บทที่ 799 เพราะว่ารักเธอ ถึงได้ประนีประนอมแบบนี้
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงเริ่มขุ่นมัวมากขึ้น เขายังไม่ได้ไม่พอใจเธอก็รู้สึกผิดขนาดนี้แล้ว…..
ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่น ริมฝีปากบางของเขาพูดออกมาอย่างไม่เฉยเมย “ไม่ได้ไม่พอใจ เธออยากซื้อก็ซื้อ”
เขาไม่สามารถทะเลาะกับภรรยาตัวเองได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้พาภรรยาคนนี้กลับมาก็ตาม!
จากนั้นเวินจิ้งยื่นมือออกอย่างมีความสุข แบมือต่อหน้าเขาและมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างคาดหวัง
มู่วี่สิงนิ่งอึ้งไป ไม่ได้ตอบกลับไปชั่วขณะ
“จ่ายเงินสิ” ดวงตาสีใสซื่อของเธอมองเขาอย่างไร้เดียงสา “นายไม่ช่วยจ่ายให้ฉัน แล้วฉันจะซื้อได้ยังไงล่ะ”
เกาเชียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ข้างๆ แต่ยังคงไม่กล้าพูดอะไรออกไป
ฝ่ามือขาวของเวินจิ้งแบออกต่อหน้าเขา ความจริงจังส่งผ่านแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเธอเผยรอยยิ้มเล็กน้อย
ความเงียบเริ่มก่อตัวไปรอบๆ ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงลมหายใจ
เธออาศัยความรู้สึกที่มู่วี่สิงยังคงชอบเธอ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงกล้าขอเงินสามร้อยล้านหยวนจากเขาเช่นนี้
ใช้เงินของเขาซื้อของเก่าให้กับครอบครัวสามี
ดวงตาที่ลึกซึ้งของมู่วี่สิงนิ่งเฉย “สามร้อยล้าน งั้นคืนนี้อยู่กับฉันนะ”
เธอมุ่ยปากเล็กๆ ท่าทางดูลำบากใจ “คืนนี้ฉันอยากอยู่กับซินซิน”
ผู้หญิงคนนี้เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริงๆ
เวินจิ้งมองเขาอย่างสงสาร เขย่งเท้าขึ้นกระซิบข้างหูของเขา “คืนพรุ่งนี้ได้ไหม”
มู่วี่สิงละสายตาไปอย่างนิ่งเฉย หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน เซ็นเช็คแล้วยื่นให้เธอ
เขายื่นเช็คให้เกาเชียน เขากอดเวินจิ้งอย่างคนเอาแต่ใจ “พอใจรึยัง”
เวินจิ้งยิ้มหวาน เป็นฝ่ายเข้าไปจูบใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม “ขอบคุณค่ะคุณหมอมู่”
เลขาของลู่เซิ่นกระตุกมุมปากอย่างอดไม่ได้ เขาไม่อยากยอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาคือนายหญิงของตระกูลลู่
ผู้จัดงานเป็นผู้หญิง เธอมองเห็นใบหน้าของเวินจิ้งไม่ชัดเจนนัก แต่เมื่อเธอมองไปที่ผู้หญิงคนนี้ เธอมีเพียงความรู้สึกเดียวนั่นก็คือความนับถือ
ไม่นึกเลยว่าจะสามารถทำให้ชายหนุ่มโสดสุดเพอร์เฟคที่ผู้หญิงทั้งเมืองหนานต้องการให้เงินกับเธอได้ พูดสามร้อยล้านก็ให้สามร้อยล้าน หึๆ ว่าแล้วเชียวว่ามู่วี่สิงเลี้ยงผู้หญิงสินะ
แล้วทำไมผู้หญิงของมู่วี่สิงถึงเป็นตัวแทนของตระกูลลู่ในการประมูลในครั้งนี้
มู่วี่สิงกอดเวินจิ้งที่กำลังจะไป เกาเชียนที่ได้เพิ่งสติกลับมาก็รีบวิ่งไปข้างหน้าทันที “ท่านประธานมู่ครับ คุณอยากซื้ออะไรให้คุณปู่มู่อีกไหมครับ ไม่อย่างนั้น… ”
มิฉะนั้นคุณปู่มู่จะต้องโกรธแน่นอนที่ของเก่าที่เขาหวังไว้ต้องพลาดไปอย่างนี้
เวินจิ้งเงยหน้าขึ้น มองไปที่มู่วี่สิงด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
มู่วี่สิงรู้สึกรำคาญมากเมื่อเขานึกถึงของโบราณพวกนั้น หน้าตาเฉยเมยหันไปสั่งเกาเชียน “นายจัดการเอาละกัน”
เกาเชียนปาดเหงื่อ“ อย่างนั้น…ให้ผมซื้อแล้วเอาให้คุณดูผ่านๆ?”
“ให้คุณปู่โดยตรงเลย”
ภายในรถคาเยนน์ มือเรียวของชายหนุ่มกำพวงมาลัย ตามองทางออกไปไกลอย่างไม่ละสายตา ใบหน้าหล่อเหลาของเขานิ่งเฉย
เวินจิ้งเอามือเท้าคาง มองเขานิ่งๆอยู่นาน พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้านายอารมณ์ไม่ดีก็บอกฉันนะ เก็บไว้มันไม่ดี”
มู่วี่สิงไม่ได้มองเธอ พูดด้วยเสียงเรียบว่า “ในหัวฉันตอนนี้คิดแค่ว่าอยากได้เธอ ถ้าเก็บเอาไว้แล้วมันไม่ดี เธอเต็มใจที่จะให้ฉันไหมล่ะ”
เวินจิ้ง:……
ผู้ชายคนนี้ยิ่งนานวันยิ่งร้ายขึ้นเรื่อยๆ
เธอหน้าแดง จ้องเขาอย่างเคืองๆ “นายจริงจังกว่านี้ไม่ได้รึไง”
เขาเหลือบมองเธอ พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เธออยากให้ฉันพูดไม่ใช่เหรอ พูดความจริงยังไม่นับว่าจริงจังอีกเหรอ”
เวินจิ้งมองไปที่ผู้ชายท่าทางขุ่นมัวข้างเธอ คิ้วขมวดปมแสดงถึงความไม่พอใจอย่างแรงแบบเด็กๆ
แต่เธอก็ใจอ่อนในทันที
เธอเอนตัวไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสียงของเธอแผ่วเบา “ให้ฉันทำอาหารให้นายดีไหม”
เธอมองเขาอย่างไร้เดียงสา “ถือว่าตอบแทนนายเรื่องของโบราณนั่น”
“จิ้งจิ้ง เธอรู้ว่าฉันต้องการอะไร” เปลวไฟลุกโชนในดวงตาที่ลึกซึ้งของเขา
เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก พูดพึมพำ“ คืนพรุ่งนี้”
“เพื่อที่จะให้ของผู้ใหญ่ตระกูลลู่เลยซื้อของโบราณที่ฉันเล็งเอาไว้เพราะงั้นเลยต้องไปกับฉัน เวินจิ้ง เธอคิดว่ากำลังทำธุรกิจกับฉันอยู่รึไง”
ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่จ่ายแม่งยังเป็นเงินของเขาอีก !
เขาต้องการเธอ แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้
เวินจิ้งลูบแขนของเขาอย่างน่ารักเหมือนลูกแมวเชื่อง “แต่นายแย่งลูกสะใภ้คนอื่นมานะ ก็ควรจะชดใช้ไม่ใช่เหรอ”
เธอกัดริมฝีปากท่าทางดูเศร้าๆ “ไม่งั้นฉันคงรู้สึกผิดมากๆ”
แววตามู่วี่สิงสั่นไหว แต่ทันใดนั้นแววตาของเขาก็ดูสับสน แม้ว่าเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ แต่ความจริงก็ยังคงไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้เวินจิ้งเป็นภรรยาของลู่เซิ่นเธอแต่งงานกับผู้ชายอื่น
เธอดูเฉยเมยและไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเธอหรือมองเธออย่างไร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอเต็มใจที่จะรักษาความสัมพันธ์ชู้สาวแบบนี้กับเขาจริงๆ
เธอยอมประนีประนอมก็เพราะเขาข่มขู่เธอด้วยวิดีโอนั้น
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้าง มือของเขากำพวงมาลัยแน่น “เมื่อไหร่จะหย่า”
เธอนิ่งเงียบไม่มองหน้าเขา พูดเสียงอ่อย “บอกว่าสามเดือนไม่ใช่เหรอ นายอย่าถามอีกเลย”
“ได้” มู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พูดเสียงเรียบ “ภายในสามเดือนนี้ พวกเราต้องรักษาความสัมพันธ์ลับๆนี้ไว้”
เวินจิ้ง:……
คำนี้ออกมาจากปากของมู่วี่สิง ทำไมเธอฟังแล้วรู้สึกกระอักกระอ่วน
มันเหมือนกับว่าเธอทำผิดต่อเขา
แต่เธอรู้ว่าเขากำลังประนีประนอม
เพราะว่ารักเธอ ดังนั้นจึงยอมประนีประนอมแบบนี้หรือเปล่า
รถคาเยนน์ขับไปยังโรงหนังแห่งหนึ่งในเมืองหนาน เวินจิ้งลงจากรถไปซื้อตั๋วและป๊อบคอร์น มู่วี่สิงมองหาที่ว่างเพื่อจอดรถ
เธอยืนถือเครื่องดื่มและป๊อบคอร์นอยู่ที่ทางเข้า ตอนที่เห็นว่ามู่วี่สิงเดินมาหาเธอทีละก้าวๆ ระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้นเธอก็นึกได้ว่าทั้งคู่ไม่เคยมาดูหนังด้วยกันมาก่อน
ดูเหมือนว่าจุดเริ่มต้นของพวกเขามักจะเป็นอุบัติเหตุเสมอ
เมื่อมู่วี่สิงกำลังเดินเข้ามาใกล้ เห็นท่าทางเหม่อลอยของเวินจิ้งเขาก็ขมวดคิ้ว โอบเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นธรรมชาติ “คิดอะไรอยู่”
เวินจิ้งกลับมาได้สติอีกครั้ง มองใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยตรงหน้าเธอ จู่ๆเธอก็พูดออกมา “ตอนดูหนังก็คือดูหนัง มือห้ามวางมั่วซั่ว ปากก็ห้ามจูบ”
มู่วี่สิง:……
ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวร้ายในใจของเวินจิ้งกันนะ
แม้ว่าเขาจะจูบและกอดเธอบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ใช่เพราะเธอเย็นชาต่อเขามากเกินไป เขาเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองเลิกกันเป็นระยะเวลานานกว่าสี่ปี เขาคิดถึงเธอใจจะขาด การจูบและกอดเธอทำให้บางครั้งก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
แต่เวินจิ้งมองมาที่เขาอย่างคาดหวัง เขาจึงได้แต่พยักหน้าอย่างเศร้าๆ สุดท้ายก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับเธอ “คืนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลมู่กับฉัน เธอสัญญาแล้ว”
เวินจิ้งกระตุกมุมปาก มู่วี่สิงเตือนเธอเช่นนี้ เธอก็ยากที่จะลืมน่ะสิ
จากนั้นชายหนุ่มก็โอบรอบตัวเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่เพียงแค่หันตัวกลับ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
เธอยื่นป๊อปคอร์นและน้ำไปให้มู่วี่สิงเพื่อรับโทรศัพท์
หมายเลขผู้โทรบนหน้าจอแสดงชื่อของลู่เซิ่น ซึ่งเพียงแค่พริบตามู่วี่สิงก็เห็นมัน