บทที่ 76สมาชิกในครอบครัว
นี่เป็นคำถามเฉพาะทางการแพทย์ เวินจิ้งไม่ได้ชำนาญด้านนี้ ด้านศัลยกรรมเธอก็ไม่เข้าใจ นี่มู่วี่สิงจงใจทำใช่มั้ย
เธออดไม่ได้ที่จะมองมู่วี่สิงด้วยความไม่พอใจ
ใบหน้าเธอเย็นเฉียบ เวินจิ้งกัดริมฝีปากตัวเองเธอรู้สึกอับอาย
ขณะนั้นฉีเซินที่อยู่ข้างๆได้รับไมโครโฟนไป
“ลีวีไตราซิแทมคือยาต้านโรคลมชัก แทบจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติได้ กรดโฟลิกและการเสริมวิตามินในระหว่างตั้งครรภ์จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด “
เวินจิ้งถึงกับเหวอ ไหนฉีเซินบอกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญไง……
“คุณพูดได้ถูกต้อง….•”พิธีกรรีบรับไมโครโฟนแล้วเดินขึ้นไปบนเวที
สายตาของมู่วี่สิงยังคงจดจ้องเวินจิ้งและฉีเซิน
เวินจิ้งก้มหน้า ในระยะไกลเช่นนี้แต่เธอก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามู่วี่สิงกำลังโกรธ
อะไรกันเนี่ย
“คุณเวินผมช่วยคุณอีกแล้วนะ ดูแล้วข้าวมื้อเดียวคงจะไม่พอ”ฉีเซินพูดล้อเล่นอย่างอารมณ์ดี
“งั้นก็สองมื้อ”เวินจิ้งตอบอย่างไม่มีคารมล้อเล่น
ฉีเซินไม่พอใจ ไม่เคยมีใครกล้าพูดและแสดงกิริยาแบบนี้กับเขามาก่อน
เวินจิ้งท้าทายขีดจำกัดความอดทนของเขา
“ค้างไว้ก่อนละกัน รอผมคิดออกแล้วผมจะโทรหาคุณ”ฉีเซินตอบด้วยเสียงเรียบ
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินจากไปทันที
การประชุมช่วงค่ำสิ้นสุดลง มู่วี่สิงถูกล้อมรอบด้วยผู้คนมากมาย เวินจิ้งรอเขาที่หน้าประตู มู่วี่สิงให้คนมาบอกว่าเขากำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำและจะพาเวินจิ้งไปด้วย
พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาททั้งหมดมู่วี่สิงคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างดี แต่ในหมู่พวกเขามู่วี่สิงอายุน้อยที่สุด
บนโต๊ะอาหารก็ต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์แก้วหนึ่งถูกยื่นไปยังยังเวินจิ้งและขณะนั้นเธอก็รู้สึกถึงสัญญาณเตือนภัยของตัวเองกำลังดัง
ครั้งที่แล้วเธอดื่มจนเมาจำอะไรไม่ได้ภาพนั้นเธอยังติดตาอยู่เลย
“ทุกคนหมดแก้ว!”มีผู้เชี่ยวชาญอาวุโสท่านหนึ่งยืนขึ้น
เวินจิ้งถือแก้วเหล้า แต่นี่เป็นเหล้าขาว ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์สูงมาก ถ้าเธอดื่มแก้วเดียวแล้วล้มเลย ทุกอย่างก็หมดกัน
แขนข้างหนึ่งยื่นมา มู่วี่สิงแย่งแก้วเหล้าในมือเธอไป แล้วยื่นน้ำอัดลมให้เธอหนึ่งแก้ว
“เฮ้ คุณหมอมู่ แบบนี้ไม่ได้นะ รีบรินเหล้าให้เธอ” ศาสตราจารย์สูงอายุไม่พอใจ
เวินจิ้งหน้าบึ้งหน้างอ เพื่อไม่ให้มู่วี่สิงลำบากใจ เธอจึงหยิบแก้วเหล้ามาถือไว้
เธอกำลังจะดื่ม มู่วี่สิงก็แย่งไปดื่มทันที
“เธอดื่มเหล้าแล้วชอบโวยวาย พวกคุณอย่าทำให้ผมลำบากเลยครับ”มู่วี่สิงพูด
ศาสตราจารย์อาวุโสมองเวินจิ้ง “คุณหมอมู่ หรือว่าเธอเป็นญาติคุณ?”
“อืม ใช่ครับ”คิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงจะตอบได้ท่าทีธรรมชาติแบบนี้
เวินจิ้งอึดอัดใจ ตอนนี้เธอคือผู้ช่วยของเขา
เขาพูดแบบนี้ได้ยังไง……..
เวินจิ้งรู้สึกเคือง แต่สถานการณ์แบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
เรื่องนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรื่องที่คุยกันบนโต๊ะอาหารก็หนีไม่พ้นเรื่องในที่ประชุม เวลาล่วงเลยมาเกือบเช้า เวินจิ้งประคองมู่วี่สิงออกมา หน้าเขาแดงมาก บนโต๊ะอาหารเขาเอาแต่ดื่มไม่หยุด เวินจิ้งอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
“มู่วี่สิง ไหวมั้ย?”เวินจิ้งประคองเขาขึ้นรถ มู่วี่สิงขมวดคิ้ว จับหน้าผากตัวเองตลอดเวลา
“อืม” มู่วี่สิงตอบ แล้วหลับตาลง
เวินจิ้งมองเขาด้วยความกังวล เมื่อถึงโรงแรมเธอรีบชงชาให้มู่วี่สิงดื่ม แล้วประคองมู่วี่สิงลุกขึ้นมาเช็ดหน้าให้เขา
แต่ตัวเขาหนักมาก เวินจิ้งพาเขามาที่เตียงอย่างทุลักทุเล มู่วี่สิงพลิกตัวทับเธอไว้ใต้ร่าง
แต่เขาลืมตาขึ้น สายตาของเขาในตอนนี้เหมือนคนเมา
“คุณ….คุณตื่นแล้ว?”เวินจิ้งถาม
ทั้งสองร่างตัวติดกัน เวินจิ้งฝืนตัว
แต่ก็ผลักเขาออกไม่ได้
“อืม ทรมาน”