “จิ้งจิ้ง เธออย่าคิดมากขนาดนั้น หิวไหม ฉันจะไปซื้อของกินมาให้”
“ไม่ต้อง” เธอพูดเสียงเบา “ฉันไม่หิว ถ้าคุณหิวก็ไปซื้ออะไรมากิน…”
เวินจิ้งยังไม่ทันพูดจบก็ตัวแข็งค้าง
ดวงตาที่แบ่งแยกดำขาวชัดเจนของเธอจ้องมองไปยังลี่หนานเฉิงที่เดินมาก้าวใหญ่ ๆ เข้ามาด้วยสีหน้าดำมืด
ด้านหลังของเขามีบอดี้การ์ดอีกสิบคน เขาเดินอยู่ด้านหน้าสุด สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอเม้มริมฝีปากแน่น เรี่ยวแรงทั่วทั้งร้ายคล้ายกับถูกสูบออกไป
เธอพูดเสียงเบา “คุณหมอหยู อีกสักครู่คุณบินไปก่อนเลยนะคะ ไม่ต้องสนใจฉัน”
เธอมองเห็นแล้ว หยูจิ่งห้วนเองก็มองเห็นแล้ว เขาขมวดคิ้ว ดึงมือของเวินจิ้งเดินออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ลี่หนานเฉิงมองการกระทำของพวกเขา จากนั้นก็รีบสั่งให้บอดี้การ์ดขวางทั้งสองคนไว้ทันที
“คุณหมอหยู คุณฟังฉันนะ คุณบินไปก่อน” เวินจิ้งขวางหน้าเขาไว้
หยูจิ่งห้วนนิ่งเงียบ แน่นอนว่าตอนนี้เขาไม่สามารถบินไปได้
เพียงแต่เขารู้สึกแปลกใจ มู่วี่สิงอยากจะไล่ตามเวินจิ้ง แล้วทำไมเขาถึงไม่มาตอมด้วยตัวเอง
ตอนที่ลี่หนานเฉิงเห็นเวินจิ้งยืนขวางอยู่ข้างหน้าผู้ชายคนอื่นก็ยิ่งโมโห ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนของเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้วหรือยังด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับปกป้องผู้ชายอีกคนหนึ่งจนสุดกำลัง