บทที่ 849 งานประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
คำถามสามข้อของฉินซึ่งเทียนอยากจะให้ฉินซีตอบแค่ข้อแรกเท่านั้น เพราะคำถามสองข้อหลังพวกผู้ถือหุ้นวางระเบิดใส่เขา เขาต้องตอบเองถึงจะรับประกันว่ายังคงรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองได้
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะพูดต่อเนื่อง ความเร็วไม่มากไม่น้อย ตั้งใจไม่ให้ฉินซึ่งเทียนมีโอกาสพูดแทรก
เธอพูดต่อไป “สำหรับคำถามข้อที่สองและข้อที่สาม แม้ประธานกรรมการจะไม่ได้สอบถามดิฉัน แต่ดิฉันเห็นว่าเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับตัวดิฉัน ให้ดิฉันอธิบายจะดีกว่า สำหรับเงื่อนไขการรับมรดก หุ้นส่วนนี้เป็นการรับมรดกหลังแม่เสียชีวิต ดิฉันทำตามเงื่อนไขการรับมรดกที่ระบุในพินัยกรรมของแม่แล้ว ส่วนเรื่องข้อกำหนดการรับมรดก หุ้นในส่วนของฉันหลังจากแม่เสียชีวิตฝากให้ประธานดูแล แต่ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ในหุ้นของฉัน เพียงแต่ในช่วงที่ผ่านมาใช้สิทธิ์ออกเสียงแทนดิฉันเท่านั้น ตอนนี้ฉันมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขการรับหุ้นแล้ว เช่นนั้นหุ้นจึงกลับมาเป็นของดิฉันโดยอัตโนมัติ ที่ดิฉันกล่าวมามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ประธานแก้ไขได้ค่ะ”
ฉินซีพูดถึง “แม่เสียชีวิต” สองครั้ง คนที่รู้เหตุการณ์ภายใน สีหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยความหมายลึกซึ้ง แต่สีหน้าของฉินซียังเรียบเฉยไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด
สีหน้าของฉินซึ่งเทียนโกรธจนหน้าดำหน้าแดงนานแล้ว
หลังจากผู้ถือหุ้นหลายคนงงงวยก็ค่อยๆ เข้าใจความหมายโดยนัยจากคำพูดของฉินซี
หุ้นของฉินซีฝากให้ฉินซึ่งเทียนดูแลอัตโนมัติ ที่เรียกดูแลเป็นเพียงวิธีพูดให้ฟังดูดีหน่อย เหมือนกับพัสดุที่ฝากที่จุดฝากส่งก่อนมาถึงฉินซึ่งเทียนทำหน้าที่เป็น “จุดฝากส่ง” ย่อมไม่มีสิทธิ์ใดๆ หรือหมายความว่า เงินปันผลหุ้นส่วนนี้ของฉินซีฉินซึ่งเทียนไม่ควรจะได้รับไป
ผู้บริหารระดับสูงหลายคนของบริษัททำเป็นไม่รู้
พวกเขารู้ดีกว่าใคร หนึ่งปีมานี้ กำไรพวกนี้ เข้ากระเป๋าของฉินซึ่งเทียนทั้งหมด
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเงินปันผลไปไหน แต่ก็พอจะคาดเดาได้
ฉินซึ่งเทียนรู้แต่แรกว่าเงื่อนไขการรับมรดกของฉินซีมีแค่แต่งงาน เพราะฉะนั้นการดูแลหุ้นของเขาอาจสิ้นสุดลงเมื่อไรก็ได้ แต่เขาปิดบังข้อเท็จจริงนี้กับผู้ถือหุ้นทุกคน ทำให้เข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสิทธิ์ขาด
ครู่หนึ่ง สีหน้าของทุกคนก็ซับซ้อน บางคนไม่ปิดบังอารมณ์ แสดงออกสีหน้าเย็นชา
คำพูดในที่ประชุมจะต้องบันทึกในรายงานการประชุมฉินซีกล้าพูดเช่นนั้น แน่นอนว่าเธอมีความมั่นใจ
เธอยังพูดทิ้งท้าย ถ้าหาก ฉินซึ่งเทียนไม่เห็นด้วยก็ชี้แจงได้ ที่จริงแล้วเป็นการปิดทาง ฉินซึ่งเทียนตอบโต้ต่างหาก
ถ้าหากเขาคิดจะตอบโต้ก็จำเป็นต้องงัดหลักฐานออกมา
แต่ถ้าเขากล้าเอาหลักฐานปลอมมาแสดงในที่นี้ก็จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่หนักหนากว่านี้
ฉินซึ่งเทียนคาดไม่ถึงว่าฉินซีจะสวมบทโหดขนาดนี้ เขาสูดหายใจเข้าแรงหลายครั้งถึงจะหายใจได้สะดวก
คำพูดของฉินซีทำให้ความน่าเชื่อถือของเขาในหมู่ผู้ถือหุ้นพังลงไปกว่าครึ่ง เขาต้องคิดให้รอบคอบว่าจะกู้มันกลับคืนมาอย่างไร
ด้านหลี่เหวยที่นั่งอยู่ข้างเขา ตกใจจนหน้าซีดยิ่งกว่า
ตอนที่เธอแต่งงานเข้ามาเมื่อหนึ่งปีก่อนฉินซีทะเลาะกับฉินซึ่งเทียนรุนแรงแล้ว เธอไม่เคยไปมาหาสู่กับฉินซีเห็นเธอเป็นแค่เด็กอ่อนหัด คาดไม่ถึงเมื่อได้เห็นวันนี้ ที่จริงแล้วร้ายไม่เบา
มิน่าความเคลื่อนไหวของเธอก่อนหน้านี้ถึงถูกจับได้หมด…
ในใจหลี่เหวยแอบยกเลิกแผนการที่วางไว้ก่อนหน้า ดูแล้วแค่ลำพังตัวเองไม่มีทางทำลายฉินซีแย่งหุ้นของเธอมาได้แน่ จำเป็นต้องยืมมือคนอื่น
ฉินซึ่งเทียนไม่รู้ว่าหลี่เหวยกำลังทำอะไร แม้แต่ตัวเขาเองยังเอาตัวไม่รอด
หลังจากฉินซีนั่งลง เขารีบเปิดไมค์ แต่ชะงักอยู่อึดใจถึงตอบเสียงแห้ง “ฉินซีพูดถูกครับ เรื่องการรับมรดกของเธอเป็นเรื่องที่แม่ของเธอพูดกับเธอโดยตรง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไร ให้เธอตอบเองจึงดีที่สุด”
เขาตั้งใจเอาตัวรอด คิดอยากจะอธิบายว่าตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าคนที่นั่งอยู่ข้างล่างเวทีไม่เชื่อคำพูดของเขา
ฉินซียิ้มเย็นในใจ
เป็นเรื่องของเธอกับแม่สองคนหรือ
ฉินซึ่งเทียนหน้าด้านจริงๆถึงได้พูดออกมาเช่นนี้
แต่เธอต้องการเปิดโปงฉินซึ่งเทียนอยากจะพูดถึงต้นสายปลายเหตุให้ชัดก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องเก่าของแม่ ตัวเธอเองไม่เป็นไร เพียงแต่ไม่อยากให้แม่ถูกโพนทะนาอีก
มีคนยิ้มเย็น “ประธานฉินไม่ต้องถ่อมตัว ในเมื่อสามารถดูแลหุ้นได้ เรื่องพินัยกรรมคงทราบไม่น้อย”
ฉินซึ่งเทียนถูกตบหน้าจนทนไม่ไหว รีบร้อนอยากจะจบหัวข้อนี้ “เอาล่ะ ประเด็นการรับหุ้นของฉินซีเราเปิดเผยรายละเอียดมากขนาดนี้แล้ว ส่วนอื่น…”
เขาอยากจะพูดต่อ แต่หางตาเหลือบไปเห็นฉินซียกมือขึ้นช้าๆ
ตำแหน่งที่เธอนั่งเห็นชัดเจน ทุกความเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของทุกคน เมื่อเธอทำเช่นนี้ สายตาของทุกคนก็มองตาม
ฉินซึ่งเทียนจำเป็นต้องหยุดพูด หันไปมองเธอไม่พอใจ “มีอะไรอีกหรือ”
ฉินซีลูบคาง “ตอนนี้ดิฉันมีหุ้น 20% ในบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง ดิฉันคิดว่า…ควรจะมีสักตำแหน่งในคณะกรรมการใช่ไหมคะ”
ฉินซึ่งเทียนหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่า ฉินซีจะมีข้อเสนอเช่นนี้
เขาเข้าใจมาตลอดว่าฉินซีไม่มีใจทะเยอทะยานอยากได้บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป จึงประมาทเรื่องหุ้นมาก และยังไม่คิดว่าฉินซีจะรู้เงื่อนไขการรับโอนหุ้น หนึ่งปีมานี้จึงไม่เคยแทรกแซงมาก่อน
ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้แต่แรก เขาต้องแอบวางแผนจัดการไม่ให้ฉินซีได้หุ้นไปแน่นอน!
ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์ฉินซีลงมือเร็วและแรงไม่รอเวลาแม้แต่วินาทีเดียว พอได้หุ้นในมือก็ประกาศทันที หลังประกาศก็เริ่มประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น แต่ละขั้นตอนต่อเนื่องกัน ทำให้เขาไม่มีเวลาตอบโต้
เมื่อครู่ในใจเขายังปลอบตัวเองฉินซีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้หุ้นไปจะทำอะไรได้ ได้ก็ได้ไปสิ ใครจะไปนึก…เธออยากจะเข้ามาเป็นกรรมการบริหาร
หลี่เหวยที่นั่งเคียงข้างเขาในใจถูกคลื่นซัดถาโถมรุนแรงยิ่งกว่า
เธอจินตนาการไม่ออก ถ้าหากฉินซีเข้ามานั่งในคณะกรรมการ แผนการที่เธอวางไว้เพื่อให้ตัวเองกับฉินหว่านได้ตำแหน่งจะทำอย่างไรต่อไปดี
ไม่ได้ไม่ได้เด็ดขาด!
ฉินซีไม่สนใจสีหน้าซีดเซียวของทั้งสองคนบนเวที หันไปมองผู้ถือหุ้นทุกคน “การเลือกคณะกรรมการถือเป็นหัวข้อการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นใช่ไหมคะ ก่อนหน้านี้ดิฉันไม่ใช่ผู้ถือหุ้น จึงไม่มีสิทธิ์มาขอตำแหน่งนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ดิฉันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถ้าหากไม่มีดิฉันในคณะกรรมการ เกรงว่ามติจะไม่มีผลบังคับค่ะ”
ทันใดนั้นผู้ถือหุ้นทุกคนเข้าใจแล้ว
ฉินซีถือหุ้น 20% ในมือแล้ว ถ้าหากมติของคณะกรรมการถูกเธอคัดค้านหรือใช้สิทธิ์ไม่ออกเสียงทุกครั้ง เช่นนั้น…ข้อเสนอทุกข้อก็อาจถูกใช้สิทธิ์ยับยั้งได้
การข่มขู่ของเธอครั้งนี้ได้ผลมาก ทันใดนั้นทุกคนก็ฮือฮากัน
ฉินซึ่งเทียนเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่เข้าท่า จึงรีบพูด “ฉินซีเข้าใจการบริหารบริษัทตรงไหน! ทุกคนอย่าเพิ่งโวยวาย!”