บทที่ 757 ทำไมถึงเป็นเธอ
“หลิงเหยา ออกไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้”
ตอนนี้เวินจิ้งโกรธมาก แต่เป็นเพราะว่าเธอได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดีเลยยังคงทำให้เธอเก็บอารมณ์ตัวเองเอาไว้ได้
ไม่คาดคิดว่าเมื่อก่อนเธอจะเคยเป็นเพื่อนกับผู้หญิงบ้าคนนี้ เธอคิดว่าตอนนั้นสมองของเธอคงผิดปกติไปแน่
หลิงเหยาเอื้อมมือจะไปบังคับพวงมาลัยแทน “เวินจิ้ง หยุดรถก่อน”
ตอนนี้ในสมองของหลิงเหยามีแต่ความคิดที่ว่า มู่วี่สิงชายคนนั้นเป็นห่วงเวินจิ้งแค่ไหนเธอรู้ดี เวินจิ้งถูกเธอผลักจนโดนรถเฉี่ยวชนจนบาดเจ็บ ถ้ารู้เขาไม่มีวันวางมือเรื่องนี้
บริเวณบาดแผลที่เวินจิ้งบาดเจ็บยังคงเพิ่มความเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ บวกกับตอนที่หลิงเหยาเอื้อมตัวมาแย่งพวงมาลัยและโดนแผลของเธออีก มันทำให้ตอนนี้เลือดจากแผลไหลออกมาเยอะขึ้น
“หลิงเหยา นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”
เวินจิ้งกรีดร้อง ความเจ็บปวดจากบาดแผลยังไม่เท่าความโกรธของเธอตอนนี้ “อยากจะตายก็ตายไปคนเดียว อย่าเอาฉันไปตายด้วย!”
หลิงเหยาชะงัก ตอนที่ใจลอย ขาของเธอฉับพลันยื่นออกไปเหยียบคันเร่ง เวินจิ้งห้ามเธอไม่ทัน ก่อนมองไปยังข้างหน้าอย่างตกตะลึง รถที่ควบคุมไม่อยู่กำลังพุ่งไปยังชายหนุ่มเจ้าของรถที่พึ่งชนเธอเมื่อกี้
เธอเห็นความตื่นตระหนกและตกใจอย่างชัดเจนในสายตาเขาเมื่อเห็นรถที่พุ่งไปทางชายหนุ่มด้วยความเร็ว
วินาทีถัดมา ทั้งร่างของชายหนุ่มก็โดนชนกระเด็น หลังจากนั้นร่างของเขาก็ชนเข้ากับกำแพงด้านหลังอย่างแรง เลือดไหลลงมาจากร่าง ก่อนที่จะสลบไป
รถปอร์เช่ที่เวินจิ้งขับมาจากการ์เด้นมูเจียวานพลันหยุดกะทันหัน
ศีรษะของเธอกระแทกกับพวงมาลัยอย่างแรง เลือดบนหน้าผากไหลออกมาไม่ขาดสาย จากนั้นเธอก็ฟุบหน้าลงบนพวงมาลัยอย่างอ่อนแรง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง
ทันใดภายในลานจอดรถใต้ดินก็เงียบลงจนเหมือนไม่มีอากาศหายใจ หลิงเหยาสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งความตายที่ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปใต้ผิวหนังของเธอทีละนิด
ในที่สุดประสาทสัมผัสที่เครียดเขม็งของเธอค่อยๆสงบลง สิ่งที่พรั่งพรูออกมาคือความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ชายคนนั้นยังคงนอนอยู่บนพื้น บนร่างเต็มไปด้วยเลือดมากมาย ไหลเจิ่งนองเต็มพื้น
เวินจิ้งยังคงฟุบหน้าสลบอยู่บนพวงมาลัย ไหล่และหน้าผากของเธอไหลรินออกมาจากบาดแผลชโลมชุ่มไปทั่ว
ทันใดภายในอกหลิงเหยาก็มีความรู้สึกรุนแรงที่อยากจะอาเจียน เธอรีบเปิดประตูรถลงมา ก่อนจะตะเกียกตะกายลงมาจากรถ จนล้มลงไปนั่งกับพื้น
เธอเบิกตาโพลงกับภาพที่เห็น แข้งขาอ่อนแรง มือไม้เย็นเฉียบไปหมดราวกับเลือดในกายถูกแช่แข็ง
เธอไม่กล้าไปดูด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ภายในหัวว่างเปล่าขาวโพลน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอจึงรวบรวมสติใช้มือที่สั่นเทาควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เมื่อต่อสายติด เธอก็ร้องไห้โฮราวกับเด็กๆออกมา “พี่… …ช่วยฉันด้วย… ….ฉันฆ่าคน… …. มาช่วยฉันที”
หลิงอี้ที่อยู่ปลายสายถามกลับด้วยเสียงอบอุ่นและใจเย็นว่า “อย่าตกใจ บอกพี่มาว่าเธออยู่ไหน พี่จะรีบไป”
ภายในเวลาไม่กี่นาที หลิงอี้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็มาถึง เขามองไปยังหลิงเหยาที่หน้าซีดตัวสั่นอยู่อีกมุม ก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่กับชายหนุ่มที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ทันใดสีหน้าเขาก็เปลี่ยน
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลิงฉิง ลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ
เขาเดินเข้ามา ก่อนที่จะเอามือไปอังจมูกของชายหนุ่ม
ไม่มีลมหายใจ
เขาขมวดคิ้ว และหันหน้าไปบอกหลิงเหยาที่มีแต่ความหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้า “ตายแล้ว”
ตาย… …ตายแล้ว?
เป็นไปได้ยังไง… …เป็นไปไม่ได้
แต่พี่ชายจะโกหกเธอไปทำไม… …
ลานจอดรถใต้ดินเงียบสงัด หลิงเหยาเงยหน้าขึ้นไปมองกล้องวงจรปิดบนหัวมุม น้ำตาพลันไหลพรากลงมา “พี่… …ช่วยฉันด้วย”
เป็นครั้งแรก ที่หญิงสาวผู้เย่อหยิ่งคุณนายคนที่สองตระกูลหลิงรู้สึกอับอายหวาดกลัว “พี่ มีแค่พี่เท่านั้นที่ช่วยฉันได้… …”
เธอลุกขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะเข้าไปกอดแขนหลิงอี้แน่น ใบหน้าสวยที่ซีดขาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั้นดูน่าเวทนายิ่งนัก หลิงอี้กัดริมฝีปากอย่างแรง พลางโอบท้ายทอยของน้องสาวตัวเองแน่น
หลิงอี้มองไปยังร่างคุ้นเคยที่สลบอยู่ภายในรถ เวินจิ้ง… …
เวินจิ้ง… …ทำไมถึงต้องเป็นเธอด้วย
… …
เมื่อมู่วี่สิงได้รับสายจากโรงพยาบาลเหรินหมิน เขาก็รีบตรงดิ่งมาทันที เวินจิ้งถูกวางให้นอนอยู่บนรถเข็นก่อนที่จะถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด
ร่างกายของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดราวกับไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว ดวงตาปิดสนิท
มือของเธอห้อยตกลงมา นิ้วนางข้างที่สวมแหวนนั้นอาบไปด้วยเลือด
หมอที่เป็นคนรับผิดชอบบังเอิญรู้จักกับมู่วี่สิงพอดี เขาตบบ่าปลอบใจ ก่อนพูด “ไม่มีอะไรหรอก”
ด้านหลังรถพยาบาลได้มีตำรวจสองสามนายตามเข้ามา เขาเห็นห้องผ่าตัดปิดลงแล้ว จึงหมุนกายเข้าไปจับปกเสื้อของตำรวจหนึ่งนายในนั้นไว้แน่น สายตาแปรเป็นเย็นชา “ฉันต้องการคำอธิบายที่สมเหตุสมผล”
“คุณมู่ ” ฝั่งตรงข้ามที่ยังคงเกรงอำนาจคนในตระกูลมู่ พูดอย่างสั่นกลัว “พวกเราได้รับแจ้งความมาว่า… …คุณผู้หญิงมู่ เจตนาฆ่าคนครับ พวกเราไปถึงที่เกิดเหตุเธออยู่ในสภาวะไม่ได้สติ ดังนั้นจึงนำมาส่งโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยแจ้งให้ท่านทราบ”
เจตนาฆ่า?
ดวงตาของมู่วี่สิงมืดลงเรื่อยๆ “เธอเจตนาฆ่าคน?”
นายตำรวจพยักหน้าอย่างลังเล “ครับ เมื่อมองจากสถานการณ์ มันเป็นแบบนั้น”
ชายหนุ่มเหลือบมอง ดวงตาเย็นชาจนน่ากลัว “ใครตาย?”
ขนาดเขาเวินจิ้งยังฆ่าไม่แล้ว เธอจะไปฆ่าคนแบบไม่มีสาเหตุได้อย่างไร
“คุณชายน้อยตระกูลหลิงครับหลิงฉิง”
มู่วี่สิงบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอฆ่าคนไม่ได้หรอก รบกวนพวกคุณใช้สมองกันในการสืบคดีสักนิด คนที่ตายก็เป็นอันว่าเขาแทงตัวเองตายไป เป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาของฉันจะฆ่าใคร”
ตำรวจลำบากใจไม่น้อย จำใจต้องฝืนพูดต่อไป “คุณมู่ครับ เรื่องนี้มันค่อนข้างที่จะยุ่งยากสักหน่อย ในจุดเกิดเหตุก็มีแค่คุณผู้หญิงมู่กับเจ้าของรถที่เสียชีวิตแค่นั้น การเสียชีวิตของคุณหลิงมาจากรถปอร์เช่ที่คุณผู้หญิงมู่ขับมาชนเมื่อเช้า หลังจากเปรียบเทียบดีเอ็นเอของลายนิ้วมือที่เปื้อนเลือดแล้ว ถ้าหากว่าไม่มีหลักฐานอื่นที่หนักแน่นพอ เรื่องนี้คุณผู้หญิงคงหนีไม่พ้นต้องเกี่ยวข้องครับ”
ใบหน้าของมู่วี่สิงมืดครึ้มลง “ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว เธอไม่ได้เป็นคนทำแน่ๆ ฉันขอเอาเกียรติของฉันเป็นประกัน”
ท่าทางของชายหนุ่มไม่มีวี่แววจะคลายความเย็นชาลงสักนิด ตำรวจหนุ่มกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอไป เรื่องนี้จะว่าเล็กก็เล็ก แต่จะว่าใหญ่มันก็ใหญ่ ท้ายที่สุดแล้วมีการยืนยันในเบื้องต้นว่าชายที่เสียชีวิตเป็นสมาชิกของตระกูลหลิง ตระกูลที่มีอิทธิพลคับฟ้าตระกูลหนึ่งของเมืองหนาน
ถ้าหากผู้เสียชีวิตไม่ใช่คนของตระกูลหลิง ก็มีโอกาสที่ตระกูลมู่จะสามารถใช้อำนาจทำให้เรื่องไม่แดงได้
บาดแผลของเวินจิ้งไม่ร้ายแรงนัก แผลที่ไหล่และหน้านั้นก็เป็นแค่บาดแผลภายนอก ดังนั้นใช้เวลาไม่นานก็น่าจะออกมาจากห้องผ่าตัดได้แล้ว
ภายในห้องพักฟื้นวีไอพี ชายหนุ่มยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าเตียงไม่ไปไหน หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายต่างๆเวลาก็ล่วงผ่านมาตอนเย็น
เขาจับมือเรียวสวยของหญิงสาวออกมาจากใต้ผ้าห่ม แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายสะท้อนกับแดดยามเย็นดูสวยงามยิ่งนัก เขาก้มลงมอง ก่อนก้มลงไปจูบนิ้วสวยของเธอทีละนิ้วอย่างรักใคร่
ทันใด เสียงสูดหายใจเบาๆก็ได้ดังขึ้น เขาเลิกคิ้วก่อนจะมองไปยังใบหน้าเธอ คุกเข่าลงข้างเตียง พลางจับใบหน้าที่ซีดขาว ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนสั่นเครือถามเธอว่า “เป็นยังไงบ้าง? มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายไหม?”
เพราะว่าแผลเธอไม่ได้ร้ายแรง ดังนั้นหมอเลยไม่ได้ฉีดยาสลบให้เธอ ก็เลยตื่นมาเร็วแบบนี้
เวินจิ้งกลอกตาไปมา เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าที่ร้อนรนใจของมู่วี่สิง ที่คล้ายว่าจะช่วยเยียวยาใจที่มันยับยู่ยี่ของเธอได้ น้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้นมาอย่างอ่อนแรง “เจ็บ”