บทที่ 817 ไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ
เมื่อชายหนุ่มเห็นท่าทีที่ไม่เต็มใจของเธอ “จิ้งจิ้ง คุณตั้งใจอยากจะซื้อให้ผมตั้งแต่แรกไม่ใช่เหรอ ถ้าผมจ่ายตังค์เองก็ไม่ใช่คุณซื้อให้ผมสิ”
เวินจิ้งอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา “…..ตอนนั้นคุณยังทำท่ารังเกียจอยู่เลย”
ชายหนุ่มจ้องมองเธอ “ตอนนั้นคุณไม่ได้อยากซื้อให้ผม”
มู่วี่สิงดึงผ้าพันคอสีข้าวโอ๊ตจากมือเธออย่างหน้าไม่อาย นำมาพันไว้ที่คอตัวเอง สัมผัสมันอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็เข็นรถเข็นเด็กทำท่าพร้อมที่จะจากไป “อย่าดื้อสิ รีบไปจ่ายตังค์เวินซินรอไม่ไหวแล้วนะ”
เวินจิ้ง:….
มองดูชายท่าทางชายหนุ่มที่ยิ้มเหมือนเด็กน้อย เธอจึงยิ้มขึ้น หยิบกระเป๋าตังค์จากกระเป๋าออกมาแล้วรูดชำระเงิน
คาเยนน์สีดำได้มาจอดอยู่ที่ลานจอดรถสวนสนุก เวินจิ้งลงจากรถก่อนแล้วเข็นรถเข็นเด็กเพื่อไปซื้อตั๋ว คนเยอะมากจนต้องใช้เวลาในการหาที่จอดรถ
เมื่อลงจากรถเวินซินก็กะพริบตามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น มือน้อยๆโบกมือไปมาเพื่อต้องการจะลงจากรถเข็น แต่เวินจิ้งกลับรีบช่วยรัดเข็มขัดให้เธอทันที
ร้านขายของที่ระลึกที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เมื่อเห็นมู่วี่สิงยังไม่มาเวินซินก็ชี้ไปทางนั้นตลอด เวินจิ้งจึงเข็นรถเข็นเดินไปทางนั้น
ห่างออกไปประมาณสิบเมตร มีรถสีขาวค่อยๆแล่นแล้วหยุดลง ผู้หญิงถูกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งด้วยผมที่ยาว มองไปทางเวินจิ้งที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านอย่างตกใจ
เธอกำลังเข็นรถเข็นเด็ก เด็กในรถสวมใส่เสื้อผ้าเด็กน้อยที่น่ารักน่าชัง พร้อมด้วยรอยยิ้มที่สดใส
ผู้หญิงที่เข็นรถเข็นอยู่ด้านหลังถือกระเป๋าสีเหลืองเข้ม ผมยาวสลวยปลิวไสว ดูมีออร่ามาก
มือหญิงสาวที่จับพวงมาลัยรถค่อยๆจับแน่นขึ้น เล็บมือที่ทาสีดำดูแล้วค่อนข้างน่ากลัว เผยอยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น เวินจิ้ง….เธอกลับมาเมืองหนานแล้วจริงๆ
แสงจากด้านนอกช่างแยงตา รอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้าเธอ…..ยิ่งทิ่มแทงตา
ทำไมชีวิตเธอถึงต้องมืดมนแบบนี้ แต่เธอ…..กลับมีความสุขเช่นนี้
จึงได้เหยียบคันขึ้นเร่งทันที รถสีขาวพุ่งราวกับกับลูกดอกธนู มุ่งไปทางรถเข็นเด็ก
“ว๊าย”
ทันใดนั้นผู้ที่สัญจรอยู่แถวนั้นส่งเสียงกรีดร้องขึ้น เวินจิ้งจึงหันไปมอง ลูกตาดำขาวเบิกกว้างเห็นรถคันสีขาวแล่นเข้ามาด้วยความเร็ว
เวินซิน!
จึงได้ก้าวเท้าถอยหลังอย่างฉับพลัน แต่ด้วยเข็นรถเข็นเด็กอยู่ทำให้กระทำนั้นดูช้าเกินไป จึงทำได้เพียงมองดูรถคันนั้นขับพุ่งมาหา เวินจิ้งจึงเอาตัวปกป้องเวินซินทันที
ร่างกายที่ได้รับอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ของเหลวอุ่นๆที่ไม่ทราบว่าไหลมาจากส่วนไหนของร่างกายได้ไหลออกมา
สติสัมปชัญญะของเธอค่อยๆพร่าเลือน ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆมืดลง ในสมองมีเพียงความคิดเดียว…..ผู้หญิงคนนั้นควรจะอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ
เวินซินที่อยู่บนรถเข็นเด็กถูกเวินจิ้งใช้แรงผลักออกไปข้างๆ มองดูอุบัติเหตุตรงหน้า ที่มีเลือดมากมาย จนเธอร้องไห้ออกมา “แงๆ”
ผู้คนรอบข้างเมื่อได้สติก็ได้วิ่งเข้ามาพยุงรถเข็นเด็กทันที แล้วตะโกนขึ้น “เกิดอุบัติเหตุ รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว…..”
“ผู้ก่อเหตุหนีไปแล้ว รีบจดหมายเลขรถทะเบียนไว้เร็ว…..”
รอบๆนั้นมีเสียงดังโกลาหล เวินซินร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ อ้าแขนน้อยๆขึ้นเหมือนอยากจะกระโดดลงจากรถเข็นเด็ก ผู้ใจดีที่อยู่ข้างๆได้พยุงเธอเอาไว้
มู่วี่สิงที่จอดรถเรียบร้อยเตรียมตัวไปหาเวินจิ้งกับเวินซิน แต่ทว่าหาไม่เจอ พบเพียงผู้คนมากมายรายล้อมอยู่บนถนนอีกฝั่ง สีหน้าของเขาเริ่มไม่ดี รีบเหยียดเท้าก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ได้ยินเสียงเด็กร้องได้ดังขึ้นเป็นระยะๆ เป็นเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกิน
ใบหน้ารูปงามก็ยิ่งใจคอไม่ดี เขารีบแทรกตัวเข้ามาในกลุ่มฝูงชนนั้น ภาพที่เห็นตรงหน้าคือร่างที่ล้มลงจมอยู่ในกองเลือด เป็นภาพที่ช่างทิ่มแทงจิตใจเหลือเกิน
แม้แต่หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้นในขณะนั้น
เวินซินที่ถูกคนรอบข้างพยุงไว้ เสียงร้องไห้ของเธอเรียกสติมู่วี่สิงคืนมา เขาค่อยๆกำหมัดแน่นขึ้น รีบวิ่งเข้าไป แล้วอุ้มเวินซินไว้ในอ้อมกอด โดมลืมคำนึงไปว่าตัวเองอาจจะทำให้เธอเจ็บได้
อุ้มเวินซินแล้วก้าวเดินไปหาเวินจิ้ง ดวงตาแดงเข้ม อยากจะยื่นมือออกไปแต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอยิ่งได้รับบาดเจ็บ
ณ โรงพยาบาล
ชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน แสงไฟจากเหนือศีรษะทำให้เงาของเขายืดยาวขึ้น หน้าตาหล่อเหลาเย็นชาดูหม่นหมอง แววตาลุ่มลึกที่ดูเศร้าสร้อย
ซูยิงอุ้มเวินซิน อยู่ข้างๆคอยลูบหลังและปลอบประโลมเธอที่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากตกใจกลัว
แต่เวินซินยังคงร้องไห้ไม่หยุด
เมื่อเกาเชียนเดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง มู่วี่สิงจึงเงยหน้าขึ้น เสียงที่เปล่งออกราวกับเสียงเปล่งมาจากนรก “ตามหาผู้ก่อเหตุเจอหรือยัง”
“กำลังค้นเมืองหาอยู่ครับ”
เกาเชียนรายงานด้วยเสียงหนักแน่น “ผมตรวจเช็กกับกล้องวงจรปิดแล้ว และถามหาเลขป้ายทะเบียนรถจากผู้อยู่ในเหตุการณ์ ทราบว่ารถคันนั้นถูกขโมยมาก่อนเรื่องเกิดหนึ่งชั่วโมง เป็นรถที่ช่วงเวลานั้นบังเอิญผ่านมาทางสวนสนุกพอดี”
จึงดูเหมือนไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าไว้
มู่วี่สิงหรี่ตาลงไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเพียงอุบัติเหตุ
“ประธานมู่ ตอนนี้ที่ทราบก็คือ ผู้ก่อเหตุเป็นผู้หญิงครับ”
เนื่องจากมุมของกล้องวงจรปิด ทำให้เห็นไม่ชัดว่าคนที่อยู่ในรถนั้นเป็นใคร พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างบอกว่าเป็นผู้หญิงสวย สวมแว่นกันแดดกับใส่หมวก แต่ว่ามองไม่เห็นใบหน้า
ผู้หญิงเหรอ
ความเยือกเย็นได้แผ่กระจายสู่ดวงตาของชายหนุ่ม กำชับสั่งขึ้นว่า “พาตัวมู่ซีที่นี่ และแจ้งข่าวให้ลู่เซิ่น”
เกาเชียนพยักหน้าแล้วจากไปทันที ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เขากลับมาพร้อมมู่ซี ขณะที่ลู่เซิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ว่าช่วงนี้เขาจะยุ่งมากก็ตาม แต่น้องสาวของหลินยี่ก็เป็นคนของเขา เขาคงไม่นิ่งดูดาย
ไฟแดงในห้องผ่าตัดยังคงเปิดสว่างอยู่ ส่วนมู่ซีถูกบอดี้การ์ดสองคนที่ใส่สูทสีดำจับตัวไว้ ไม่อาจจะดิ้นขยับได้
เธอตอนนี้ที่ไม่ได้แต่งหน้าทาปาก ช่างดูแตกต่างจากเมื่อคืนที่ความงามช่างชวนให้หลงใหล
สีหน้าที่น่ากลัวของชายหนุ่ม ปลายนิ้วที่คีบบุหรี่ไว้ ทำให้ตัวเขาดูเหมือนมีกลิ่นอายความหดหู่ปกคลุมอยู่ เหลือบมองแววตาที่ไร้เดียงสาของเวินซิน เขาพูดเบาๆว่า “ซูยิงรบกวนคุณอุ้มเวินซินออกไปหาของทานก่อน”
ซูยิงก็พอจะเดาออกว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงอุ้มเวินซินออกไปอย่างรวดเร็ว
มู่ซีมองหน้าที่น่ากลัวของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย ที่นี่เป็นโรงพยาบาล…..เขาให้คนพาเธอมาที่แบบนี้…..
เธอเหลือบไปมองห้องผ่าตัดที่ปิดสนิท หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเวินจิ้ง
ความเยือกเย็นได้หลอกหลอนอยู่ภายในจิตใจเธอ เธอเม้มปากโดยไม่กล้าพูดอะไร
สายตามู่วี่สิงเยือกเย็นจนสามารถผุดเป็นน้ำแข็งได้ น้ำเสียงโทนต่ำที่แฝงด้วยความน่ากลัว “เธอเป็นคนขับรถชนเธอใช่ไหม”
ไม่ต้องคิดก็ทราบว่าเธอที่มู่วี่สิงกล่าวถึงคือเวินจิ้ง
มู่ซีจึงถอนหายใจอย่างโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะตื่นตกใจ แต่ก็ต้องใจเย็นๆ
เธอพูดขึ้นช้าๆ “ถ้าคุณหมายถึงเวินจิ้ง ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
กลัวว่าตัวเองนั้นอธิบายไม่ชัดเจน เธอจึงพูดเสริมขึ้น “ฉันเจอเธอก็แค่เมื่อคืนเท่านั้น ฉันคิดว่าคุณชายมู่กับคุณนายมู่จะปล่อยฉันไปแล้วซะอีก”
ชายหนุ่มสูบบุหรี่อย่างเย็นชา ใบหน้ารูปงามดูเลือนรางไปด้วยควันบุหรี่ที่อบอวล ยิ่งทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น