บทที่ 822 ง้อเธอมากกว่า
“อย่าพูดมั่ว” ใบหน้าของมู่วี่สิงขรึมลงทันใด
เวินจิ้งจ้องชายหนุ่มตาไม่กระพริบ” คุณดูประหม่ามาก ตกลงฉันเป็นอะไรกันแน่”
หลินยี่เหลือบมองมู่วี่สิงที่ไม่ได้พูดอะไรอีก และขมวดคิ้วเบาๆ
“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มก้มหัวลงและจูบคิ้วของเธออย่าอ่อนโยน “หมอบอกว่าร่างกายของคุณยังอ่อนแอมาก คุณยังไม่หายดีอย่างเต็มที่ และทำงานหนักเกินไป ร่างกายทนไม่ไหวก็เลยเป็นลม”
“ฉันไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายของฉันอ่อนแอนะ… ” ร่างกายของเธอดีมากมาโดยตลอด
“ตอนที่คุณเพิ่งกลับมาหนานเฉิง มัวแต่ทำงาน ทานอาหารไม่ตรงเวลา และนอนไม่สบายตัว คุณคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ คุณปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอขนาดไหนแล้ว” มู่วี่สิงขัดจังหวะคำอธิบายของเธออย่างเย็นชา และก้มหัวลงมองเธออย่างไม่พอใจ
เป็นแบบนี้จริงๆเหรอ
เวินจิ้งขมวดคิ้ว ช่วงเวลาที่เธอเพิ่งกลับมาจากประเทศF เธอหมกมุ่นอยู่กับงานก็จริง เพราะเมื่อเธอว่างเธอก็จะคิดถึงมู่วี่สิงโดยไม่ได้ตั้งใจ
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ลูบหน้าอกของชายหนุ่มเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้แม่บ้านหลี่ให้ฉันทานอาหารเสริมหลายชนิดทุกวันเพื่อเสริมโภชนาการไม่ใช่เหรอ ร่างกายของฉันจะค่อยๆหายดีอย่างแน่นอน”
สีหน้าของชายหนุ่มผ่อนคลายลงเบาๆ เวินจิ้งพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา มองไม่เห็นแสงมืดมนในดวงตาของเขา
ห้องนั่งเล่น
หลินยี่หยิบบุหรี่ในกระเป๋าออกมาจุดไฟ หันหน้าไปมองเวินจิ้งและเวยอานที่กำลังคุยกันอยู่ที่ริมระเบียง ควันบุหรี่จางๆออกมาจากปากบาง มองชายหนุ่มหน้าตึงด้วยความรังเกียจ “คุณก็ตลกดี เด็กอยู่ในท้องของเธอ คุณคิดว่าถ้าพวกเราไม่บอกเธอจะไม่รู้งั้นเหรอ”
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงเย็นชา ดวงตาของเขามืดมน และเขาพูดอย่างหมดความอดทนว่า “เดี๋ยวฉันจะบอกเธอเอง”
“คุณแน่ใจหรือว่าเธอไม่อยากได้เด็กคนนี้” หลินยี่มองเขารอบๆ “ด้วยนิสัยของเวินจิ้ง ถ้าเธอไม่อยากมีลูกจริงๆ เธอจะไม่ปล่อยให้ตัวเองท้องหรอก คุณแอบทำอะไรหรือเปล่า”
มู่วี่สิงมองหลินยี่ และเขาก็ขมวดคิ้วมากขึ้น
เมื่อเธอกลับมา เขาก็ง้อเธออย่างเดียว จะกล้าทำอะไรอีกละ
หลินยี่คิดว่ามู่วี่สิงยอมรับ เขาหัวเราะเยาะเย้ยหยันและพูดอย่างเฉื่อยชา “แค่บอกเธอว่า ถุงยางอนามัยที่คุณซื้อคุณภาพไม่ดี ถ้าเธอใจอ่อนก็จะไม่โกรธคุณแล้ว”
เวินจิ้งเป็นคนใจอ่อนมาโดยตลอด และง้อง่ายมาก เว้นแต่บางสิ่งบางอย่างที่แตะต้องหลักการของเธอ
หลินยี่เหล่ตา และหันไปมองเวินจิ้งที่กำลังกินมะเขือเทศลูกเล็กอย่างมีความสุขที่ระเบียง แก้มขาวใส ดวงตาดำขาวอย่างชัดเจน คิ้วและดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยของหมอกควันสักนิดเลย
ใบหน้ามีเสน่ห์ที่อยู่ในควันเซ็กซี่มาก หลินยี่ยิ้มไปเรื่อยๆ “ถ้ามีลูกแล้ว เธอไม่มีทางจะเอาเด็กออกอย่างแน่นอน”
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่วี่สิงยังตึงอยู่ นอกจากเป็นห่วงเวินจิ้งแล้ว เขายังเป็นห่วงร่างกายของเธอด้วย
แท้งไปสองครั้งแล้ว เขารู้ว่าร่างกายของเธอไม่เหมาะที่จะมีลูกอีก
เขาเป็นห่วง …
เมื่อเวินจิ้งหันหน้ามา เธอก็เห็นว่าผู้ชายสองคนดูเหมือนกำลังคุยเรื่องที่เครียดอยู่ เท่าที่จำได้สองคนเหมือนไม่ถูกกันมาตลอด
“ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กระซิบไม่ให้เรารู้ด้วย”
“อาจจะเพราะเรื่องงานมั้ง”เวยอานเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองผู้ชายทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา มือที่ถือผลไม้ก็หยุดสักพัก เธอเก็บสายตากลับมา และถามแซวๆว่า “เวินจิ้ง คุณกับมู่วี่สิงคิดว่าจะมีลูกหรือเปล่า”
เวินจิ้งก้มตาลง ใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่สนใจว่าฉันจะแต่งงานเมื่อไหร่ แต่สนใจฉันจะมีลูกตอนไหนก่อนซะแล้ว”
“พวกคุณแต่งงานเมื่อห้าปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“นั่นไม่นับ” เวินจิ้งขมวดคิ้ว “เราไปจดทะเบียนสมรสกันเมื่อห้าปีที่แล้ว ก็เพื่อรับมือกับทางผู้ใหญ่ ตอนนั้นเรายังไม่มีความรักเลย”
เวยอานยิ้มเบาๆ “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็แต่งงานอีกครั้ง และไปจดทะเบียนสมรสกันอีกครั้งสิ เพราะตอนนี้พวกคุณเต็มไปด้วยความรักแล้ว”
เวินจิ้งเม้นปากเบาๆ ครั้งที่แล้วที่สำนักกิจการพลเรือนก็เสียหน้าจะตายแล้ว…
เธอสาบานว่าจะไม่ไปที่นั่นกับมู่วี่สิงอีก …
“ไม่เอา เสียเงินเก้าบาท”
แม่บ้านหลี่เป็นคนที่เตรียมอาหารเย็น ไม่สักพักหลินยี่ก็ถูกลู่เซิ่นเรียกไปแล้ว เวินจิ้งคิดว่าเวยอานและเวินซินจะไปด้วย แต่พวกเธออยู่เป็นเพื่อนเธอ
ถึงแม้ว่าเวินจิ้งจะประหลาดใจ แต่เธอก็ดีใจที่มีคนอยู่เป็นเพื่อน ก็เลยไม่ได้คิดมาก
หลังทานอาหารเย็นเสร็จ แม่บ้านหลี่อาบน้ำให้เวินซิน ส่วนเวินจิ้งและเวยอานก็เดินเล่นในสวนชั้นล่าง
“พี่เวยอาน”
เวินจิ้งสวมผ้าคลุมไหล่แคชเมียร์ตัวหนาบนตัวเธอไว้ จับมันเบาๆ มีรอยยิ้มเบาๆบนใบหน้าที่สดใส “คุณรู้ไหมว่า พี่ชายหาหลิงเหยาเจอได้ยังไง”
เวยอานขมวดคิ้ว “ฉันไม่รู้ เขาก็ไม่ได้บอกฉันเหมือนกัน”
คงใช้วิธีการบางอย่างแหละ แต่หลินยี่ไม่เคยอยากให้เวยอานยุ่งกับสิ่งเหล่านี้
“อย่างไรก็ตามตอนนี้หลิงเหยาก็ถูกจับตัวแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณได้อีก “ดวงตาของเวยอานเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เวินจิ้งยิ้ม เธอไม่กลัวว่าจะมีคนมาทำร้ายเธอ แต่แค่กลัวว่ามีคนทำร้ายคนที่เธอรักมากที่สุด
“พรุ่งนี้ฉันต้องกลับโรงพยาบาลเพื่อจัดการงานบางอย่าง คณบดีเข้าประชุม ฉันต้องเข้าร่วมด้วย”
โทรศัพท์สั่นขึ้นมา เวินจิ้งเปิดข้อความ นั่นเป็นข้อความจากกลุ่มแผนกประสาทวิทยา
“คุณอย่าไปดีกว่า พักผ่อนอีกสักสองสามวันดีมั้ย”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำงานหนักเกินไปอีกแล้ว”
อีกอย่าง เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก
“ใช่แล้ว อย่าบอกพี่ชายและมู่วี่สิงนะ พวกเขาต้องไม่ให้ฉันออกไปแน่นอน “เวินจิ้งพูดด้วยเสียงต่ำ
“ก็ได้ มีอะไรโทรหาฉันนะ … ”
..
โรงพยาบาลจงซิน
หลังจากเวินจิ้งประชุมเสร็จ เธอก็เปิดรักษาคนไข้ในช่วงบ่ายต่อ เมื่อเสร็จงานก็เป็นช่วงเย็นแล้ว
เธอรู้ว่าวันนี้มู่วี่สิงจะมีการผ่าตัดครั้งใหญ่ คงจะเสร็จประมาณเวลานี้ เธอก็เลยคิดจะกลับบ้านก่อนเขา
แต่เมื่อออกจากห้องตรวจ ก็มีอาการวิงเวียนศีรษะอย่างกะทันหัน ร่างกายกำลังจะล้มลง มือก็รีบจับกำแพงไว้ทันที
เพื่อนร่วมงานที่เดินผ่านก็รีบก้าวไปช่วยประคองทันทีและถามด้วยความเป็นห่วง “หมอเวิน คุณเป็นอะไรเหรอ”
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ให้ฉันจะแจ้งญาติของคุณมั้ยคะ”
“ไม่ต้องค่ะ” เวินจิ้งลูบหัวเบาๆ เธอนึกปฏิกิริยาผิดปกติของทั้งสามคนเมื่อวานขึ้นมา คิ้วของเธอก็ตึงขึ้น
การ์เด้นมู่เจียวาน
แสงไฟในห้องนั่งเล่นส่องสว่าง มู่วี่สิงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าตึง มีความหงุดหงิดที่ยากที่เจอในดวงตา “คุณผู้หญิงกลับมาหรือยัง”
ช่วงนี้หลินยี่และเวยอานพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว เวยอานกำลังป้อนข้าวและซุปให้เวินซิน เมื่อเห็นชายหนุ่มที่กลับอย่างเหนื่อย ไม่ได้ต่อเนื่องทันที
“เวินจิ้งเหรอ”
“วันนี้เธอไม่อยู่บ้านเหรอ” สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชาขึ้น น้ำเสียงมีความตื่นตระหนกเบาๆทันที
เวยอานรีบลุกขึ้นทันที เธอสามารถเห็นความกังวลของมู่วี่สิง
“เธอบอกว่าวันนี้จะกลับไปโรงพยาบาลเข้าประชุม … เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
มู่วี่สิงกำหมัดแน่น ใบหน้าก็ตึงเครียด ไม่ตอบเวยอาน เขารีบโทรหาเกาเชียนทันที และสั่งอย่างเย็นชาว่า”คุณผู้หญิงหายไป รีบสั่งคนไปหาเดี๋ยวนี้”