บทที่ 793 คนที่ฉันรักมีเพียงเธอ
เป็นเวลานานแล้วที่มู่วี่สิงกอดเธอไว้เช่นนี้ เวินจิ้งชำเลืองมอง ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองกลับไปเชื่อใจเขาเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไม่คาดคิด
เขาวางเธอลงบนเตียง จูบที่แก้มของเธอแล้วถามเสียงทุ้มว่า “กินข้าวเช้าเสร็จแล้วฉันจะไปส่งเธอ ฮืม?”
เธอมองเขาอย่างเงียบๆ ราวกับว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มองเขาอย่างจริงจัง แววตาที่เอาไว้แยกแยะถูกผิดคู่นั้นดูบริสุทธิ์และแน่วแน่ “มู่วี่สิง นายรักฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่”เขาตอบอย่างไม่ต้องคิดเลย
“หนึ่งปีก่อนหลังจากที่ฉันออกมา นายก็ไม่มีความรักอีกเลยเหรอ”
“ไม่มี”ก่อนหน้านี้เขาเคยตอบคำถามนี้ไปแล้ว
“จริงเหรอ ฉันจำได้ว่าหลังจากที่ฉันออกมา ข้างกายนายมีผู้หญิงคนนึงนะ”
ขาเรียวยาวใต้เสื้อของเธอแกว่งไปมาในสายตาของเขา ขดเท้าเล็กๆของเธอ นิ้วเท้าดุ๊กดิ๊กไปมาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
เท้าเล็กๆ กำลังเล่นกับนิ้วเท้าของพวกเขาที่โค้งงอไปมาอย่างสนุกสนาน
“หึงเหรอ”
“มู่วี่สิง”เวินจิ้งกระพริบตา“ฉันเจ็บเอว”
มู่วี่สิงอึ้งไปชั่วขณะจากนั้นก็ย่อตัวคุกเข่าข้างๆเธอ มือใหญ่วางลงบนเอวของเธอแล้วค่อยๆนวดอย่างเบามือ การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างระมัดระวังและแข็งกระด้าง
ดูก็รู้ว่าน้อยครั้งที่จะทำเรื่องแบบนี้…
“ฉันก็ปวดขาเหมือนกัน”
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ มือต่ำลงนวดไปทั่วจนไม่รู้ว่าไปถึงไหนต่อไหน เวินจิ้งรีบเอามือปัดออก “ห้ามมาทำอันธพาลนะ!”
เขารีบถอยมือออกทันทีอย่างเชื่อฟัง ยังคงนวดเธอต่อไปด้วยท่าทางที่ดูเงอะงะและไม่เป็นมืออาชีพ กลิ่นเส้นผมหอมๆของหญิงสาวแทรกเข้ามาที่ปลายจมูกของเขา มันทำให้เขาใจสั่นและเปลวไฟกำลังจะลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง
เวินจิ้งได้ยินเสียงลมหายใจที่ค่อยๆหนักขึ้นของเขาจึงจงใจเปิดหัวข้อสนทนา “นายให้คนเอาเสื้อผ้ามาให้แล้วหรือยัง”
มู่วี่สิงตอบอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “อีกสักพักคงมาส่ง”
หลังจากนวดไปสักพักมู่วี่สิงก็มองไปที่ใบหน้าของเธอ ถามด้วยเสียงต่ำ“เจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
ลมหายใจของเขารดบนใบหน้าของเธอ“เพราะเมื่อคืนท่าวัวชาวนาสินะ?”
น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก แต่ดวงตากลับร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ “ไหน ฉันขอดูหน่อย”
ใบหน้าของเวินจิ้งทั้งแดงและร้อนผ่าว เธอถอยออกห่างทันทีและซ่อนตัวเองไว้ในผ้าห่มอย่างมมิดชิด “ไม่ต้องหรอก ฉันหิวแล้ว นายให้คนมาส่งอาหารหน่อยสิ”
ใบหน้าของชายหนุ่มผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้รบเร้า เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ “โอเค”
เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นทันทีเพื่อโทรศัพท์
เวินจิ้งมองไปยังแผ่นหลังของเขา สูดลมหายใจเข้า คิ้วขมวดกันเป็นปมแน่น ตรงนั้นยังคงรู้สึกเจ็บอย่างกับจะฉีกขาด
ไม่ถึงสิบนาที พนักงานโรงแรมก็เข็นรถเข็นอาหารมาถึง เวินจิ้งอาบน้ำในห้องน้ำ เดินเท้าเปล่าออกมาบนพรม
เพราะไม่ได้กินอะไรเลยมาทั้งคืน ตอนนี้เธอหิวจนจะตายอยู่แล้ว หลังจากที่มู่วี่สิงยื่นตะเกียบให้เธอก็เริ่มกินอย่างตะกละตะกลาม
ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆเธอขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น“โอ๋ๆ ค่อยๆกิน”
ปกติแล้วเวินจิ้งจะทานอาหารอย่างมีมารยาท แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังหิวมากๆ
หลังจากทานอาหารเสร็จเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง มู่วี่สิงเดินไปเปิดประตูพบว่าเกาเชียนยืนถือถุงสีขาวอยู่ที่หน้าประตู
หลังจากที่รับถุงมาแล้ว มู่วี่สิงก็สั่งว่า “ไปรอบนรถก่อน”
หลังจากพูดจบเขาก็ปิดประตูและกลับไปหาเวินจิ้ง
เธอเหลือบมองถุงในมือของเขา“เดี๋ยวฉันกลับเอง”
มู่วี่สิงตักซุปให้ตัวเองและพูดอย่างไม่ต้องสงสัย“ฉันไปส่งเธอเอง”
เวินจิ้งกัดริมฝีปากขมวดคิ้วช้าๆ “มู่วี่สิง…สามวันไม่พอ”
สีหน้าของเธอทั้งออดอ้อนทั้งขอร้อง
แต่แทบไม่มีผลอะไรต่อชายหนุ่มเลย“สามวันก็พอแล้วที่เธอจะทำเรื่องหย่าให้เสร็จ”
“ไม่พอ”เวินจิ้งทำหน้านิ่ง
ใบหน้าของมู่วี่สิงเคร่งเครียด ตอนนี้ยิ่งนานเข้ายิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังข่มขู่เวินจิ้งอยู่ บางทีในใจเธออาจจะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายเลวๆที่ทำให้เธอและลู่เซิ่นต้องแยกทางกัน
มือข้างหนึ่งของเขาโอบรอบเอวบาง ส่วนมืออีกข้างก็ตักอาหารให้เธอ พูดขึ้นมาลอยๆ “ฉันให้เวลาเธอสามวัน”
เวินจิ้งอึดอัดใจ เธอวางตะเกียบลงและลุกไปนั่งข้างๆมู่วี่สิง “ฉันสัญญาว่าฉันจะหย่ากับเขาแน่นอน”
“ภายในสามเดือน ตกลงไหม”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที เวินจิ้งโน้มตัวลงจูบใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา “นายต้องการให้ฉันถูกบังคับแล้วสัญญากับนายไปลวกๆ หรืออยากให้ฉันสัญญากับนายจากจริงใจล่ะ?”
เขาเหลือบมองท่าทางออดอ้อนที่เห็นได้ยากของเธอ นิ้วเรียวยาวเชยคางเธอขึ้นพลางกระซิบที่ข้างหู “แล้วภายในสามเดือนนั่น ฉันเป็นอะไรสำหรับเธอ”
เขารอเธอมาราวจะห้าปีแล้ว เดิมทีเขาไม่สนหากต้องรออีกสามเดือน แต่เพราะเกิดเรื่องเมื่อวานขึ้น เขารู้สึกว่าแค่สามวันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
ปล่อยให้เธออยู่ข้างกายลู่เซิ่น ลองนึกภาพว่าในทุกๆวันจะให้ผู้หญิงของเขาอยู่กับผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมได้อย่างไร เพียงแค่คิดก็แทบจะทนไม่ได้
เวินจิ้งอิงในอ้อมกอดของเขา กระพริบตาพลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “หรือว่าจะเป็นแฟนดี?”
มู่วี่สิงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ใบหน้าที่นิ่งสงบของเขาไม่สามารถคาดเดาได้ เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ต้องพูดจาเพราะๆด้วยถึงจะยอม เวินจิ้งไม่รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร
เธอเริ่มจูบไปที่มุมริมฝีปากของเขา “ถึงนายจะแอบถ่ายวิดีโอแบบนั้นแต่ฉันก็ไม่ได้โกรธขนาดนั้นนี่ นายถอยให้ฉันสักหน่อยไม่ได้เหรอ”
มู่วี่สิงขยับสายตา “ห้ามให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเธอ ห้ามจูบเธอ ห้ามกอดเธอ”
เวินจิ้ง:……
กอดก็ไม่ได้สินะ
โชคดีที่ลู่เซิ่น ไม่ใช่สามีของเธอจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอต้องคิดว่ามู่วี่สิงบ้าไปแล้วแน่ๆ
เธอกัดฟัน พยักหน้าช้าๆ
อย่างไรก็ตามลู่เซิ่นไม่มีทางกอดเธอแน่นอน
“ถ้าฉันรู้ ต่อให้เธอพูดอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์”ชายหนุ่มมองออกถึงท่าทีลวกๆของเธอ
เวินจิ้งเม้มปาก ในใจรู้สึกสับสน ที่เธอต้องการเวลาสามเดือน ไม่ใช่เพื่อจัดการเรื่องหย่า แต่เป็นเพราะเธอต้องการคิดว่าหลังจากนี้ควรทำอย่างไร
หลังจากทานอาหารเสร็จ มู่วี่สิงพิงประตูรอเธอ มือที่คุ้นชินกับการคีบบุหรี่ แต่อาจเป็นเพราะงานของตัวเอง เขาจึงแทบไม่สูบบุหรี่เลย
“ไปกันเถอะ”
เวินจิ้งหยุดฝีเท้า อดไม่ได้ที่จะถามเขา“มู่วี่สิง จริงๆแล้วตอนที่นายเจอฉันครั้งแรก ยังไม่มีความคิดอยากจะอยู่กับฉันอีก”
เธอลังเลแต่ก็รวบรวมความกล้าที่จะถาม “เพราะว่าเมื่อคืนฉันถูกวางยาแล้วไปมีอะไรกับนาย นายถึงเปลี่ยนใจหรือเปล่า”
ความรู้สึกนี้ … ตัวเธอเองก็รู้สึกแย่จริงๆ
มู่วี่สิงชำเลืองมองเธอ น้ำเสียงฟังดูมีความสุข“งั้นก่อนหน้านี้เธอหวังว่าครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันจะอยากอยู่กับเธออีกครั้ง”
เขาก้มลงไปจูบที่ใบหน้าของเธอ“จิ้งจิ้ง ขอแค่ให้เธอรู้ไว้ว่าไม่ว่าจะอดีตหรืออนาคต คนที่ฉันรักมีเพียงเธอแค่นี้ก็พอแล้ว”
หากชีวิตแต่งงานของเธอมีความสุข ต่อให้เขาจะรักเธอมากแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้
แม้ว่าเขาจะรักเธออีกครั้ง … แต่เขาต้องมีเหตุผลที่สามารถทำลายชีวิตแต่งงานของเธอได้ เหตุผลที่ว่าคือเพราะเขาต้องการ
ไม่ว่าเวินจิ้งจะปฏิเสธอย่างไร มู่วี่สิงก็อยากเป็นคนไปส่งเธอด้วยตัวเอง
เธอคิดว่าเขาไม่ได้ต้องการไปส่งเธอ แต่เป็นเพราะต้องการยุแยงให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่เซิ่นพังลง…
ตอนนี้เธอปวดหัวสุดๆไปเลย