บทที่ 765 เธอยังจะสามารถชนะได้ไหม
ใบหน้าเวินจิ้งที่ยังคงราบเรียบ “คุณผู้ชายท่านนี้คะ ฉันแต่งงานแล้ว อีกอย่างคุณก็น่าจะทราบว่าสามีฉันเป็นใคร”
ได้ยินดังนั้น ลู่เซิ่นหยีตาเล็กน้อย “ดูแล้วคุณจะมั่นใจเขาว่าจะช่วยคุณออกไปได้”
“ก็มั่นใจกว่าคนแปลกหน้าที่ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็แล้วกัน”
“แม้ว่าช่วงนี้เขาจะสนิทสนมกับผู้หญิงอื่นอย่างนั้นเหรอ ลู่เซิ่นมองเธอ “คุณเวิน ในโลกใบนี้ไม่มีชายใดที่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าอำนาจ”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ช้าๆและชัดเจน “นี่คือสัญชาตญาณของผู้ชาย”
เวินจิ้งหัวเราะ “คุณก็เป็นแบบนั้นเหรอ”
“แน่นอน”
เวินจิ้งพยักหน้าเห็นด้วย “ค่ะ ผู้ชายไม่จำเป็นจะต้องเสียสละมากมายเพื่อผู้หญิงหนึ่งคน”
เธอที่เห็นด้วย ทำให้ผู้ชายรู้สึกประหลาดใจ เขาเลิกคิ้วขึ้น “คุณต้องการที่จะทบทวนการเป็นคุณนายลู่ไหม รับรองผมไม่ทำให้คุณทุกข์ทรมานเช่นนี้ อีกทั้งเมื่อเทียบกับมู่วี่สิงคนที่เกือบจะฆ่าพี่ชายของเธอ ความสัมพันธ์ผมกับพี่ชายคุณนับว่าเปรียบเสมือนแขนขากันได้เลย”
เขาคิดอยู่สักพักก่อนจะฝืนพูดสุภาษิตที่ว่าความสัมพันธ์เปรียบเสมือนแขนขานั้นออกมา อีกทั้งสีหน้ายังออกอาการเชิงรังเกียจ
รอยยิ้มบนใบหน้าเวินจิ้งได้หุบขึ้นฉับพลัน
ผู้ชายสังเกตเห็นว่า ผู้หญิงเพิ่งจะสบตาเขาอย่างจังๆในเวลานี้
“คุณเป็นใครกันแน่”
“ลู่เซิ่น”
เวินจิ้งที่ตอนนี้ไม่มีรอยยิ้มแล้ว ใบหน้าเล็กๆขาวซีด “เมื่อกี้คุณบอกว่า…..เขาเกือบจะ…..ฆ่าพี่ชายของฉันหรอ”
เกือบจะหมายถึงยังไม่ได้ทำใช่ไหม
“ครับ” น้ำเสียงลู่เซิ่นยังคงเบาๆ “ยังไม่ตาย แต่ก็เกือบตาย เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าเกือบจะ”
เวินจิ้งวางมือของเธอลงบนโต๊ะ เล็บมือที่ได้รับการตัดแต่งอย่างเรียบร้อย นิ้วมือที่ขาวจนเกือบจะโปร่งใส แต่กลับหงิกงอกะทันหันพร้อมกับถามด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“ถ้าคุณไปกับผม คุณก็จะได้พบเจอเขา” น้ำเสียงลู่เซิ่นที่ยังคงราบเรียบ
เวินจิ้งที่ใกล้สูญเสียความสามารถในการไตร่ตรอง “ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง…..”
ในเมื่อเขายังไม่ตาย…..ทำไมคนที่มาเยี่ยมเธอตอนนี้ถึงไม่ใช่เขา…..”
“พี่ชายของฉันเป็นอย่างไรกันแน่”
ลู่เซิ่นมองเห็นสีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จึงยิ้มอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าคุณจะลืมพี่ชายของคุณแล้วซะอีก”
เวินจิ้งเม้มปาก เธอจะลืมได้อย่างไร…..
ไม่มีข่าวคราวของพี่ชาย เธอกระวนกระวายใจทุกครั้งที่คุยสายกับหลินเวย
แม้แต่เธอยังยอมรับความจริงไม่ได้ ถ้าเป็นแม่เธอคงต้องใจสลายอย่างแน่นอน
หลินเวยตามหาหลินยี่ตั้งนาน…..
“พี่ชายของฉันเป็นอย่างไรกันแน่” อารมณ์เวินจิ้งฉุนเฉียวรุนแรงขึ้น
ลู่เซิ่นยังคงเมินเฉยต่อความโกรธของเธอ แล้วพูดอย่างสุขุมว่า “ผมเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตพี่ชายคุณไว้ คุณควรจะมีท่าทีที่ดีต่อผมถูกต้องไหม”
เวินจิ้งมองเขา มองไม่ออกถึงความคิดของผู้ชายคนนี้
เมื่อทราบว่าพี่ชายยังไม่เสียชีวิต เธอก็ได้พยายามสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลง
“ฉันต้องการเจอพี่ชายของฉัน” เธอพูดอย่างเคร่งขรึม
“ต้องขอบคุณสามีของคุณ ตอนนี้เขากำลังนอนพักอยู่ พอดีต้องการให้คุณบริจาคเลือดหรืออวัยวะบางส่วนให้เขา” ดวงตาของเขาขยับไปมา “ผมคิดว่า คุณเพียงอยากทราบถึงความปลอดภัยของพี่ชายคุณ ไม่ได้ต้องการที่จะจากมู่วี่สิงไป”
นิ้วมือของเวินจิ้งได้ขดขึ้น หัวใจเต้นอย่างรุนแรง แต่ว่าสีหน้าเธอได้กลับสู่ภาวะสงบลงแล้ว
“ฉันจะทราบได้อย่างไรว่าที่คุณพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เรื่องระหว่างฉันกับมู่วี่สิงก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเรา แม้แต่พี่ชายก็ไม่เคยก้าวก่าย แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาล่วงล้ำ”
“ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่เข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้” ลู่เซิ่นพูดอย่างมีนัย “ความผิดที่คุณแบกอยู่ในตอนนี้คือข้อหาฆ่าคน ตาย นอกจากคุณจะล้างมลทินให้ตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นหลังจากที่คุณจากไป ก็ไม่มีโอกาสจะกลับมาได้อีกแล้ว”
เวินจิ้งคนนี้ ต่อไปก็ไม่สามารถปรากฏตัวที่เมืองหนานได้อีก แม้ว่าเธอจะกลับมาแล้ว ก็ไม่ใช่ฐานะคุณนายมู่อีกต่อไป
“เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณอยากได้ฆาตกรที่ฆ่าคนมาเป็นภรรยาอย่างนั้นหรอ คุณล้อฉันเล่นรึเปล่า” เวินจิ้งหรี่ตา
“ถ้าหากคุณเป็นคุณนายลู่ ก็ไม่มีทางเป็นฆาตกรฆ่าคนอย่างแน่นอน และก็ไม่มีใครกล้าจะเรียกเธอเช่นนี้ และที่สำคัญคุณเป็นน้องสาวของหลินยี่ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”
เวินจิ้งรู้สึกว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทีที่แปลกมากๆ
ตระกูลลู่……
หรือว่าจะเป็นบริษัทลู่ซื่อที่มีอุตสาหกรรมน้ำมันขนาดใหญ่ที่ผูกขาดกับทั่วโลกในประเทศFคนนั้น
ลู่เซิ่นก็คือทายาทผู้สืบทอดตระกูลลู่
เธอขมวดคิ้วแล้วปฏิเสธไปโดยไม่แม้แต่จะไตร่ตรอง “ไม่อยากเป็น”
“เหตุผล” แต่ไหนแต่ไรคุณชายลู่เป็นคนที่ค่อนข้างหยิ่งยโส ในโลกใบนี้ยังมีคนกล้าปฏิเสธที่จะไม่แต่งงานกับเขาด้วยหรือ
หรือว่าเสน่ห์ของเขาสู้ไม่ได้กับชายผู้ที่จับมีดผ่าตัดอย่างเดียวอย่างมู่วี่สิง
เวินจิ้งเม้มปาก พูดเบาๆ “ฉันไม่ได้ชนคนตาย ฉันจะต้องได้ออกไปอย่างแน่นอน”
สีหน้าของเธอดูสงบใจเย็น เงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองฝ่ายชายเบาๆ “ฉันไม่พิศวาสตัวคุณจริงๆ คุณอย่าแม้แต่จะคิดเลย”
ลู่เซิ่นค่อยๆลุกขึ้น สายตาก็มองเธอเบาๆ “คุณเวินครับ คุณต้องคิดให้ดีนะครับ ตอนนี้การผ่าตัดของพี่ชายคุณรอไม่ได้แล้ว คุณเป็นน้องสาวแท้ๆของเขาไม่ว่าจะเป็นกรุปเลือดหรือว่าอย่างอื่นที่จำเป็น เมื่อถึงเวลานั้นคุณก็คือคนที่เหมาะสมที่สุด”
“พี่ชายของคุณสำคัญสู้ผู้ชายที่เคยทำร้ายคุณไม่ได้เลยเหรอ”
หลังจากลู่เซิ่นจากไปแล้ว เวินจิ้งก็กลับไปยังที่เดิมของเธอ มีความรู้สึกเหมือนเธอนั้นตกอยู่ในความฝัน
เธอขดขาตัวเองนั่งอยู่บนเตียง วางคางไว้บนหัวเข่า แล้วจ้องมองลงพื้นด้วยใจที่เหม่อลอย
ในแต่ละวันมีคนเอาหนังสือพิมพ์หรือหนังสือให้เธออ่านเล่นเพื่อฆ่าเวลา เมื่อก่อนเธอนั้นไม่ค่อยจะสนใจเท่าไร แต่ตอนนี้เธอหยิบมันขึ้นมาอ่าน
หัวข้อข่าวที่พาดตัวอักษรใหญ่ๆได้สะดุดเข้ามาในดวงตา “ภรรยาเข้าคุก คุณชายตระกูลมู่มีรักใหม่”
เวินจิ้งไม่แม้แต่กะพริบตา ตั้งหน้าตั้งตาอ่านลงไป ด้านล่างหัวข่าวเป็นภาพถ่าย
ชายหนุ่มรูปงามเย็นชาคนนั้น มีสาวงามควงแขนอยู่ข้างๆ เขาสวมแว่นกันแดดสุดแนว แม้เมื่อมองไปจะดูหล่อแบบเซอร์ๆ แต่ก็มองไม่เห็นถึงดวงตา ดังนั้นจึงมองไม่เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกของเขา
มู่ซีตัวเล็กมีเสน่ห์น่ารักน่าเอ็นดู
ช่างแพรวพราวจริงๆ
เวินจิ้งหงุดหงิดจนโยนหนังสือพิมพ์ทิ้ง จิตใจก็ร้อนรุ่มกระวนกระวาย
หลับตาลง เป็นครั้งแรกที่เธอคิดทบทวนอย่างจริงจังเกี่ยวกับบทสรุปของคดีนี้จะเป็นเช่นไร
เธอยังจะสามารถชนะได้ไหม
ถ้าชนะขึ้นมา เธอสามารถออกไปได้ทันทีเลยหรือเปล่า
เธอค่อยๆยื่นมือออก เป็นครั้งแรกที่ทำการกดกริ่งเรียก
“ฉันต้องการเจอมู่วี่สิง”
รอหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม เวินจิ้งก็ไม่ได้เจอกับมู่วี่สิง เขาไม่ได้มา แต่คนที่มากลับเป็นมู่ซี
เวินจิ้งรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ประหลาดใจมาก และขี้เกียจที่จะยกหนังตาขึ้น “พวกเธอไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร”
มู่ซีเดิมเข้ามา เทียบกับความอ่อนโยนไร้เดียงสาในอดีต ตอนนี้เธอดูดีมีความผู้ใหญ่ขึ้นมาก “พวกเราสนิทกันเช่นนี้ รู้สึกประหลาดใจมากเลยหรอพี่สะใภ้”
เธอตั้งใจกัดจิกกับคำว่าพี่สะใภ้
เวินจิ้งกลับไม่ได้ใส่ใจ ไม่มีความสนใจอยากเสวนากับเธอแม้แต่น้อย “ถ้าคุณมาที่นี่เพราะมู่วี่สิงฝากคำพูดมา อย่างนั้นก็ให้รีบพูด แต่ถ้ามาเพื่อโอ้อวด อย่างนั้นก็จงไสหัวออกไป”