บทที่ 767 ฉันคิดเสียว่าคุณได้จากไปตลอดกาล
มือเท้าของเวินจิ้งนั้นเย็นเฉียบ น้ำตาก็ไหลหลั่งไม่หยุด เธอเหมือนจะไม่เคยร้องไห้รุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าตอนนี้เธอนั้นไม่สามารถควบคุมน้ำตาตัวเองได้
ลู่เซิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เลิกคิ้วมองหญิงสาวที่น้ำตาหลั่งริน ด้วยท่าทางที่งงงวย
ยามผู้หญิงร้องไห้ควรจะเหมือนน้องสาวของเขาที่โหยหวนน่ารำคาญไม่ใช่หรือ
แต่ทำไมเวินจิ้งตอนนี้ถึงแม้จะร้องตลอดเวลา กลับไม่ได้ส่งเสียงโวยวาย เขาพบว่าผู้หญิงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็เงียบสงบดี แบบลู่โยวโยวนั้นช่างน่ารำคาญจริงๆ
ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตึกเรือนจำระดับสูง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะอำนาจของลู่เซิ่นที่มีอยู่ในเมืองหนาน เธอคงไม่สามารถที่จะเจอหน้ามู่วี่สิงได้ ตอนนี้แม้แต่คุณปู่มู่ก็ยังไม่สามารถเจอเขาได้
เธอรู้ดีว่าถึงแม้จะเป็นคดีฆ่าคนเหมือนกัน แต่ว่ามู่วี่สิงกับเธอนั้นคงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน ในเมืองหนานตระกูลมู่เป็นผู้นำในแวดวงการเมืองและธุรกิจ ใครจะกล้าปฏิบัติต่อมู่วี่สิงเช่นนี้
ถึงแม้ทุกคนจะมองออกว่า ความจริงแล้วมันก็แค่ฉากฉากหนึ่งเท่านั้น
ผู้ชายเพิ่งจะเดินเข้ามา ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้โดยไม่พูดไม่จาได้ลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้ามู่วี่สิง ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ เงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนว่า “มู่วี่สิง คุณตั้งใจใช่หรือไม่”
ถ้าไม่ใช่เพราะห้องเยี่ยมเล็กๆแห่งนี้ไม่มีสิ่งของใดๆลู่เซิ่นรู้สึกว่าด้วยอารมณ์ของเวินจิ้งตอนนี้ อาจจะคว้าสิ่งของต่างๆโยนใส่มู่วี่สิงก็ได้
มู่วี่สิงที่สูงมาก ก้มลงไปมองศีรษะของเธอ ใบหน้าเธอที่กำลังโกรธทำให้เธอดูสดใสมีเสน่ห์ เขายิ้มขึ้นจางๆ “เป็นอะไร”
เวินจิ้งไม่เคยเกลียดมู่วี่สิงที่ตัวสูงมากเหมือนครั้งนี้มาก่อน เธอต้องเงยหน้าคุยกับเขา ทำให้กำลังเธอจึงอ่อนลง
เธอทำได้เพียงตะโกนดังขึ้น “ฉันถามว่าคุณตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม ถึงแม้ว่าคุณต้องการช่วยฉันออกไปคุณก็ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้ามาแทน นี่คุณตั้งใจทำให้ฉันลำบากใจ ต้องการให้ฉันรู้สึกเสียใจรู้สึกผิดกับคุณใช่ไหม”
ลู่เซิ่นนั่งอยู่เก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังอย่างสง่า เหลือบมองสีหน้าที่โกรธของหญิงสาว แล้วคิดอย่างเงียบๆว่า สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงนั้น ช่างถนัดเรื่องคิดไปเองจริงๆ
เมื่อเทียบกับความโกรธของเธอ ผู้ชายนั้นได้ดูสงบใจเย็นกว่า “คุณคิดแบบนี้จริงเหรอ”
“หรือว่าไม่ใช่” ดวงตาของเธอแยกส่วนขาวส่วนดำออกชัดเจนได้จ้องมองเขา จ้องด้วยความโมโหและรังเกียจด้วยซ้ำ
หัวใจถูกทิ่มแทงอย่างเจ็บปวด เขายิ้ม “ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณสามารถอยู่ต่อ แล้วไม่ไปกับเขาได้ไหม”
ใบหน้าบอบบางของเวินจิ้งที่โกรธมาก “ไม่ได้”
เธอจะไม่อยู่ต่ออย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะเหตุผลแบบนี้แล้วทำให้เธออยู่ต่อ หรือเป็นเพราะเหตุผลใดๆแล้วทำให้เธออยู่ต่อด้วย
“อืม” เขาเย็นชา “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าร้องไห้อีก ไปกับเขาเถอะ ใบหย่านั้นผมได้ให้คุณไปแล้ว”
ใบหย่าที่เธอต้องการ เขาได้เซ็นไว้นานแล้ว
สายตาลุ่มลึกของมู่วี่สิงมองดูหญิงสาวที่หน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา ยกมือขึ้นเพื่อจะเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเธอ แต่กลับหยุดชะงักกลางอากาศ “คุณร้องไห้ทำไม ผมได้ให้อิสระกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไม่ถึงเวลาสองปีด้วยซ้ำ คุณก็อิสระแล้ว”
ลู่เซิ่นกระแอมอยู่ด้านหลัง น้ำเสียงยังคงราบเรียบ “เห็นอยู่โทนโท่ว่าเขากำลังคิดบัญชีคนอื่นอยู่ ก็ไม่เข้าใจว่าคุณจะมาร้องห่มร้องไห้ทำไมกัน”
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้คิดว่ามู่วี่สิงจะรับผิดติดคุกแทนเธอ คิดมากไปแล้ว
เวินจิ้งขมวดคิ้ว แล้วหันหน้ามาตะคอกใส่ลู่เซิ่น “จงไสหัวออกไป”
ตอนนี้เธอรู้สึกรำคาญมาก ที่เขาอยู่ที่นี่แล้วส่งเสียงจ๊อกๆแจ๊กๆ
ลู่เซิ่นมองไปทางมู่วี่สิงอย่างช้าๆแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า “ผมจะปล่อยให้ว่าที่ภรรยาผมอยู่กับอดีตสามีของเธอกันสองต่อสองได้อย่างไร ตอนนี้พวกคุณต่างวู่วามไม่ใจเย็นเลย ผมไม่อยากจะถูกสวมเขา”
ดวงตามู่วี่สิงจมดิ่งลงฉับพลัน ราวกับค่ำคืนที่ถูกสาดด้วยน้ำหมึกสีดำ หนาวเหน็บเยือกเย็น
เขาเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงจางๆ “คุณอย่าเป็นห่วงตัวผมเลย ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่”
เธอก็ฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าคนอย่างมู่วี่สิงมีวิธีการที่สามารถเอาตัวรอดได้ เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้
เธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองคนได้เงียบขึ้นในทันใด
เธอกัดริมฝีปากตัวเอง “เป็นเพราะว่าฉันบอกว่าจะจากไป คุณถึงได้เปลี่ยนความคิดกะทันหันหรือเปล่า”
สีหน้ามู่วี่สิงยังคงราบเรียบ “ของทุกอย่างอยู่ที่การ์เด้นมูเจียวาน ถ้าคุณกลับไปก็สามารถจัดเก็บได้เลยหรือจะให้ป้าหลี่ช่วยจัดเก็บก็ได้ ของของคุณสามารถเอาไปได้ทุกอย่าง”
มือของเวินจิ้งกุมเข้าด้วยกัน ริมฝีปากขยับอยากจะพูดขึ้น แต่ทว่ากลับพูดไม่ออกสักคำ
“มู่วี่สิง”
“ครั้งนี้ ผมไม่ต้องการคุณแล้วจริงๆ” ความสว่างและความมืดมนที่อยู่ในแววตาของเขาได้ถูกปิดซ่อนไว้ เหลือเพียงความซีดเซียวกับความว่างเปล่า “เวินจิ้ง คุณจากไปครั้งนี้ ผมจะคิดว่าคุณนั้นได้จากไปตลอดกาลแล้ว”
ทันใดนั้นหัวใจของเธอเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง ช่างเจ็บปวดมากจริงๆ
มู่วี่สิงมองดูหญิงสาวที่ใบหน้าค่อนข้างสับสน เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง แล้วพูดขึ้นทีละคำ “เวินจิ้ง ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะไปกับเขาหรือต้องการที่จะอยู่ต่อ”
ความจริงเขาก็ทราบคำตอบอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องถามขึ้นอีก เพียงแต่แค่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้นอีก
เธอมองใบหน้ารูปหล่อของเขา แล้วทำการถอยหลังออกหนึ่งก้าว
เป็นการบอกปฏิเสธอย่างชัดเจน
ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เสียงเยาะเย้ยตัวเองของฝ่ายชายดังขึ้น “ถูกของคุณแล้ว”
เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ครั้งนั้นที่คุณใช้มีดแทงปักที่ทรวงอกของผม เราทั้งสองก็ต่างทั้งรักทั้งเกลียดแล้ว ผมไม่ควรที่จะไปตามคุณเลย และก็ไม่ควรให้หนานเฉิงพาคุณกลับมา ถ้าคุณจากไปพร้อมกับหยูจิ่งห้วน ก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้”
ลมหายใจของเธอเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นทันที
ขณะที่เธอต้องการจะเอ่ยปากพูดบางอย่างขึ้น เสียงลู่เซิ่นก็ดังขึ้น “มู่วี่สิงค่าเลี้ยงดูของคุณล่ะ”
เขาแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย“คุณมีทรัพย์สินมากมาย ไม่ใช่ใช้แค่ใบหย่าใบเดียวจะกำจัดส่งว่าที่ภรรยาของผมหรอกนะ”
เวินจิ้ง : “…..”
มือของมู่วี่สิงที่อยู่ข้างกายได้กำแน่นขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงที่หนักแน่นของเขา เป็นการยากที่จะเห็นถึงความผิดปกติของเขา “แม้หยูจิ่งห้วนจะไม่ค่อยร่ำรวย แต่ว่าคุณไปตามหาเขาดีกว่าตามผู้ชายคนนี้ไป ตระกูลลู่ไม่เหมาะกับคุณ จิ้งจิ้ง
เวินจิ้งขมวดคิ้วขึ้น “คุณฟื้นคืนความจำแล้วจริงๆเหรอ”
เขาตอบรับ “ครั้งนั้นที่จำลองการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ ศีรษะถูกกระแทกเข้า”
เวลานี้ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างจ้องมองไม่พูดไร
แต่ก่อนเขาไม่เข้าใจเธอ ได้แต่ทำการคาดเดาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เธอมองเขาไม่ออก เขาไม่ทราบว่าชายรูปงามเย็นชาที่อยู่ตรงหน้านี้กำลังคิดอะไรอยู่
แต่เขากลับกล้าแนะนำให้เธอว่าควรเลือกชายคนใด
เขาเป็นคนที่ขี้หึงสุดๆไม่ใช่หรือ
ลักษณะหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาดูคล้ายอยากจะปิดฉาก หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด แล้วจึงค่อยๆหันตัวไป
เวินจิ้งมองด้านหลังของเขา แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันจะไปเมื่อคุณนั้นไม่เป็นไร”
ผู้ชายหยุดชะงัก แต่ไม่ได้หันกลับมามอง “ต้องรอผมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นก่อนแล้วคุณถึงจะไปใช่ไหม”
เธอแบกรับบุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้จากเขา เป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกไม่สบายใจ เขานั้นทราบดี