บทที่ 812 ไม่รู้จักอดีตคุณนายมู่หรือ
ในค่ำคืนปลายฤดูใบไม้ร่วง
เวินจิ้งมือเท้าคางมองถนนสว่างไสวที่อยู่นอกกระจกรถ
ระดับกระจกรถที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ลมเย็นๆจากด้านนอกจึงได้พัดโชยเข้ามากระทบผมเธอจนยุ่งเหยิงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าลมนั้นได้พัดพาเรื่องกลัดกลุ้มที่อยู่ภายในใจเธอไปด้วย
เมื่อผ่านร้านบาร์ที่คุ้นเคย เธอที่ยังอยู่ในอาการเหม่อเอ่ยปากพูดออกไป “หยุดรถ”
เธอสวมเสื้อคลุมนุ่มยาวสีเทาอ่อน ผูกด้วยผ้าพันคอสีขาว มองดูตัวอักษรร้านบาร์เมืองหนานที่อยู่ตรงหน้า เธอจำได้ว่าดูเหมือนมู่วี่สิงเคยมาที่นี่
ในภาพความรู้สึกนั้นแต่ก่อนเขาไม่ชอบมาสถานที่แบบนี้
หรือว่าอาจเป็นเพราะแท้ที่จริงเธอไม่เคยรู้จักตัวตนของผู้ชายคนนี้
แต่มู่วี่สิงจะมาที่นี่ก็ต่อเมื่ออารมณ์ไม่ดีเท่านั้น หรือบางทีเป็นเพราะบรรยากาศรอบข้างเสียงดัง ดังนั้นจิตใจถึงจะสงบ
เมื่อก้าวเข้าไปในร้านบาร์ ที่นี่ยังคงมีความคึกคักครื้นเครง เมื่อเธอมองหามุมที่นั่งได้แล้ว จึงถอดผ้าพันคอออก แล้วก็สั่งเหล้ามาสองขวด จากนั้นก็นั่งลง
ผู้หญิงที่สวยบอบบางอยู่ในร้านบาร์คนเดียว มักจะเป็นเป้าสายตาดึงดูดความสนใจของผู้ชาย
แต่เวินจิ้งที่สนใจดื่มเหล้าเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจใครอื่น
“หญิงสาวที่ดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้น ดูมีออร่ามาก เธอคือใคร…..” นักดื่มเหล้าที่อยู่อีกมุมหนึ่ง และเริ่มมีบางคนไม่พอใจกับท่าทางเย็นชาของเวินจิ้ง
อยู่ในสถานที่อโคจรแบบนี้ ยังทำตัวหยิ่งยโส จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่เป็นที่สนใจ
“เธอดูดีมาก ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าเธอเป็นใคร เรียกเธอมาอยู่เป็นเพื่อนหน่อยซิ…..”
หญิงสาวที่ยิ้มหวานอยู่ในอ้อมกอดชายหนุ่มที่อ้วนท้วน เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางของการสนทนา
เนื่องจากแสงไฟมืดสลัว และระยะห่างที่ไกล ดังนั้นเธอจึงมองเห็นเพียงหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น
เป็นผู้หญิงสวยอย่างที่พูดจริงๆ แม้แต่ท่าทางที่เย็นชาก็ดูสะดุดตาซะเหลือเกิน ช่างดูคุ้นตามาก
เธอ…..เธออยู่เมืองหนานเหรอ
ปากอมชมพูยิ้มอย่างเย้ยหยัน แล้วหมุนตัวกลับมาซบอยู่ที่ไหล่ของผู้ชาย พูดอย่างยิ้มแย้ม “ประธานหซู่ไม่รู้จักอดีตคุณนายมู่เหรอคะ”
อดีตคุณนายมู่…..อดีตภรรยามู่วี่สิงเหรอ
ทันใดนั้นมีร่างชายสองคนโผล่ขึ้น สวมชุดสูทสีดำยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “คุณเวินครับประธานหซู่อยากเชิญคุณไปร่วมโต๊ะดื่มด้วยครับ”
เวินจิ้งไม่แม้แต่จะเงยหน้า “ไม่ไปค่ะ”
เมื่อพูดจบ สายตาของเธอก็ค่อยๆมองไปทางหญิงสาวที่กำลังเต้นรูดเสาอยู่บนเวทีที่อยู่ไม่ไกล เต้นได้สวยงามมากจริงๆ
มู่วี่สิงก็ชอบแบบนี้เหรอ
ทันทีที่เสียงของเธอสิ้นสุดลง ชายสองคนนั้นก็ประกบซ้ายขวาดึงกระชากแขนของเธอ บังคับให้เธอเดินตาม เวินจิ้งขัดขืนผลักพวกเขาออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาค่อยๆเผยให้เห็นถึงความโกรธ
เธอหรี่ตาลงพร้อมกับดึงมือตัวเองกลับ แต่ทันใดนั้นกลับมองเห็นคู่สายตาที่เย้ยหยันพุ่งตรงมาที่เธอ
หญิงสาวที่แต่งหน้าเข้มจัด ยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แววตาดุจงูพิษ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว และเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ ฉันจะไปกับพวกคุณ”
เดินตามไปยังกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างสง่างาม ริมฝีปากอมชมพูของเธอยิ้มจางๆขึ้น
“คุณเวินเชิญนั่งครับ” เมื่อฝ่ายชายเห็นเธอก็ยิ้มตาหยี และอยากที่จะไปจับมือเธอ
แต่แววตาเวินจิ้งแสดงความรังเกียจออกมา แล้วพูดอย่างเย็นชา “อย่าแตะต้องตัวฉัน”
นับตั้งแต่ที่เธอกลับไปบ้านตระกูลหลิน เธอก็เห็นลูกผู้ลากมากดีเหล่านี้ในรูปแบบต่างๆมากมาย อาศัยการมีเงินมีอำนาจมองผู้หญิงเป็นของเล่นก็ยิ่งมีให้เห็นไม่น้อย
“คุณเวินโกรธเหรอคะ คนที่ไม่ทราบอาจจะคิดว่าคุณยังเป็นคุณนายมู่อยู่นะ….” มู่ซีพูดด้วยเสียงแหลม
คำพูดไม่กี่คำเหล่านี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้า เชิดคางขึ้นแล้วชี้ไปที่นั่งข้างๆ “นั่งสิ”
เวินจิ้งที่สายตาเย็นชาเหลือบไปมองมู่ซีที่ซบอยู่ที่อกของประธานหซู่ อารมณ์ยังคงเฉยชา แต่แววตาเผยให้เห็นถึงความโกรธเคือง “วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี ทางที่ดีพวกคุณอย่ามายั่วโมโหฉัน”
“คำพูดคุณเวินไม่ค่อยจะรื่นหูเลยนะ” มู่ซีลุกขึ้นนั่งจากอ้อมกอดของประธานหซู่ น้ำเสียงที่ไม่ค่อยราบเรียบ แววตายิ้มแปลกๆ “คุณเวินเป็นอดีตภรรยาของคุณมู่ไปแล้ว อำนาจอิทธิพลของตระกูลหลินก็เสื่อมลงไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้คุณก็ไม่ได้มีหน้ามีตามีสถานะอะไรในสังคมอีก โชคดีแค่ไหนที่ประธานหซู่ชอบพอใจในตัวคุณ หรือว่าประธานหซู่ไม่อยู่ในสายตาคุณ”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ได้เปล่งออกมา สีหน้าของประธานหซู่ก็ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไร “คุณเวินคุณอย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย อุตส่าห์ยกเหล้ามาคารวะจะไม่ไว้หน้ากันหน่อยเหรอ”
“ใช่ ที่นี่ก็เป็นที่ของประธานหซู่นะ”
นี่กำลังคุกคามเธออยู่ใช่ไหม
เวินจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา ความเยือกเย็นค่อยๆแผ่กระจายสู่ใบหน้าที่ละเอียดอ่อน “มู่ซี ถ้าหากฉันเป็นเธอ เมื่อเห็นฉันแล้วก็ควรจะวิ่งหนีไปให้อย่างไว แบบนี้เธอถึงจะอยู่เอาใจผู้ชายที่นี่ได้อย่างราบรื่น”
ประธานหซู่ขมวดคิ้ว มองดูหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดอย่างสงสัย “คุณรู้จักกับเธอเหรอ”
บุคลิกเวินจิ้งที่ดูดีมาก โดยเฉพาะในสถานที่แบบนี้ ออร่าในตัวเธอดูเปล่งปลั่งยากเกินที่จะต้านทาน เธอยิ้มเบาๆแล้วพูดขึ้น “เห็นฉันแล้วอยากจะแก้แค้นฉันเหรอ ทำไมถึงไม่ไปสืบหาข้อมูลหน่อยละว่าฉันนั้นยังมีหน้ามีตามีสถานะอะไรไหม เป็นคนที่เธอจะล่วงเกินได้หรือเปล่า”
มู่ซีหน้าถอดสี แต่ยังคงยิ้มสู้ “ตอนนั้นเธอดูเหมือนจะหย่ากับคุณชายมู่แล้วนิ หรือเขายังต้องการเธอ”
เธอมองดูเวินจิ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ชะงักขึ้นแล้วพูดต่อว่า “ผู้หญิงที่มาเที่ยวผับเที่ยวบาร์คนเดียวในเวลากลางคืน ไม่ใช่เป็นเพราะมีเรื่องไม่สบายใจถึงมาหรอกหรอ ถ้าคุณชายมู่ยังต้องการเธอ เธอจะมานั่งดื่มเหล้าย้อมใจคนเดียวได้อย่างไร”
ก็จริง ถ้าผู้หญิงไม่ใช่เพราะไม่สบายใจ จะมานั่งดื่มเหล้าย้อมใจคนเดียวได้อย่างไร
คืนนี้เธอก็มีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ
“ประธานหซู่ถึงแม้ว่าคุณเวินจะมีอารมณ์ที่รุนแรง แต่ว่าเธอก็เป็นคนสวย…..”
คำพูดของมู่ซีมีความหมายชัดเจนในตัว คนรอบข้างก็ฟังออกว่าหมายความว่าอย่างไร
ประธานหซู่ลูบไล้ใบหน้าของมู่ซีเบาๆ “ดูเหมือนว่าคุณเวินคนนี้จะเคยล่วงเกินเธอใช่ไหม จุ๊ๆ เรานี่ร้ายไม่เบานะ”
เวินจิ้งรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย ไหล่อันบอบบางนั้นสั่นเทา
เธอก้มมองนาฬิกาในมือ เธอได้กำชับกับป้าหลี่ว่าจะกลับก่อนห้าทุ่ม ไม่อย่างนั้นมู่วี่สิงอาจจะออกมาตามหาเธอ
ประธานหซู่ยกมือขึ้นราวกับว่าต้องการจะทวงความยุติธรรมให้กับมู่ซี “คุณเวินครับ พวกเราให้เกียรติเชิญคุณมาร่วมโต๊ะดื่มเหล้า แต่คุณกลับไม่ไว้หน้า แล้วยังจะมาวางมาดอีก”
มู่ซียกมือขึ้นแล้วรินเหล้ารสเข้ม ยื่นให้พร้อมรอยยิ้ม “นั่งลงดื่มด้วยกันสักแก้วสิ ตอนนี้ยังไม่ดึกเลย ถึงยังไงคุณเวินก็ออกมาเพื่อดื่มเหล้าอยู่แล้วนิ ดื่มคนเดียวมันเหงานะ คนเยอะครื้นเครงกว่า”
เธอลุกขึ้นแล้วยื่นแก้วเหล้าให้เธอด้วยตัวเอง หน้าตายั่วยุเยาะเย้ย “พูดก็พูดเถอะ ถ้าไม่มีคุณเวิน ฉันคงไม่มีโอกาสได้รู้จักกับประธานหซู่ …..เหล้าแก้วนี้ถือว่าเป็นการขอบคุณคุณเวินแล้วกันนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะเวินจิ้ง เธอก็คงไม่ถูกมู่วี่สิงส่งตัวมาอยู่สถานที่ที่บำเรอผู้ชายแบบนี้ ที่ทั้งชีวิตนี้ก็ไม่อาจจะหลีกหนีพ้นไปได้ ชีวิตที่ดีๆต้องมาสูญเสียไปกับผู้ชายเหล่านี้
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเวินจิ้ง เป็นเพราะเธอ!