บทที่ 792 ลู่เซิ่นไม่ได้รักเธอมากขนาดนั้น
มือของมู่วี่สิงกำลังลูบผมนุ่มสลวยของเธอ ใบหน้ายังคงผุดรอยยิ้มจางๆ“ลู่เซิ่นไม่ได้รักเธอมากขนากนั้นหรอก ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ได้อยู่ข้างเธอในตอนนี้ ”
เขาเงียบไปชั่วขณะ รอยยิ้มจางๆที่ทำให้รู้สึกถึงความเย็นชา “และถ้าเขาไม่แยแสว่าเธอนอนกับฉันแล้ว แต่คนในตระกูลลู่ต้องไม่ยอมให้คุณนายลู่อย่างเธอ…มีชู้ในระหว่างที่แต่งงาน”
เวินจิ้งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มู่วี่สิงก้มหัวลงมาจูบที่ริมฝีปากของเธอ น้ำเสียงยังคงเฉยเมย ค่อยๆบอกข้อเท็จจริงในตอนนี้ให้กับเธอ “นับตั้งแต่เมื่อคืนที่เธอเริ่มกอดฉันและขอให้ฉันเข้ามา ในตอนนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไม่ยอมให้เธอจากฉันไปอีก จิ้งจิ้ง ถ้าฉันต้องการ ฉันมีวิธีที่จะทำให้เธออยู่เคียงข้างฉัน”
ตลอดเวลาเธอก้มหัวมองต่ำ พูดเสียงอ่อย“ฉันอยากใส่เสื้อผ้า”
มู่วี่สิงเหลือบมองเธอ เขาเชยคางเธอขึ้นและชี้ไปที่ภาพบนหน้าจอ “เธอก็เห็นแล้วไม่ใช่รึไง เธอฉีกเสื้อตัวเองขาดไปแล้ว”
เธอดึงกระดุมบนเสื้อเชิ้ตหลุดจนหมด ตอนนี้สวมเพียงเสื้อหลวมๆ เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกที่สมบูรณ์แบบ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว การเปลือยกายต่อหน้าเขามันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะตอนที่เขาแต่งตัวเรียบร้อย มันทำให้รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังปรนนิบัติเขาอยู่
เธอไม่ได้หลีกเลี่ยงความสงสัยใดๆ กลับตรงเข้าไปถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก มู่วี่สิงคาดไม่ถึงว่าเธอจะทำเช่นนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยพลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ“เมื่อคืนยังไม่พออีกเหรอ”
ความสุขแพร่กระจายไปทั่วดวงตา ไม่ว่าเมื่อคืนเวินจิ้งจะเร่าร้อนแค่ไหนก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพราะฤทธิ์ยา เทียบกับเธอในตอนนี้ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
เขาถือโอกาสกดเธอลงบนโซฟา เตรียมจะทำศึกอีกครั้ง
เวินจิ้งผลักเขาออกด้วยความโกรธ พูดอย่างเคืองๆ “มู่วี่สิง นายมันสัตว์เดรัจฉาน อย่าคิดนะว่าฉันจะไม่รู้ว่าเมื่อคืนนายจับฉันพลิกไปพลิกมาระหว่างที่ฉันกำลังนอนหลับอยู่”
ตอนนี้ ตรงนั้นของเธอยังคงปวดแสบปวดร้อนอยู่เลย แต่เขากลับมีหน้ามาคิดเรื่องแบบนี้อยู่อีก
เขาเลิกคิ้วขึ้น ถ้าหากเธอไม่ต้องการแล้วทำไมถึงเป็นฝ่ายถอดเสื้อของเขาออกล่ะ
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก พูดพึมพำ“ฉันจะใส่เสื้อ นายก็เปลือยไปสิ”
พูดจบก็ถอดเสื้อเชิ้ตที่เขาใส่อยู่ออกแล้วเอามาใส่เอง
เธอโดดลงออกจากร่างของชายหนุ่ม ตั้งใจติดกระดุมทีละเม็ด ปลายชายเสื้อยาวจนแทบปิดหัวเข่าของเธอ
ผมนุ่มยาวสลวยแผ่ลงล่าง ผิวขาวเนียนของเธอสวยกว่าเสื้อเชิ้ตสีขาว โดยเฉพาะรอยดูดถี่ๆที่ไหปลาร้าทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
มันคือความงามอันน่าหลงใหลที่เกิดขึ้นจากการถูกรักเท่านั้น
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เวินจิ้งรีบเดินตรงไปปิดทีวีทันที ภายในห้องนั่งเล่นกลับมาเงียบอีกครั้ง เธอหยิบโทรศัพท์ของชายหนุ่มแล้วขว้างลงพื้นอย่างรุนแรง
“เธอพังโทรศัพท์ฉัน”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ฉันเองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าสามีของเธอจะเห็นรูปภาพเมื่อกี้ไปแล้วหรือยัง”
เวินจิ้งยังคงเม้มปากอยู่อย่างนั้น มู่วี่สิงยกใบหน้าที่ก้มต่ำให้เงยขึ้น ลมหายใจที่แผดเผาและสายตาที่ดึงดูดไม่สามารถทำให้เธอหลบไปไหนได้“บอกคำตอบของเธอมาสิ ฮืม?”
เธอพยายามดิ้นรน แต่เพราะเขาไม่อนุญาต เธอจึงทำได้แค่พึมพำ “ฉันขอคิดดูก่อน”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้กำลังโกหกฉันอยู่”เขาโน้มตัว ประทับริมฝีปากบางลงบนระหว่างคิ้วของเธอ “เธอยังจะกล้าโกหกฉันอีกไหม ถ้าเธอโกหกฉัน เธอจะไม่เหลืออะไรเลย แต่หากเธออยู่เคียงข้างฉัน ฉันจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ”
เขายังคงสบตาเธอนิ่งๆ“ถ้าเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นด้วยเรื่องบนเตียง ฉันจีบเธอได้นะจนกว่าเธอจะยอมหย่าและมาแต่งงานกับฉัน”
เธอถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของเขา ลมหายใจปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอ เวินจิ้งถอนลมหายใจ “มู่วี่สิง ทำไมนายถึงทำแบบนี้”
เธอหันหน้าไปพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหมดหนทาง “เรื่องเมื่อคืนมันเป็นอุบัติเหตุ”
เธอหยุดไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นอย่างช้าๆ “ตลอดเวลาที่ฉันอยู่เมืองหนาน ฉันไม่เคยคิดยั่วนายเลยนะ”
ในสมองของเธอยุ่งเหยิงราวกับผูกเงื่อนตาย สับสนในหลายๆเรื่อง
เขายังคงยิ้มจางๆ “ฉันไม่อยากคุยเหตุผลพวกนี้กับเธอ”
แววตาของชายหนุ่มดูลึกซึ้ง“การเป็นสุภาพบุรุษไม่ใช่เป้าหมายของฉัน”
เธอคือเป้าหมายเดียวของเขา
เธอก้มหน้าลง น้ำเสียงยังคงอู้อี้“เมื่อคืนฉันไม่ได้กลับ เขาคงตามหาฉันอยู่”
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “นายให้ฉันกลับไปคิดดูก่อน ได้ไหม”
มู่วี่สิงมองเธออย่างเคร่งขรึม ไม่ได้ส่ายหัวหรือพยักหน้า
สีหน้าของเวินจิ้งไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย “ตอนนี้วิดีโอก็อยู่ในมือนาย คิดว่าฉันจะกล้าหนีเหรอ หรือว่านายคิดอยากจะประกาศสงครามกับลู่เซิ่น?นายไม่กลัวว่าทุกคนในเมืองจะบอกว่านายเป็นมือที่สามที่เข้ามาในครอบครัวของคนอื่นเหรอ”
ใบหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่ง เดิมทีเขาเองก็ไม่สนใจอยู่แล้ว
“เธอยังต้องคิดอะไรอีก”
เขาขมวดคิ้ว น้ำเสียงฟังดูไม่พอใจเล็กน้อย “ฉันจะปฏิบัติต่อเธอไม่ให้แย่ไปกว่าลู่เซิ่น อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้หญิงพวกนั้น”
เธอเอนกายช้าๆในอ้อมแขนของเขา ท่าทางอ่อนโยนของหญิงสาวช่วยคลายความไม่มั่นใจภายในใจของชายหนุ่ม เขาก้มหัวลงพึมพำข้างหูของเธอ“แยกกันอยู่กับเขาก่อนได้ไหม ฮืม?”
ตอนนี้เขาไม่สามารถทนให้เธออยู่กับผู้ชายคนนั้นได้อีกต่อไป
เวินจิ้งหน้าบึ้งตึง “นายกล้าอัดวิดีโอแบบนี้เพื่อมาขู่ฉัน ส่วนเขาไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้วมันยังไง ไม่ว่าจะมองยังไงนายก็เลวกว่าตั้งเยอะ
มู่วี่สิงก้มหัวลงจูบใบหน้าของเธอโดยที่ไม่ปฏิเสธ แน่นอนว่าเขารู้ว่าวิธีการของเขามันไม่ดี แต่ทว่า ชีวิตนี้ไม่มีเธอไม่ได้ เพราะอย่างนั้นในสายตาเขาแล้วไม่ว่าจะวิธีการไหนก็ตาม ขอแค่ในที่สุดให้ได้เธอมา เขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทาง
“ถ้าเธอแต่งงานกับฉัน ฉันยังเลวได้มากกว่านี้อีก”
เวินจิ้งตอบกลับอย่างเย็นช้า “ฉันไม่ได้ชอบนายแล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มพลันแข็งกร้าว นัยน์ตาเศร้า แต่รอยยิ้มจางๆยังคงปรากฏบนใบหน้าของเขา “จริงเหรอ เมื่อคืนเธอยังชอบฉันอยู่เลย ชอบมากๆเลยด้วย”
ทันใดนั้นเวินจิ้งก็เกิดหน้าแดงขึ้นมา จ้องมองเขาอย่างบูดบึ้ง “ฉันจะกลับแล้ว”
“อืม”เขาอุ้มเธอขึ้น ค่อยๆเดินตรงไปยังห้องนอน“ฉันให้เวลาเธอสามวันไปทำเรื่องหย่าซะ”
เขาก้มหน้าและจ้องไปที่เธออย่างเคร่งขรึม“ถ้าหย่าไม่ได้ ฉันจะใช้วิธีของฉันช่วยเธอเอง”
ใช้วิธีของเขา…
ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามันคือการขู่…
วางแก้มลงบนไหล่ของชายหนุ่ม เวินจิ้งมองใบหน้าด้านข้างของเขา แนวคางคมสัน ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไร้ที่ติ
จริงๆแล้วมู่วี่สิงเป็นผู้ชายที่ดูดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
เพราะอย่างนั้นเธอจึงแทบไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายคนไหนอีกเลย