บทที่ 751 จากหลังมือเป็นหน้ามือ
ด้านหน้ารถยนต์ สุนัขสีดำโดนชนล้มคว่ำอยู่ข้างหน้า มันพยายามใช้แรงทั้งหมดเพื่อที่จะลุกขึ้นยืน แต่เพราะขาที่บาดเจ็บไม่น้อย เลือดอาบอยู่บนขนสีดำอย่างเปียกโชก และยังสามารถเห็นกระดูกที่เปื้อนเลือดได้รางๆ
เมื่อมันเห็นเวินจิ้งเข้าไปใกล้ ดวงตาสีดำขลับของมันที่มองตรงมาทำให้เธอหวาดกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มู่วี่สิงและคนขับรถตามลงมา ชายหนุ่มยืนพิงรถยนต์ มองไปยังสุนัขสีดำที่กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ใบหน้าของหญิงสาวดูอ่อนโยน ดวงตาเบิกกว้าง มือเรียวยื่นออกมาเพื่อที่จะสางขนให้มันเบาๆ
“เจ็บไหม?” เสียงพูดของเธอเหมือนจะทำให้มันตกใจ
ยังไม่ทันได้แตะถึงตัว สุนัขตัวนั้นถอยหนีด้วยความตกใจ ทำให้เลือดสีแดงข้นของมันยิ่งไหลออกมา เสียงร้องของมันฟังดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก
เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น
มู่วี่สิงไม่รอให้เธอได้พูดอะไร เขาหันไปสั่งกับคนขับรถอย่างเย็นชาว่า “ส่งสุนัขตัวนี้ไปคลินิกรักษาสัตว์ แล้วก็หาเจ้าของให้มันด้วย”
“ไม่ ฉันจะพามันกลับมันบ้านด้วย”
คนขับรถอดไม่ได้ที่จะพูดว่า“คุณผู้หญิงครับ ถ้าอยากเลี้ยงสุนัข คุณสามารถหาพันธุ์แท้ที่ราคาแพงได้ ไอ้ตัวนี้ดูเหมือนจะถูกทิ้งมาไม่มีใครเอานะครับ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามันมีนิสัยอย่างไร… …”
แล้วมันจะแตกต่างอะไรกับฐานะคุณผู้หญิงตระกูลมู่กันล่ะ?
คนมีเงินชอบที่จะอวดเบ่งกัน สุนัขก็เป็นหนึ่งในนั้นสินะ
ชายหนุ่มเดินมานั่งยองข้างๆ ก่อนที่จะวางมือลงบนไหล่เธอ พลางกระซิบว่า“ถ้าคุณอยากเลี้ยงสุนัขผมจะซื้อให้ คุณชอบสุนัขตัวใหญ่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เราอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน คุณอยากจะเลี้ยงทิเบตันสักตัวก็ได้ถ้าชอบ”
เขาไม่ได้รังเกียจเจ้าสุนัขพันธุ์ผสมตัวนี้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นพันธุ์ที่แย่แค่ไหน ปัญหาก็คือเจ้าตัวนี้โดนชนแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะตายหรือไม่ หรือภายหลังอาจจะพิการเดินไม่ได้ แล้วภายหลังเธอก็จะต้องจูงเจ้าขาเป๋พันทางตัวนี้ไปเดินเล่นบ่อยๆ
เวินจิ้งเงยหน้ามามองเขาอย่างดื้อดึง “มันมองมาที่ตาฉันตลอด มันต้องการฉัน”
มู่วี่สิงเม้มริมฝีปาก จะพูดดี หรือไม่พูดดี
เวินจิ้งเบะปากเล็กๆของเธอ ดวงตากลมโตมองสบมายังเขา “ฉันอยากเลี้ยงตัวนี้ สามี… …”
สองคำสุดท้าย หญิงสาวจงใจพูดอย่างออดอ้อนเพื่อเขา
ดวงตาดำขลับราวกับน้ำหมึกของเขาส่องประกาย ปากบางยกขึ้น เขานำใบหน้าเข้าไปแนบแก้มเธอ ระยะห่างแบบนี้ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน “ไหนลองพูดอีกรอบทีสิ หือ?”
อาหารในตู้เย็นต้องซื้อใหม่อีกครั้ง มู่วี่สิงคิดว่า นิสัยแล้งน้ำใจของผู้หญิงคนนี้มันทำให้เขาแทบจะกัดฟันด้วยความเกลียดชัง พอไม่มีเรื่องก็เย็นชาจนน่าใจหาย แต่พอมีเรื่องมาขอร้องก็เปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือ ลงศักดิ์ศรีตัวเองลง ไม่ว่าเขาจะขอร้องหรือล่อลวงให้เธอพูดคำว่าสามีแค่ไหน เพื่อที่จะเลี้ยงสุนัขตัวนี้เธอก็ยอมเรียกเขาว่าสามีอย่างง่ายๆ
เวินจิ้งกะพริบตาปริบ ก่อนที่จะแย้มยิ้มขึ้นราวกับดอกไม้บาน “สามี”
สองคำนี้เป็นไพ่ไม้ตายอย่างแท้จริง มู่วี่สิงเงียบไปสักพักไม่ได้พูดอะไรออกมา
แต่เพราะเนื่องจากเลือดที่อาบอยู่บนตัวของเจ้าสุนัขตัวนี้แลดูน่าหวาดหวั่นนัก ชายหนุ่มจึงสั่งเวินจิ้งไม่ให้ไปแตะต้องมัน “ผมจะให้เกาเชียนเรียกสัตวแพทย์มาที่บ้าน”
ดังนั้นคนขับรถที่น่าสงสารจึงต้องอุ้มร่างที่บาดเจ็บของหมาตัวนั้นขึ้นมานั่งข้างหลังอย่างทุลักทุเล
ใจของเขาเต้นไปด้วยความกลัว สุนัขตัวนี้เป็นตัวที่คุณผู้หญิงอยากเลี้ยง หากว่าเกิดอะไรผิดพลาดเพราะเขาละก็… …
คาดเดาได้เลยว่าถ้าเธอเรียกเขาว่าสามีอีกรอบครั้งนี้งานการก็ไม่ต้องทำมันแล้ว อยากจะร้องไห้โดยที่ไม่มีน้ำตาจริงๆ
ป้าหลี่ดีใจมากที่ได้ยินข่าวผ่านโทรศัพท์ว่าพวกเขาจะกลับมาที่การ์เด้นมูเจียวาน หลังจากวางสายเธอก็ตรงดิ่งมาทำความสะอาดห้องหับให้อีกรอบ
ในขณะที่มู่วี่สิงและสัตวแพทย์กำลังพูดคุยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของสุนัขนั้น เธอก็ดึงเวินจิ้งออกไปอีกด้านอย่างเงียบ ๆ ก่อนพูดด้วยความโล่งใจว่า “พวกคุณกลับมาก็ดีแล้ว อย่าต้องทำให้ทรมานกันไปมากกว่านี้เลย พวกคุณยังเด็กนัก ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะรู้สึกเสียใจภายหลังหรือเปล่า… …”
เวินจิ้งพยายามฝืนยิ้มออก เธอจับมือที่ค่อนข้างแห้งคู่นั้นของป้าหลี่ก่อนจะกระซิบกับเธอว่า “ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้ตกใจเมื่อครั้งก่อน คราวหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว”
สายตาของคนรอบข้างที่มองมายังความยุ่งเหยิงระหว่างเธอกับมู่วี่สิงนั้น คงคิดว่าพวกเขาทั้งสองคนคงรักกันอย่างลึกซึ้งเกินไป
เมื่อเธอกลับเข้าไป สัตวแพทย์ได้ทำการรักษาบาดแผลของสุนัขแล้ว กระทั่งเลือดบนตัวมันก็ถูกทำความสะอาดอย่างดี บนขาของลูกสุนัขสีดำตัวนั้นมีผ้าพันแผลสีขาวพันไว้อยู่
ดวงตาของเธอเผยให้เห็นความสุขออกมา พลางเดินเข้าไปใกล้ “เสร็จหรือยังคะ? มีอะไรที่ต้องรักษาอีกไหม? มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษไหมคะ?”
สัตวแพทย์สาวคนนี้ เธอกับมู่วี่สิงก็เป็นกลุ่มก๊วนเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยสนิทกันนัก เมื่อเห็นเวินจิ้งเดินมาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองเธอ
หลังจากที่เธออธิบายพอสังเขปจบ ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว
มู่วี่สิงนั่งอยู่บนโซฟา รอยยิ้มที่แสนเกียจคร้านไม่สามารถปกปิดอารมณ์ความตามใจเธอของเขาได้ “ใกล้แล้วล่ะ คุณตั้งชื่อให้มันหน่อย มันย้ายเข้ามาเป็นสมาชิกภายในบ้านคุณแล้ว” เวินจิ้งนั่งยองๆอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา หมาดำตัวจ้อยก็นอนหมอบอยู่บนโต๊ะชาและจ้องมายังเธอ ดวงตาสีดำกลมโตของมันที่มองมาทำให้เวินจิ้งอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
เธอเอามืออังไว้ที่แก้ม พลางคิดอย่างตั้งใจ
“ถึงอย่างไรก็เป็นสุนัขที่คุณเลี้ยง เรียกมันเวินเสี่ยวเฮยว่า ไหม?”
เวินจิ้งจ้องเขาแบบไม่สบอารมณ์นัก และกลอกตาไปมา ก่อนจะยิ้มพลางพูดว่า “เข้ามาอยู่ในบ้านคุณแล้วก็ต้องใช้นามสกุลคุณสิ ถ้าอยากเรียกว่าเสี่ยวเฮยก็ได้ มู่เสี่ยวเฮย หือ?”
ปากบางของชายหนุ่มกระตุก ขนาดพยาบาลที่มาดูแลอดที่จะแอบขำออกมาไม่ได้
นิ้วนุ่มยื่นมือไปลูบหัวมู่เสี่ยวเฮย รอยยิ้มของเธอบริสุทธิ์ ภายนัยน์ตาปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานาน ตั้งแต่คิ้วลงมาจนถึงดวงตา
ประเทศF ตระกูลลู่
ในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหราม่านสีเข้มที่ปลิวไสวไปตามแรงลมเป็นครั้งคราว บนเตียงใหญ่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามีเสน่ห์เขาหลับตาแน่น ดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
อู๋ชิงมองไปยังสองพี่น้องตระกูลลู่ที่เขาต้องมารับเสด็จทุกวัน ช่างน่าปวดหัวนัก “คุณชายลู่ คุณลู่”
ลู่เซิ่นมองไปยังชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง สายตาที่มองมีความดูถูกเล็กน้อย “ไม่ใช่แค่ถูกยิงนะ ยังจะถูกตั้งใจให้ยิงพลาดอีก นี่เขาตั้งใจจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
อู๋ชิงหมดคำจะพูด เขาจำใจต้องอธิบายให้ฟังอีกรอบ “คุณชายลู่ นอกจากพี่ใหญ่จะถูกยิงแล้ว ยังตกลงมาจากหน้าผา บริเวณศีรษะได้รับความเจ็บปวด บาดแผลต่างๆบนร่างกายก็รุนแรง……”
“โอเค โอเค” ลู่โยวโยว ขี้เกียจที่จะฟังจึงขัดคำอธิบายของเขา “ฉันมากี่ครั้ง ก็พูดให้ฟังแต่คำพูดไร้สาระ”
อู๋ชิงได้แต่แอบด่าอยู่ในใจ ไม่ใช่เพราะว่าพี่ชายของคุณมากี่ครั้งก็ต้องมาเหน็บแนมพี่ใหญ่ของเขาที่ไม่ยอมตื่นสักทีไม่ใช่หรือไง
เด็กหญิงอายุประมาณ 18 ปี ใบหน้าสวยงดงามน่าหลงใหล ความหยิ่งยโสอวดดีแผ่ออกมาจากทุกท่วงท่าของเธอที่แสดง
อารมณ์ของลู่เซิ่น ยิ่งแย่ไปอีก หลังจากเย้ยหยันเสร็จด้วยท่าทีรังเกียจ เขาก็พูดอย่างไม่สนใจว่า “ไปเถอะ ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมองเขานอนนิ่งเหมือนศพแบบนี้”
ลู่โยวโยวถอนหายใจ ก่อนที่จะขมวดคิ้วมุ่น พลางด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เขามีน้องสาวคนหนึ่งไม่ใช่หรือ? พี่ชายทำให้เขาเจ็บแบบนี้ ทำไมเธอถึงไม่สนใจล่ะ?”
อู๋ชิงกระแอมไอสองสามครั้ง “ตามรายงานที่คนของพี่ใหญ่ที่อยู่ในเมืองหนานแจ้งมา ตอนนี้คุณเวินกับมู่วี่สิงอยู่ด้วยกัน เป็นไปได้ที่เธอจะคิดว่าพี่ใหญ่ตายไปแล้ว?”