บทที่ 791 ต่อจากนี้จะมีแค่ฉันใช่ไหม
“นาย…”
“ทำไม?”นิ้วเรียวยาวขอชายหนุ่มบีบใบหน้านุ่มนิ่มของเธอ “เธอเป็นคนให้โอกาสนี้กับฉัน อย่าลืมสิ เธอเป็นคนโทรหาฉันเองนะ ถ้าจะนับว่าเป็นหลุมพราง มันก็เป็นหลุมที่เธอขุดและโดดลงไปเอง เวินจิ้ง”
สำหรับผู้ชายทั่วๆไปแล้ว การที่ผู้หญิงที่ตัวเองชอบโดนวางยาเพียงแค่คืนเดียวก็นับได้ว่าเป็นพายจากสวรรค์ แต่สำหรับเขามันยังไม่พอ ยังห่างไกลกับคำว่าพอ
เธอระวังตัวอย่างมาก ไม่เคยคิดว่าจะต้องหย่ากับลู่เซิ่นจริงๆ ไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อน
คางของมู่วี่สิงเกยอยู่บนไหล่ของเธอ ไรหนวดบางๆที่ทำให้รู้สึกคัน มันทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ไหว
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีสติอีกต่อไป แต่ให้ตายอย่างไรก็ยังคงรักษาฟางเส้นนั้นไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับปากง่ายๆ
ริมฝีปากบางลอยอยู่เหนือผิวขาวละมุนของเธอ ทั้งตัวของเวินจิ้งอ่อนปวกเปียกอย่างกับแอ่งน้ำ ไม่สบายนัก…แต่ก็อยากได้มากกว่านี้…
เธอเข้าไปใกล้ ประทับจูบลงบนใบหน้าของเขา น้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล “มู่วี่สิง…”
เปลวไฟในแววตาของชายหนุ่มลุกโชติช่วง เพียงแต่ยังคงจูบอยู่อย่างนั้น “จิ้งจิ้ง เธอยังไม่สัญญากับฉันเลย ต่อจากนี้ไปจะมีแค่ฉันใช่ไหม ฮืม?”
“อืม…มู่…”
“หย่ากับลู่เซิ่นซะ สัญญากับฉันแล้วฉันจะให้เธอ”
เวินจิ้งค่อยๆลืมลืมตาขึ้น พร่ามัวและไม่สามารถทำอะไรได้ คิ้วสวยขมวดเป็นปม พยักหน้าอย่างเคืองๆ “โอเค…”
……
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ สีท้องฟ้าภายนอกจากที่สว่างก็กลับมามืดลงอีกครั้ง ภายในห้องเงียบเฉียบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของผู้หญิงเท่านั้น
ร่างกายของเธอถูกชำระล้างอย่างสะอาด นอนอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่เผยให้เห็นไหล่และไหปลาร้าอันสวยงาม สีแดงบนใบหน้ายังคงไม่หายไปไหน
ผ้าม่านเปิดออกครึ่งหนึ่ง แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาอย่างริบหรี่
มู่วี่สิงเอนกายนั่งบนเตียง จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลอยู่บนเตียงอย่างไม่กระพริบตา ปลายนิ้วคีบก้นบุหรี่แต่มันไม่ได้ติดไฟ เขายังคงอยู่ในท่านี้จนถึงรุ่งสาง
เมื่อเวินจิ้งตื่นก็เห็นสายตาของชายหนุ่มที่เหมือนจะมองเธอแบบนี้มานานแล้ว
ปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่างกาย เธออดไม่ได้ที่ร้องครวญคราง
มู่วี่สิงหรี่ตา รอยยิ้มปรากฏขึ้นในแววตาของเขา “อยากได้อีกเหรอ?”
เมื่อพูดจบ ลมหายใจแข็งกร้าวเย็นยะเยือกก็ปกคลุมลงมา เวินจิ้งนิ่งอึ้ง ในอากาศที่ยังคงมีลมหายใจแบบนั้นเหลืออยู่ผสมผสานไปกับลมหายใจของชายหนุ่มเพียงคนเดียว
เขาประทับรอยจูบลงบนหว่างคิ้วของเธออย่างอ่อนโยนราวกับว่าอยู่ในความฝัน
อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่แรงเกินไป ตอนนี้หัวของเธอตื้อไปหมดจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่บ้าคลั่งและยุ่งเหยิงค่อยๆเข้ามาในความคิดของเธอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง รีบลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าตื่นตระหนก
ดวงตาของมู่วี่สิงพลันจมดิ่ง เธอ … เสียใจเหรอ?
เงยหน้าขึ้น บนใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มจางๆ เสียงทุ้มต่ำยังคงอบอุ่น ฝ่ามือแนบลงบนใบหน้าอ่อนนุ่มของเธอ “ฉันสั่งให้คนเอายามาให้”
ดวงตาของเธอดูสับสน นิ้วมือจับผ้าห่มไว้แน่นเพื่อปกปิดร่างกายตัวเอง สายตามองต่ำไม่กล้ามองไปที่เขา
ร่างสูงเข้ามาใกล้ ลมหายใจเย็นยะเยือกที่ทำให้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ แต่ในหัวของเธอเต็มไปด้วยภาพที่ทั้งสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่
เสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำดังออกมา “จิ้งจิ้ง ได้ประโยชน์แล้วก็ถีบหัวส่งสินะ?”
เวินจิ้งขยี้ผมด้วยความงุ่นง่าน สับสนจนทำอะไรไม่ถูก ทำไมเรื่องราวถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้…
เธอมองเขาอย่างเคอะเขิน สายตาในการแยกแยะถูกผิดช่างบริสุทธิ์ “นายรู้ว่า…ตอนนั้นฉันถูกวางยา”
ลมหายใจของชายหนุ่มอยู่ใกล้มากจนเธอแทบไม่มีที่จะหนี หัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ
เธอกล้ำกลืนฝืนทน พูดขึ้นทั้งที่ยังคงตัวสั่นไม่หยุด “มู่วี่สิง…”
เธอไม่กล้าสบตาเขา “มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคู่หย่าร้างที่จะมีเซ็กส์ … ”
มู่วี่สิงยื่นมือออก รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาหายไป นิ้วมือเรียวดึงผ้าห่มที่ออกอย่างง่ายดาย
สายตาที่ร้อนแรงของเขาจ้องมองเธออย่างไม่สะทกสะท้าน“มีตรงไหนของเธอที่ฉันยังไม่เห็นยังไม่จับบ้าง ฮืม?”
เขาชันเข่าข้างหนึ่งที่ด้านข้างเตียง ขังเวินจิ้งไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยแผล ทั่วร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
ตอนที่เขาช่วยเธออาบน้ำเมื่อคืนเสียใจจนอยากจะฆ่าตัวเองให้ตาย ไม่ใช่เพราะเธอถูกวางยา แต่เป็นเพราะอารมณ์ที่เขาอดกลั้นมาเป็นปีได้ปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
เขาต้องการอีกมากๆ มากอย่างไม่มีข้อจำกัด
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ นายอย่าทำแบบนี้…” เวินจิ้งออกแรงผลักกลับ เธอเขินอายเหมือนหญิงสาวที่แต่งงานไปแล้ว
เขาก้มหัวลง พรมจูบไปบนใบหูและลำคอของเธอด้วยความรักใคร่ พ่นไอร้อนๆที่ทำให้รู้สึกคัน เขาพูดขึ้นพลางอมยิ้ม “เมื่อคืนเธอพูดอะไรไว้ ลืมไปหมดแล้วรึเปล่า”
เธอนิ่งอึ้ง ส่ายหัวช้าๆ ทั้งร่างแข็งทื่อ
แน่นอนว่าเธอโกหกหรือเปล่านั้นเขาดูออกอยู่แล้ว นัยน์ตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เขากำหมัดแน่น
“เธอสัญญากับฉันว่าจะหย่ากับลู่เซิ่นและมาแต่งงานกับฉัน”
ออร่าของเขาช่างน่ากลัว ดูเหมือนว่าตราบใดที่คำตอบของเธอไม่ทำให้เขาพอใจ เขาก็จะมีวิธีในการทรมานเธอต่อไป
เธอหลบสายตาเขา ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นานก่อนที่จะพูดขึ้น “เมื่อคืนฉันยังไม่สร่างเมาเลย ที่พูดไป…ไม่ต้องรับผิดชอบหรอก ใช่ไหม”
“อืม ไม่ต้อง”รอยยิ้มที่ดูอันตรายผุดขึ้น
เธอประหลาดใจกับท่าทีว่าง่ายของเขา ในขณะที่รู้สึกโล่งใจเธอกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เธอกำลังคิดจะใส่เสื้อผ้า ชายหนุ่มก็ช้อนตัวเธออุ้มขึ้น เธอโอบรอบคอของเขาทันที ถามด้วยความสงสัย “นายจะทำอะไร ฉันยังไม่ได้ใส่…”
ใบหน้าหล่อเหลาขอชายหนุ่มเรียบเฉย ก้าวข้ามเสื้อผ้าและผ้าห่มที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นแล้วเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น
เธอถูกวางลงบนโซฟา รีบหยิบหมอนข้างๆพยายามปกปิดเรือนร่างของตัวเองทันที ถึงแม้มันจะไม่มีประโยชน์ แต่ก็ทำให้สบายใจขึ้นมาหน่อย
เขาไม่พูดอะไรออกมา เดินตรงไปที่หน้าทีวี ก้มลงเชื่อมข้อมูลโทรศัพท์ต่อเข้ากับทีวี หลังจากเชื่อมต่อไม่นาน ทีวีก็ฉายวิดีโอที่ทำให้ผู้คนตาร้อนและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ใบหน้าของเวินจิ้งขาวซีดไร้เลือดฝาด ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายแข็งทื่อไปทั้งตัว
ทั้งภาพและเสียงนั่น ทั้งหมดกำลังท้าทายขีดจำกัดของเส้นประสาทของเธอ
บนหน้าจอ LCD ร่างกายกำยำของชายหนุ่มกำลังกดทับเรือนร่างขาวเนียนของหญิงสาว…
เวินจิ้งไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นคือตัวเธอเอง ควบคุมไม่ได้เลย …
“เธอจะไม่รับผิดชอบก็ได้ หากว่าลู่เซิ่นทนได้อ่ะนะ แล้วฉันจะไม่เซ้าซี้เธออีก”ชายหนุ่มกระซิบเบาๆข้างหูของเธอ
วินาทีต่อมา ริมฝีปากของเขาจรดลงบนไหล่ของเธอ ประทับรอยจูบอย่างช้าๆ
เวินจิ้งขยับริมฝีปากพูดพึมพำ “นายต้องการอะไร?”
“ฉันต้องการอะไร เธอก็รู้มาตลอดเลยไม่ใช่หรือไง”เขาบีบคางเธอแล้วจูบอย่างลึกซึ้ง “สิ่งที่ฉันต้องการตลอดมาก็คือเธอ จิ้งจิ้ง ”
เวินจิ้งไม่ได้ผลักเขาออกไป ยังคงนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างน่าเอ็นดู
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ?”